อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 840 มีดอะไรว่องไวชะมัด
“เฮ้ ไม่รู้สึกว่าคุณคนนี้ดูคุ้นๆเหรอ?” ไป๋กั้วถามขึ้นมา
“อะไรเหรอ?” เจียงเหม่ยซือไม่ทันสังเกตอะไร
“ใช่จริงๆด้วย” หลี่เหอเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับไป๋กั้ว
“เฮ้ ฉันรู้แล้วเขาไม่ใช่คนที่ต่อสู้กับเราเพื่อให้ได้ข่าวเรื่องการประเมินสุดยอดผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหารแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรอกหรือไง?” จู่ๆไป๋กั้วก็กล่าวขึ้นมา
“ใช่แล้วล่ะ ถูกเผงเลย” ตอนนี้หลี่เหอนึกออกแล้ว
“การประเมินการทำอาหารงั้นรึ?” เจียงเหม่ยซือยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
“ตอนนั้นทั้งฉันกับไป๋กั้วทำรายการวาไรตี้ที่มีชื่อเสียงมากอยู่รายการหนึ่ง แต่เนื่องจากคนผู้นี้เป็นหนึ่งในนักวิจารณ์ในการแข่งขันทำอาหารแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จัดขึ้นในประเทศเวียดนาม ด้วยความคิดเห็นอันหลักแหลมของเขาทำให้เขาได้รับยอดเข้าชมบนเว่ยป๋อมากกว่าเราเสียอีก ฉันไม่คิดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาเจอเขาที่นี่” หลี่เหอกล่าวแล้วพบว่าเรื่องนี้ช่างยากจะเชื่อได้ลง
เรื่องนี้ช่างยากจะเชื่อได้ลงจริงๆ ตอนนั้นไป๋กั้วกับหลี่เหอต่างมีปฏิสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกันสักเท่าไหร่ซึ่งโปรดิวเซอร์ตั้งใจที่จะทำให้ตกเป็นจุดสนใจเพื่อให้ได้ยอดเข้าชมมากขึ้น ทันใดนั้นเองคุณเฉิงที่ออกมาจากที่ไหนก็สุดรู้คนนี้ก็เอาชนะยอดเข้าชมของพวกเขาด้วยความคิดเห็นอันหลักแหลมเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างอาหารจีนและอาหารของประเทศอื่นๆ
ท้ายที่สุดก็ค้นพบจนได้ว่าอันที่จริงแล้วคนผู้นี้เป็นเชฟที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในประเทศและเคยเป็นตัวแทนของประเทศเพื่อทำกิจกรรมแลกเปลี่ยนอาหารในต่างประเทศ
เป็นเรื่องน่าแปลกที่คนแบบนี้กำลังเรียนรู้อยู่ที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้นจากความเคารพที่มีต่อหยวนโจวก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเขายอมรับหยวนโจวโดยสิ้นเชิง
“คนแบบนั้นมาเรียนรู้วิธีการทำอาหารที่นี่งั้นเหรอ?” เจียงเหม่ยซือพบว่าช่างเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อได้ลง
ถึงอย่างไรสำหรับพวกเขาแล้ว ผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้น่าจะมีความภาคภูมิใจในตัวเอง แล้วเขาจะมาเรียนรู้จากหยวนโจวที่นี่ได้อย่างไรกัน? ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเรียนรู้ด้วยทัศนคติที่เคารพและนอบน้อมอีกต่างหาก
ควรรู้ว่าเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่พวกเขาถ่ายทำตอนที่เกี่ยวกับศิลปินเครื่องจักสานผู้หนึ่ง คนผู้นั้นยังเป็นที่รู้จักกันในฐานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย ทว่ากลับอารมณ์ร้ายเป็นอันมากและระหว่างการถ่ายทำนั้นเอง เขาก็ไม่อดกลั้นเอาเสียเลย
อาจกล่าวได้ว่าผู้เชี่ยวชาญจะทำสิ่งที่เขาอยากทำเพียงเพราะพรสวรรค์ของเขา แต่เชฟที่มีชื่อเสียงจะเรียนรู้อย่างอ่อนน้อมถ่อมตน นั่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าประหลาดใจจริงๆ
พวกเขาถึงกับขยี้ตาตนเองด้วยความสงสัยว่าพวกเขาเข้าใจคนผิดหรือไม่
“ใช่แล้วล่ะ คุณเฉิงอยู่ที่นี่มาได้สักระยะหนึ่งแล้วล่ะ เขาพยายามที่จะเป็นศิษย์ของเถ้าแก่หยวนให้ได้เลยแต่เถ้าแก่หยวนก็ปฏิเสธเขา” ลูกค้ากล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
“ปฏิเสธงั้นรึ?” ทั้งสามคนมองไปทางหยวนโจวกับคุณเฉิงด้วยสายตาแปลกๆแล้วสถานะของหยวนโจวในใจของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างเงียบๆ
“ถูกต้องแล้วล่ะครับ ผมยังไม่ตรงตามมาตรฐานของอาจารย์หยวนน่ะสิครับ” คุณเฉิงกล่าว เขาบังเอิญได้ยินเข้าอย่างชัดเจน
“แค่ก แค่ก คุณเฉิง แม้แต่คุณก็ยังไม่ตรงตามมาตรฐานของเขาอีกเหรอครับ?” ไป๋กั้วสำลักลมหายใจตัวเองเมื่อได้ยินคำพูดของคุณเฉิงแล้วกล่าวด้วยความสงสัย
คุณเฉิงมองไปทางหยวนโจวด้วยความเคารพก่อนพลางนึกถึงฝีมือการทำอาหารมากมายนับไม่ถ้วยที่หยวนโจวเคยแสดงออกมาก่อนจะตอบว่า “ใช่ครับ ยังอีกห่างไกลเชียวล่ะครับ”
ด้วยสิ่งนี้เองทำให้พวกเขายิ่งรู้สึกสับสนกับระดับของหยวนโจวเข้าไปใหญ่ ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่สามารถระงับความตกตะลึงเอาไว้ได้เลย ทีแรกพวกเขาเชื่อว่าหยวนโจวด้อยกว่าดีนอยู่นิดหน่อย แต่มาตอนนี้แม้แต่ดีนก็ถึงกับยอมรับความยอดเยี่ยมของหยวนโจวแล้ว
“คุณเฉิง ช่วยบอกเราหน่อยได้ไหมครับว่าอาหารจานไหนของที่นี่ที่เรียนรู้ได้ง่ายที่สุด?” หลี่เหอเป็นคนแรกที่หายจากอาการตกตะลึงแล้วถามขึ้นมา
“ในระยะเวลาอันสั้นที่คุณมีย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเรียนรู้ฝีมือการทำอาหารของอาจารย์หยวนได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่คุณสามารถทำได้ หากจัดวางท่าทางให้เหมาะสม คุณก็น่าจะสามารถทำออกมาได้ครับ” คุณเฉิงกล่าวโดยไม่คิดจะอมพะนำเอาไว้แต่อย่างใด
“อะไรเหรอครับ/คะ?” ทั้งสามคนถามขึ้น แม้แต่ดีนก็อยากรู้เช่นกัน
“น้ำแตงโมไงล่ะครับ น้ำแตงโมคั้นสดๆ” คุณเฉิงกล่าว
“น้ำแตงโมงั้นเหรอครับ? ใช่แล้ว! ทำไมพวกเราถึงนึกเรื่องนั้นไม่ออกกันนะ? เครื่องดื่มน่าจะเรียนรู้ได้ง่ายที่สุดแล้วล่ะ” ไป๋กั้วกล่าวด้วยความตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“จริงด้วย การทำน้ำแตงโมง่ายมากเลยนะ” เจียงเหม่ยซือพยักหน้าพลางอมยิ้ม
“พวกเราน่าจะสามารถบรรลุภารกิจนี้ได้แล้วล่ะ” หลี่เหอพยักหน้าด้วยความโล่งอก
“คุณบอกว่าเชฟหยวนคั้นน้ำแตงโมด้วยวิธีการที่ต่างออกไปด้วยใช่ไหมครับ?” ดีนถามเนื่องจากเขาสังเกตพบอะไรบางอย่างได้เมื่อเห็นสีหน้าของคุณเฉิงเข้า
“ครับ ทุกอย่างที่อาจารย์หยวนทำแม้ว่าจะเป็นแค่น้ำแตงโมธรรมดาๆก็มักจะแตกต่างไปจากผู้อื่นครับ” อาจารย์เฉิงกล่าว
“ต่างกันยังไงเหรอครับ?” ไป๋กั้วถามขึ้นมา
จริงสิ มันก็แค่น้ำแตงโมนี่นา หลังจากหั่นแตงโมแล้วใส่ลงเครื่องปั่น น้ำแตงโมก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว แบบนี้จะมีอะไรแตกต่างกันเล่า?
“อาจจะมีอะไรแตกต่างไปก็ได้นะ” เจียงเหม่ยซือกล่าวเมื่อนึกถึงวิธีซาวเมล็ดข้าวของหยวนโจวขึ้นมาได้
“ฉันล่ะสงสัยนักเชียวว่าแตกต่างกันยังไง?” หลี่เหอตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“เถ้าแก่หยวนกำลังจะทำในไม่ช้านี้แหละครับ พวกคุณจะได้เห็นเองนั่นแหละ” คุณเฉิงมักจะให้ความสนใจในตัวหยวนโจวแม้แต่ตอนที่กำลังคุยกับผู้อื่นอยู่ก็ตามที เขาจึงรีบบอกให้พวกเขามองไปทางหยวนโจว
คราวนี้หาใช่การเตรียมการของเจียงเหม่ยซือกับคนอื่นๆแต่อย่างใด ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเป็นลูกค้าที่สั่งน้ำแตงโมนั่นเอง
“ดูสิฉันโชคดีขนาดไหนที่ได้ดื่มน้ำแตงโมในคืนนี้” ลูกค้ารู้สึกดีใจมากทีเดียว
เป็นที่พอเข้าใจได้อยู่ว่าเหตุใดลูกค้าคนนั้นถึงได้ดีอกดีใจเสียขนาดนั้น น้ำแตงโมของหยวนโจวมีอยู่จำนวนจำกัด ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงตอนนี้เลยด้วยซ้ำไป แม้แต่ในช่วงปีใหม่เมื่อตอนอากาศเย็น น้ำแตงโมจะหมดลงทันทีที่ถึงตอนกลางคืน
ทั้งสามคนรู้สึกราวกับได้หมอนมาหนุนยามที่พวกเขารู้สึกง่วงนอน ทันทีที่พวกเขาถามเรื่องน้ำแตงโมขึ้นมา พวกเขาก็มีโอกาสได้ประจักษ์แจ้งด้วยตาตนเอง
“มาเลย เข้ามาดูเถ้าแก่หยวนทำน้ำแตงโมใกล้ๆกันเถอะ” หลี่เหอเรียกคนอื่นๆ
“โอเค” ไป๋กั้วกับเจียงเหม่ยซือตอบแล้วเดินตรงไปข้างหน้า
ความเร็วที่หยวนโจวใช้ในการทำน้ำแตงโมนั้นรวดเร็วเสียยิ่งกว่าตอนที่เขาหุงข้าวเสียอีก
หลี่เหอ ไป๋กั้วและดีนมองดูหยวนโจวหยิบแตงโมออกมา หลี่เหอบ่นพึมพำว่าแตงโมลูกนี้ดูเหมือนว่าจะมีคุณภาพดีแถมยังฉ่ำและดูแน่นอีกต่างหาก
แสงวาบกลางอากาศเสียงดังหวือทำให้เกิดรอยผ่ารูปทรงกลมขนาดเท่ากำปั้นปรากฏขึ้นบนแตงโม ก่อนที่หลี่เหอกับคนอื่นๆจะทันได้ชื่นชมความงดงามด้านใน พวกเขาก็เห็นหยวนโจวเล็งมีดของเขาจากมุมที่แปลกมาก และแตงโมรูปทรงกระบอกที่มีลอนคลื่นคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา
แตงโมรูปทรงกระบอกนี้เป็นส่วนที่อยู่ด้านในสุดของแตงโมลูกเดิม ดูราวกับแกนทับทิมที่เปล่งประกายแวววาว มันถูกวางอยู่บนจานอย่างเงียบๆ ต่อมาหยวนโจวก็คั้นน้ำแตงโมสดๆออกมาแก้วหนึ่ง
น้ำแตงโมสีแดงในแก้วดูสวยงามมากทีเดียว ตรงบริเวณพื้นผิวของแก้วมีฝ้าขาวชั้นเล็กๆกำลังล่องลอยอยู่ทำให้ลักษณะภายนอกทั้งหมดของน้ำแตงโมดูเย้ายวนอย่างน่าเหลือเชื่อ และเมื่อประกอบเข้ากับกลิ่นหอมสดชื่นของแตงโมแล้วก็จะพบว่าช่างยากจะทานทนต่อน้ำผลไม้แก้วนี้ได้
ทุกขั้นตอนกินเวลาน้อยกว่าสองนาที และที่ใช้เวลานานขนาดนี้ก็เพราะวิธีการคั้นด้วยมทอแบบดั้งเดิมที่หยวนโจวใช้นั่นเอง
ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือหยวนโจวใช้มีดทำครัวเล่มเดียวกันในทุกขั้นตอน นี่ก็คือสาเหตุของความประหลาดใจของพวกเขานั่นเอง
เขาใช้ทำครัวเล่มใหญ่เสียขนาดนั้นให้เป็นรอยผ่าขนาดเล็กเพื่อหั่นแตงโมให้เป็นทรงกระบอกที่เกลี้ยงเกลาเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?
“เมื่อก่อนตอนที่ฉันดูโทรทัศน์แล้วเห็นคนที่เพียงแค่ใช้มีดตวัดกลางอากาศเพื่อหั่นวัตถุดิบทั้งหมดให้เสร็จ ฉันเห็นว่าช่างเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อได้ลง แต่หลังจากได้เห็นเชฟหยวนจัดการแตงโมแล้ว ฉันก็คงต้องเชื่อแล้วล่ะ” ไป๋กั้วพึมพำ
“นั่นมันว่องไวเกินไปแล้วนะ” เจียงเหม่ยซือย่นจมูกด้วยสีหน้ากังวลใจเนื่องจากเธอไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนนัก
“จริงด้วย เร็วมากเลย” หลี่เหอยังคงเหม่อลอยเนื่องจากเขาเพียงแค่เห็นมีดโฉบไปโฉบมาแล้วแตงโมก็ถูกหั่นออกมาแล้วเท่านั้น
ภารกิจนี้สร้างความยุ่งยากให้แก่ชีวิตของพวกเขาจริงๆ พวกเขาเป็นดาราไม่ใช่เชฟสักหน่อย แล้วพวกเขาจะไปถือมีดแบบนี้ได้อย่างไรกันเล่า?