มนุษย์เสนอ เทพเซียนสนอง
ในขณะที่หยวนโจวกำลังรู้สึกสับสนอยู่นั้น ข้าวนึ่งที่เจ้าระบบเรียกว่าอาหารชื่อดังกลับกลายเป็นที่นิยมมาก
มันเป็นที่นิยมมากเสียจนแม้แต่จวงซินมู่ก็ยังอยากจะกินเช่นกัน
“คืนนี้ไปกินข้าวโชคดีกันเถอะ” จวงซินมู่กล่าวขึ้นทันทีหลังจากรับสาย
“ข้าวโชคดีงั้นเหรอ?” อู๋โจวดูเหมือนจะสับสนเข้าเสียแล้ว
จวงซินมู่ส่ายหน้าแล้วอธิบาย “ก็ข้าวนึ่งไงเล่า”
“ข้าวนึ่งเป็นหนึ่งในเมนูข้าวร้อยอย่างไม่ใช่เหรอ? แล้วมันกลายเป็นข้าวโชคดีไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะเนี่ย?” อู๋โจวทำงานล่วงเวลามาสองสามวันแล้วจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในอินเตอร์เน็ต
จวงซินมู่ยินดีอธิบายทุกอย่างให้เขารู้
อู๋โจวถึงกับพูดไม่ออกไปเลยเมื่อได้ยินคำอธิบาย “เธอเชื่อเรื่องนั้นจริงๆเหรอ?”
“ก็ไม่เชิงนะ แต่ในเมื่อทุกคนกำลังจะไปกิน ฉันก็อยากลองชิมดูบ้างน่ะ” จวงซินมู่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
“เธอก็รู้จักเมิ่งเมิ่งเหมือนกันนี่ ฉันเชื่อว่าเธอก็แค่โชคดี อย่าได้หลงเชื่อข่าวลือเป็นอันขาดเชียว ไม่งั้นเธอจะต้องเสียใจตอนที่รู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่จริง” อู๋โจวยังครองสติเอาไว้ได้จึงเตือนจวงซินมู่ล่วงหน้า
“จ้า จ้า ฉันรู้แล้ว เรื่องเดียวที่ฉันสนใจก็มีแต่เรื่องกินเท่านั้นแหละ” จวงซินมู่ตอบก่อนที่จะวางสายไป
ในเวลางาน อู๋โจวไม่มีเวลาว่างมากพอ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เดินออกจากสำนักงานระหว่างคุยโทรศัพท์ เพราะแบบนั้นเอง จ้าวอิ๋งจวินจึงไม่คุยกับเขาอีก
“แม้แต่ข่าวลือนายก็ยังจะเชื่ออีกเหรอ?” จ้าวอิ๋งจวินถาม
“ท่าจะเป็นงั้น” อู๋โจวกล่าวอย่างช่วยไม่ได้
“เถ้าแก่หยวนไม่เคยทำเรื่องธรรมดาๆหรอก ทุกครั้งที่เขาได้รับความนิยมก็เพราะเหตุผลประหลาดๆบางอย่าง” จ้าวอิ๋งจวินนึกถึงเหตุการณ์ตอนห่านย่างขึ้นมาได้
ระหว่างเหตุการณ์ครั้งนั้น การสั่งห่านหนึ่งในสี่ส่วนกลายเป็นเทรนด์มาจนถึงตอนนี้เลย ส่วนข้าวนึ่งก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของโชคดีไปเสียแล้ว ทั้งสองเหตุการณ์เป็นเรื่องที่แปลกเอามากๆเลย
ตอนนี้เมิ่งเมิ่งผู้เป็นตัวการของเรื่องทั้งหมดนี้กำลังเคี้ยวขนมปังแครกเกอร์ตุ้ยๆพลางสังเกตทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไปด้วย หลังจากกลืนขนมปังแครกเกอร์ลงไปแล้ว เธอก็พึมพำว่า “การโปรโมทโดยไม่ตั้งใจของฉันทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ค่อนข้างน่าพึงพอใจทีเดียว เถ้าแก่หยวนน่าจะเลี้ยงอาหารเป็นการตอบแทนฉันสำหรับเรื่องนี้สักมื้อนะ”
เมิ่งเมิ่งมีสีหน้าทั้งน่าเอ็นดูและเจ้าเล่ห์แสนกลยามที่เธอกล่าวออกมาเช่นนั้น
เมิ่งเมิ่งหารู้ไม่ว่ายามนี้หยวนโจวกำลังรู้สึกจนปัญญาเอามากๆ
“เจ้าระบบ เดี๋ยวนี้แกเรียนรู้การท่องเน็ตด้วยเหรอ? อาหารชื่อดังทางอินเตอร์เน็ตอะไรกันล่ะเนี่ย?” หยวนโจวถามขึ้นหลังจากสูดหายใจลึกๆ
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “เจ้านายจะค้นหาดูก่อนหรือยอมรับภารกิจเลยก็ได้”
“โฮ่โฮ่ ภารกินงั้นเหรอ? ฉันยังไม่ได้เอารางวัลเมื่อคราวที่แล้วมาใช้ด้วยซ้ำไป ทำไมถึงได้มีภารกิจใหม่เสียแล้วล่ะ? ดูเหมือนกับว่าพอฤดูใบไม้ผลิมาเยือน แกเองก็มีผลงานเหมือนกันนี่นาเจ้าระบบ แถมแกยังมอบภารกิจสองอย่างให้ฉันทำในช่วงเวลาสั้นๆแค่นั้นอีกต่างหาก” หยวนโจวกล่าว
ควรรู้ว่าหยวนโจวยังไม่เคยใช้รางวัลการเดินทางที่ได้มาเลย ตอนนี้เขาได้รับภารกิจมาอีกอย่างแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนว่าภารกิจนี้จะสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้วด้วย สิ่งนี้ช่างทำให้รู้สึกค่อนข้างน่าเหลือเชื่อ
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “อาจจะได้รับภารกิจรอง ภารกิจที่ซ่อนอยู่และภารกิจหลักเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ โดยไม่มีลำดับที่จำเพาะเจาะจงระบุเอาไว้ในภารกิจ เจ้านายสามารถรับภารกิจนี้ได้โดยไม่ต้องกังวลเลย”
“อืม ขอฉันคิดดูก่อนนะ” หยวนโจวตอบพลางขมวดคิ้ว เขายังไม่รับภารกิจในทันที
“แต่แกก็ต้องบอกฉันมาก่อนสิว่าอาหารชื่อดังทางอินเตอร์เน็ตคืออะไร?” หยวนโจวกล่าว
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “คำว่าชื่อดังทางอินเตอร์เน็ตมักจะถูกนำมาใช้กับคนที่เป็นที่นิยมในอินเตอร์เน็ต คนที่ได้รับความนิยมในอินเตอร์เน็ตด้วยเหตุผลใดๆก็แล้วแต่”
“ส่วนใหญ่คนพวกนี้จะกลายเป็นที่นิยมก็ต่อเมื่อมีอุปนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอกซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญในอินเตอร์เน็ต พวกเขาจะรู้สึกพึงพอใจกับความต้องการต่างๆที่คนๆหนึ่งสามารถมีได้ เช่น รูปลักษณ์ภายนอก ความบันเทิง ความตื่นเต้น ความแปลกใหม่หรือแม้แต่แนวโน้มที่จะถูกถ้ำมอง และนั่นก็คือวิธีการที่คนดังในอินเตอร์เน็ตสามารถได้รับความสนใจจากผู้คนในอินเตอร์เน็ต”
“เช่นเดียวกับอาหารชื่อดังทางอินเตอร์เน็ตในคราวนี้ เนื่องจากความบังเอิญบางอย่าง อาหารจึงกลายเป็นที่นิยมในอินเตอร์เน็ตขึ้นมา”
“หลังจากอธิบายมาเสียยืดยาวขนาดนั้นแล้ว แกยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าจริงๆแล้วอาหารจานไหนที่เป็นอาหารชื่อดังทางอินเตอร์เน็ตกันแน่” หยวนโจวกล่าว
ใช่แล้วล่ะ เจ้าระบบยังไม่ได้บอกเขาเลยว่าอาหารจานไหนที่เป็นอาหารชื่อดังทางอินเตอร์เน็ตหลังจากอธิบายมาเสียยืดยาว
“ห่านย่างงั้นเหรอ?” หยวนโจวนึกถึงเหตุการณ์ตอนห่านย่างขึ้นมาได้แล้วคาดเดา
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ข้าวนึ่งกลายเป็นอาหารชื่อดังทางอินเตอร์เน็ตหรือที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งในอินเตอร์เน็ตว่าข้าวโชคดี”
“อาหารจานนั้นเองน่ะเหรอ? น่าแปลกชะมัดเลย” หยวนโจวรู้สึกประหลาดใจ
ถึงอย่างไรข้าวนึ่งก็เป็นอาหารที่ง่ายที่สุดจากเมนูข้าวร้อยอย่าง นี่ก็คืออาหารจานล่าสุดที่หยวนโจวคาดว่าน่าจะได้รับความนิยม
“ฉันต้องรู้ให้ได้เลยว่ามันกลายเป็นข้าวโชคดีได้ยังไงกัน” หยวนโจวตัดสินใจ
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “เจ้านาย คุณสามารถรับภารกิจได้เลยนะ”
“ในฐานที่เป็นสุดยอดเชฟในอนาคต นับเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่ฉันต้องรอบคอบเอาไว้ ดังนั้นฉันต้องแน่ใจบางเรื่องเสียก่อน แล้วภารกิจยึดครองอินเตอร์เน็ตในคราวนี้ยังต้องการให้ฉันทำให้ร้านเป็นที่นิยมมากขึ้นอีกใช่ไหม?” หยวนโจวคาดเดาไปเรื่อยเปื่อย
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “เจ้านายจะรู้เองหลังจากรับภารกิจแล้ว”
“ดูเหมือนฉันจะพลาดไปเสียแล้ว” หยวนโจวพึมพำกับตัวเอง
หยวนโจวรู้จักเจ้าระบบดีและเกรงว่าหากเขาเดาถูก เจ้าระบบก็คงจะบอกเขาทันที แต่หากเขาเดาผิด เจ้าระบบก็คงจะเร่งเร้าให้เขารับภารกิจแทน
“ฉันต้องทำอาหารชื่อดังทางอินเตอร์เน็ตอีกงั้นเหรอ?” หยวนโจวถาม
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “เจ้านายจะได้รู้วิธีบรรลุภารกิจและรางวัลหลังจากรับภารกิจแล้ว”
“ฉันพูดถูกสินะ” หยวนโจวพึมพำด้วยท่าทีครุ่นคิดก่อนจะเงียบไป
ขณะที่หยวนโจวกำลังนั่งเงียบๆอยู่หน้าร้านพลางถือมีดอยู่นั้น จู่ๆอู๋ไห่ก็ส่งเสียงพูดมาจากชั้นบน
“เถ้าแก่หยวน กำลังฝันกลางวันอยู่งั้นเหรอ?” อู๋ไห่ถามจากหน้าต่างชั้นสองด้วยความประหลาดใจพลางลูบหนวดเคราของตนเองไปด้วย
“เปล่าหรอก ฉันกำลังนึกถึงเรื่องบางอย่างอยู่น่ะ” หยวนโจวตอบพร้อมเงยหน้าขึ้น
“ไม่มีทางเสียหรอก นายนั่งเหม่ออยู่ตรงนั้นมาได้สักครู่แล้วแล้ว” อู๋ไห่โต้แย้ง
แต่หยวนโจวกลับก้มหน้าลงหลังจากบอกสิ่งที่อยากจะพูดออกไปแล้ว หลังจากอู๋ไห่ตอบมาแล้ว เขาก็ไม่พูดอะไรออกมาอีกและยังเอาแต่นั่งเงียบต่อไป
“เถ้าแก่หยวน! เถ้าแก่หยวน! นายฝันกลางวันอีกแล้วงั้นเหรอ?” อู๋ไห่ตะโกนเรียก
“เปล่าสักหน่อย” หยวนโจวตอบโดยไม่เงยหน้ามองสักนิด
“แล้วทำไมนายถึงไม่ตอบฉันล่ะ?” อู๋ไห่ถาม
“ก็แค่ขี้เกียจเงยหน้าตอนคุยน่ะ” หยวนโจวกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ไม่เป็นไร งั้นเดี๋ยวฉันลงไปหา” อู๋ไห่กล่าวแล้วหายตัวไปจากหน้าต่างทันที ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็มาปรากฏตัวอยู่ชั้นล่าง
อู๋ไห่มักจะเป็นคนที่ทำอย่างที่พูดเสมอ อย่างไรเสียก้นับว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากที่วันนี้หยวนโจวไม่ได้กำลังแกะสลักอยู่แต่กลับนั่งฝันกลางวันแทน ดังนั้นอู๋ไห่จึงถือโอกาสเข้ามาคุยกับหยวนโจวเสียเลย
“ทำไมนายถึงลงมาเสียเล่า?” หยวนโจวถาม
“ก็นายบอกว่าขี้เกียจเงยหน้าไม่ใช่หรือไง? ฉันก็เลยลงมาเสียเลย” อู๋ไห่ตอบ
“ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าอยากคุยนะ” หยวนโจวกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ดูสิ วันนี้อากาศดีชะมัดเลย เรามาคุยเรื่องเมนูอาหารค่ำไม่ก็อาหารจานใหม่ที่นายกำลังจะเตรียมกันเถอะ” อู๋ไห่เสนออย่างใจกว้าง
“ถึงเวลาฝึกแกะสลักแล้ว” หยวนโจวกล่าวพลางยกมีดขึ้นมา
“ถึงยังไงนายก็ต้องพักบ้างนะ เถ้าแก่หยวน เรื่องเดียวที่นายนอกเหนือจากงานก็เห็นจะมีแต่การฝึกแกะสลักนี่แหละ แล้วมันจะต่างอะไรกับซากศพกันเล่า?” อู๋ไห่กล่าวอย่างจริงจัง
“ต่างสิ” หยวนโจวกล่าวด้วยความมั่นใจ
“ต่างกับผีน่ะสิ” อู๋ไห่กล่าว
“ซากศพไม่หล่อเท่าฉันหรอกและซากศพก็ไม่รู้จักวิธีทำอาหารด้วย” หยวนโจวตอบพลางจับจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย
สิ่งนี้ทำเอาอู๋ไห่ถึงกับพูดไม่ออกไปเลยทีเดียว
และนี่ก็คือสนทนาที่อาจจะทำให้ถูกฆ่าตายเอาได้ และนี่คือสาเหตุที่ทำให้อู๋ไห่จับตาดูความสามารถในการมีส่วนร่วมกับการสนทนาของหยวนโจวด้วยความดูถูกดูแคลน