จิงหงส์ก้าวเข้าไปข้างหน้าพร้อมกับเหยือกรินเหล้า และเติมลงถ้วยจนเต็มให้ซูมู่เก๋อ แต่นางไม่ได้นั่งลง
“ใต้เท้า ท่านอยากฟังข้าร้องเพลงหรือดูข้าร่ายรําเจ้าค่ะ?”
ซูมู่เก๋อเอื้อมมือไปจับข้อมือของนางบังคับให้นางนั่งลงข้างๆ
“อ๊ะ!”
“ใต้เท้า ท่านกําลังทําอะไร!?”
จิงหงส์เป็นคนแข็งแกร่งกว่าที่ซูมู่เก๋อคาดไว้ แต่นางก็ไม่ได้กําจัดมือของซูมู่เก๋อออกไปให้พ้นตัวนาง
“ใต้เท้า ข้าเป็นเพียงผู้ให้ความบันเทิงเท่านั้นเจ้าค่ะ!”
ซูมู่เก๋อหัวเราะเบาๆ นางโอบมือที่เองของจิงหงส์จากด้านหลังฝังใบหน้าของนางลงที่คอของจิงหงส์แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ซูมู่เก๋อรู้สึกว่าร่างกายของจิงหงส์แข็งที่อขึ้น
ก่อนที่จิงหงส์จะขึ้นตัวออกไป ซูมู่เก๋อก็ปล่อยมือจากนาง
จิงหงส์จ้องมองซูมู่เก๋อด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ และหมุนตัวไปเปิดประตูโดยตั้งใจที่จะออกไป
ซูมู่เก๋อไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ นางรินเหล้าให้ตัวเองหนึ่งถ้วย แล้วยกขึ้นจิบ เหล้าไม่ได้เข้มข้นมาก แต่มีรสหวานเล็กน้อย
แน่นอน นางจะไม่ยอมเสีย 100 เหลียงที่จ่ายไปสําหรับค่ามื้ออาหารนี้แน่
อย่างไรก็ตาม จึงหงส์ยืนนิ่งหลังจากที่เปิดประตูราวกับว่า นางถูกบังคับให้ยืนนิ่งอยู่กับที่
ซูมู่เก๋อคว้าน่องไก่บนโต๊ะกัดแล้วมองกลับไปที่นางอย่างอยากรู้อยากเห็น
น่าแปลกที่ มีร่างหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูดูเหมือนจะขัดขวางการออกจากห้องของจิงหงส์!
“ราชา ราชาแห่งจิน ทําไม ทําไมท่านถึงอยู่ตรงนี้” มองไปที่ชายตัวสูงตรงหหน้านาง จงหงส์รู้สึกวิญญาณของนางหลุดลอยไปและหัวใจของนางเต้นกระหนําใกล้จะทะลุออกมานอกอก
ซูมู่เก๋อมองออกไปที่นอกประตูและตัวแข็งในทันทีที่เห็นหน้าชายผู้นั้น
ชายหนุ่ม ในชุดคลุมสายรัดเอวสีแดงเข้มรูปดาบไขว้ มงกุฎหยกสีขาวมัดผมยาวดําขลับของเขา มีรูปทรงที่ละเอียดอ่อนและดวงตาสีเข้มคู่หนึ่งใต้คิ้วที่ดูดุดันราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุความคิดของคนๆหนึ่งได้ในพริบตา
เขาหุ่นเพรียวมากและสูง เพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆเขาก็น่ากลัว พอๆกับการมาถึงของกองทหารนับพัน
ซมู่เก๋อสําลักไก่ที่เพิ่งกัดเข้าปากในทันที
“อะ-แฮม อะ-แฮ่ม…”
หลังจากไอสักพัก ในที่สุดนางก็กลืนไก่ลงคอได้ เมื่อมองไปที่ชายคนนั้น ซูมู่เก๋อก็หันหน้าไปมองนอกหน้าต่างทันที
เซี่ย โฮวโม่!
จึงหงเพิ่งเรียกเขาว่าราชาแห่งจิน!
นี่คือตัวตนที่แท้จริงของเขา กลมกลืนลงตัว มีเพียงรูปลักษณ์ภายนอกแบบนี้เท่านั้นที่สามารถเข้ากับอารมณ์ของเขาได้
นางไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะหล่อขนาดนี้
สายตาของเซีย โฮวโม่จ้องตรงไปที่ร่างที่แข็งเกร็งของจิงหงส์แทน
“หลบไป”
จึงหงส์มันงงและก้าวออกไปด้วยความกลัวและดีใจ นางหลงรักเขาตั้งแต่แรกเห็น และนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พูดคุยกับเขา
เซี่ยโฮวโม่เดินไปหาซูมู่เก๋อและนั่งลงเพียงมองนางอย่างเงียบๆ
รู้สึกเหมือนถูกตรวจตราอย่างละเอียดและร่างกายของนางก็รู้สึกอึดอัด ซูมู่เก๋อทําได้เพียงหันไปมองเซี่ยโฮวโม่อย่างแข็งขึง
เซี่ยโฮวโม่ยังมองดูนางในความเงียบๆ
บ้าเอ้ย! มันสั่นประสาทมาก!
“อืม มันดึกแล้ว ท่านแม่ของข้าอาจจะเรียกหาข้ากลับไปร่วมทานอาหารเย็น ข้าขออภัย” ซูมู่เก๋อต้องการหลุดพ้น ผู้ชายคนนี้อันตรายมากจนนางรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่านางควรอยู่ให้ห่างจากเขา
“หยุด”
ซูมู่เก๋อตัวแข็งและหยุด “ข้าจะสามารถรับใช้ท่านได้ขอรับฝ่าบาท?”
“นั่งลง”
ซูมู่เก๋อขมวดคิ้วและยังนิ่ง “ฝ่าบาท จิงหงส์จะอยู่กับท่านขอรับ”
จากนั้นจึงหงส์ก็รู้สึกตัว นางก้าวเข้าไปหาเขาอย่างเขินๆและเอียงอาย และกําลังจะรินเหล้าให้กับเซี่ยโฮวโม่
“ออกไป!” เสี่ยโฮวโม่พูดด้วยน้ําเสียงเย็นชา
จิงหงส์ตัวสั่นและมองไปที่เซี่ยโฮวโม่ด้วยความเศร้าสร้อย แต่นางไม่ได้ตอบรับคําสั่งของเขา
เมื่อเห็นความวางท่าของจิงหง ซูมู่เกื้อห์ในใจอย่างเย็นชาด้วยความไม่พอใจ จึงหงทําตัวดูเหมือนสาวพรหมจรรย์กับนางเมื่อกี้นี้ แต่ในเวลานี้ นางแทบรอไม่ไหวที่จะแปะติดกับเซี่ยโฮวโม่!
เซี่ยโฮวโม่ก็ไม่ใช่คนดีแน่ มิเช่นนั้น เขาคงไม่มาหาความสําราญที่นี่!
ซูมู่เก๋อแอบตําหนิตัวเองที่ขี้ขลาดต่อหน้าเซี่ยโฮวโม่ การที่นางปลอมตัวเป็นซูหลุนในอดีต ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้! จึงไม่มีอะไรที่เซี่ยโฮวโม่สามารถทําอะไรนางได้!
หลังจากจินตนาการกับตัวเองอย่างต่อเนื่อง ซูมู่เก๋อก็สงบลง ดึงจิงหงส์เข้ามาใกล้นางแล้วนั่งลง
“พระองค์ช่างไร้ความปราณีต่อสตรีนัก ฝ่าบาท จิงหงส์กลัวพระองค์มาก”
ซูมู่เก๋อดึงจิงหงส์มานั่งข้างนางและขอให้นางรินเหล้าให้ถ้วยหนึ่ง “ฝ่าบาท จากความสนพระทัยของพระองค์ ให้หม่อมฉันดื่มถวายพระพรสักถ้วยด้วยเถิดพะย่ะค่ะ” หลังจากนั้นนางก็ดื่มเหล้าในถ้วยจนหมด
เซี่ยโฮวโม่หันมาสบตาสีเข้มและแตะแก้วเหล้า เมื่อเห็นเช่นนั้นจิงหงก็รีบเข้ามารินเหล้าให้กับเขา เขายังคงนิ่งและดื่มเหล้าหมดแก้ว
“ฝ่าบาท พระองค์เป็นนักดื่มที่ยอดเยี่ยมมาก! มา เติมอีก แก้ว!”
ตั้งแต่เซี่ยโฮวโม่เข้ามาในห้องนี้ เซี่ยโฮวคุณในห้องฝั่งตรงข้ามก็เห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจน
“เซี่ยโฮวโม่? เขามาทําอะไรที่นี่?! ไปหามาว่าเขาอยู่กับใครในห้องนั้น!”
“พะยะค่ะ”
ในห้องนั้น ซูมู่เก๋อถือแก้วเหล้า กําลังรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก
เมาง่ายมาก นางไม่แตะเหล้าใดๆที่มีแอลกอฮอล์เกิน 10% ในอดีต
รู้สึกว่าเหล้ามีรสชาติเหมือนไวน์ผลไม้ที่นางเคยดื่มมาก่อน นางจึงผ่อนคลายความระมัดระวังและดื่มมากไป อย่างไรก็ ตาม นางไม่ได้คาดหวังว่ามันจะมีผลรุนแรงขนาดนี้!
ไม่ นางไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป! สติที่เหลืออยู่ของนางเตือนให้นางออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!
ซูมู่เก๋อยืนขึ้นโดยใช้มือของนางอยู่บนโต๊ะและดวงตาของนางเต็มไปด้วยความมึนเมา “ฝ่าบาท ข้าต้องขอตัวลากลับแล้วจริงๆ ข้าขออําลา”
แม้ว่านางจะรู้สึกเวียนหัว แต่ก็ยังสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้
นางเดินโซซัดโซเซไปที่ประตู แต่ยากมากเมื่อนาง เปิดประตูนางก็ชนใครบางคน
“อา!”
“ใต้เท้า โปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วย! อภัยให้ข้าด้วย! ข้าไม่ได้ตั้งใจทําเยี่ยงนี้ขอรับ!”
ซูมู่เก๋อมองลงไปและเห็นรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าของนางและนางก็ขมวดคิ้ว จากนั้นนางก็มองไปที่หญิงสาวที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้านาง จากนั้นซูมู่เก้อก็หมอบลงเพื่อมองหน้านางพร้อมกับเอียงศีรษะ
“เจ้าอีกเจ้าทําเสื้อผ้าขอข้าเปื้อน! อีก”
สาวใช้กลัวจนแทบจะหัวฟาดพื้น นางตอบด้วยความสิ้นหวังว่า “ใต้เท้า ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย! ได้โปรดเมตตาข้าด้วยเจ้าค่ะ! ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆเจ้าค่ะ”
ซูมู่เก๋อพ่นลมหายใจดัง เอื้อมมือไปเชยคางของนางขึ้นมา
สาวใช้มีใบหน้ารูปไข่น่ารัก ดวงตารูปอัลมอนด์คู่หนึ่งที่แวววาวและมีสีแดงในเวลานี้ และเม้มริมฝีปากรูปเชอร์รีใต้จมูกโด่งสวยเป็นเส้นตรง แม้จะมีผิวที่ซีด แต่ความงามของนางก็ไม่อาจซ่อนเร้นได้
แตกต่างจากความงามอันชดช้อยของจิงหงส์ ความงามแท้ของนางสามารถดึงดูดผู้คนได้เสมอ
“ตะ-ใต้เท้า…”
ซูมู่เก้อรู้สึกได้ว่าตัวนางสั่น
“มีเอ๋อร์ เจ้ากล้าทําให้แขกชั้นสูงของข้าขุ่นเคืองได้อย่างไร?! ออกไปให้พ้น! ข้าจะให้บทเรียนกับเจ้าในภายหลัง!” จิงหงส์คิ้วขมวดและตําหนินางอย่างเย็นชา จากนั้นนางก็ช่วยซูมู่เก๋อและยิ้มอย่างมีเสน่ห์ให้ “เจ้าเท้าเจ้าค่ะ ให้อภัยแก่ข้าด้วย นางยังเด็กไม่รู้กฏ ข้าหวังว่าท่านจะปล่อยนางไปในครั้งนี้เจ้าค่ะ”
ด้วยรอยยิ้ม ซูมู่เก๋อพิงจิงหงส์และกอดเอวนางแน่นเข้า เมื่อมือเล็กๆของนางกําลังจะถึงหน้าอกของจิงหงส์ จู่ๆข้อมือของนางก็ถูกใครบางคนจับเอาไว้
“โอ้ย! มันเจ็บ!”
ซูมู่เก๋อหันกลับไปและจ้องมองไปที่คนๆนั้น เพียงเพื่อจะพบหน้าเซี่ยโฮวโม่ยืนอยู่ด้านหลังนางด้วยสายตาที่ดูเคร่งเครียด
“ท่านทิ้งข้างั้นหรือ ฝ่าบาท? ไม่ต้องกังวล คืนนี้ข้าไม่แย่งจิงหงส์กับพระองค์แน่พะย่ะค่ะ”
อย่างไม่คาดคิด เซี่ยโฮวโม่ดึงนางออกจากอ้อมแขนของจิงหงส์ จับเอวแล้วยกตัวนางขึ้นพาดไหล่ของเขา
“เอ๊ะ!”
ซูมู่เก๋อตกใจ แต่รู้สึกได้ว่าเลือดของนางพุ่งลงไปที่หัวของนางและนางก็ยิ่งหน้ามืดเวียนหัวยิ่งขึ้น
นางรู้สึกได้เพียงภาพเบื้องหน้าที่กระพริบของนางตลอดเวลา เมื่อเท้าของนางแตะพื้น นางก็กลับมามีสติสัมปชัญญะมากขึ้น
นางเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยโฮวโม่ผู้ซึ่งใบหน้าซ่อนไว้ในความมืดครึ่งหนึ่ง รู้สึกว่าเลือดของนางพุ่งขึ้นมา
“ท่านกําลังทําอะไร?! มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่มีวิชาตัวเบา!”
นางมองไปรอบๆ และพบว่าตัวเองอยู่ในลานโล่งที่ล้อมรอบไปด้วยความมืดและความเงียบที่น่ากลัว
เซี่ยโฮวโม่มองไปที่ดวงตาที่เบิกกว้าอย่างโกรธเกรี้ยวของนางและทันใดนั้นก็เอื้อมมือไปที่ใบหน้าของนาง
ซูมู่เก๋อยังคงโกรธอยู่ ยกมือของนางขึ้นและผลักมือเขาออกไป แต่เซี่ยโฮวโม่รวดเร็วมากจนซูมู่เก้อรู้สึกเจ็บปวดอย่างกะทันหัน จากนั้นหน้ากากของนางก็ถูกฉีกออก
ในตอนนี้ ซูมู่เก๋อรู้สึกสติแตกอย่างสิ้นเชิง!
นางจ้องไปที่ดวงตาสีเข้มของเซี่ยโฮวโม่ พร้อมกับการเต้นของหัวใจที่กระหน่ําขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก
“คุณหนูซุมาเที่ยวหอนางโลมเพื่อความสนุก โดยการปลอมตัวงั้นรึ?” เสียงที่ไร้อารมณ์ของเซี่ยโฮวโม่ดังขึ้นท่ามกลางความมืด
ซูมู่เก๋อก็มีสติทันใด และคว้าหน้ากากมาไว้ในมือ “งานอดิเรกพิเศษ ฝ่าบาท มันไม่ใช่ธุระกงการของท่านมิใช่รึ?”
เซี่ยโฮวโม่มองไปที่นาง “มันกลายเป็นว่าคุณหนูซูมีงานอดิเรกในการปลอมตัว ข้าสามารถพูดได้ว่าในเมืองชุนหยาง เจ้าปลอมตัวของเจ้าและทําในสิ่งที่เจ้าไม่ควรทํา”
จู่ๆ ซูมู่เก๋อก็รู้สึกหวาดระแวง เซี่ยโฮวโม่หมายถึงอะไร? เตือนนางงั้นหรือ?
“ข้าไม่รู้ว่าพระองค์กําลังพูดถึงอะไร ฝ่าบาท!”
เซี่ยโฮวโม่มองนางด้วยรอยยิ้มที่เข้าใจยาก “อาการป่วยของแม่ทัพหลินมีปัญหาอะไร?”
“อะไรนะ?!
เขารู้จุดประสงค์ของนางที่ไปที่หอบุปผชาติได้อย่างไร? มีอะไรในโลกนี้ที่สามารถปกปิดจากเขาได้บ้าง?
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางจะไม่ยอมรับว่านางปลอมตัวเป็นซูหลุนเด็ดขาดเพื่อไม่ให้คนอื่นนํามาข่มขู่ได้
“ฝ่าบาท พระองค์ทรงทราบเรื่องอาการป่วยของท่านแม่ทัพหลินหรือเพคะ?”
ใช่
ซูมู่เก้อรู้โดยทันทีว่าที่เซี่ยโฮวโม่ต้องมาพบนางก็เพื่อข้อมูลเกี่ยวกับอาการป่วยของแม่ทัพหลิน
“ได้โปรดประทานอภัยแด่หม่อมฉันด้วยที่ไม่สามารถกราบทูลได้เพคะ” ด้วยเกียรติของแพทย์นางจะไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้ป่วยโดยง่าย
เซี่ยโฮวโม่เลิกคิ้วและไม่บังคับนาง
“เจ้าค้นพบอะไรในหอนางโลมได้บ้างล่ะ คุณหนูซู?”
เขารับรู้ด้วยว่านางมาสืบหาข้อมูลในซ่อง!
ซูมู่เก๋อเม้มริมฝีปากของนางแน่น รู้ว่าชายผู้นี้จะไม่ปล่อยนางไปโดยง่าย หากคืนนี้นางไม่ยอมเปิดเผยอะไร
“สาวใช้ที่ชื่อมี่เอ๋อร์ค่อนข้างแปลก นางมีกลิ่นยาที่ต้องการปกปิดด้วยกลิ่นหอม”
ในสถานที่เช่นหอบุปผชาติ แขกที่เข้าและออกเป็นผู้ที่มีฐานะร่ํารวยหรือสูงศักดิ์ ไม่มีทางที่สาวใช้ที่ป่วยจะทํางานต่อไปได้ เพราะนางสามารถแพร่กระจายความเจ็บป่วยไปยังแขกและเกิดข้อพิพาทโดยไม่จําเป็นได้
กลิ่นของยาในตัวพี่เอ่อร์ไม่สามารถกลบด้วยกลิ่นเครื่องหอมที่รุนแรงเช่นนี้ได้ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่านางป่วยหนักมาเป็นเวลานานแล้ว อย่างไรก็ตาม มันค่อนข้างผิดปกติที่ไม่มีใครในซ่องพบมัน!
“เจ้าจะตามหานางในภายหลังหรือไม่?”