ดวงตาของเขาลุกโชติช่วงด้วยความหึงหวงเมื่อเห็นศัตรูหัวใจปรากฎตัวขึ้นตรงหน้า
ถึงเรื่องศัตรูหัวใจที่ว่านี้จะเป็นการตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวของราชาแห่งนรก แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าสูงส่งที่เขาไม่อาจเทียบได้ขึ้นมา เขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะได้เอาชนะอีกฝ่ายไปเสียทุกครั้ง
”ตี้จวินแห่งภพสวรรค์หรือ” ราชาแห่งนรกหัวเราะชั่วร้าย ท่าทางกระหายเลือดของเขากับบุตรชายเหมือนกันอย่างคาดไม่ถึง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ชักช้าให้เสียเวลา เสื้อคลุมสีดำของเขาปลิวอยู่ในอากาศขณะที่พุ่งตรงเข้าหาราชาแห่งนรกด้วยความรวดเร็วราวกับเงา จากนั้นเขาจึงเอื้อมมือออกไปกำรอบคอของอีกฝ่าย ”นางอยู่ที่ไหน”
”นาง? ใครอย่างนั้นรึ” ราชาแห่งนรกไม่เข้าใจคำถามของเขาแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นโทสะของเขาจึงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ”เจ้าอย่าคิดนะว่าเพียงเพราะเจ้าได้รับความโปรดปรานจากภรรยาของข้า แล้วข้าจะไม่กล้าทำร้ายเจ้า ถ้าไม่ใช่เพราะข้ารู้ว่าเจ้าจะใช้เรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างที่จะทำให้ภรรยาของข้าสับสนแล้วละก็ ข้าคงได้ลงมือกับเจ้าไปนานแล้ว!”
ตอนที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังเป็นตี้จวินอยู่ เทพธิดาจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็ขอร้องให้คู่รักของตัวเองเลียนแบบท่าทางและการกระทำของเขา
ราชาแห่งนรกเห็นผู้ชายคนนี้เป็นเสี้ยนหนามในสายตามาแต่ไหนแต่ไร แม้ชายคนนี้จะดูสูงศักดิ์ น่าเคารพนับถือ และดูไม่แยแสต่อสิ่งใด แต่ข้างในเขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากข้า เขาสามารถฆ่าคนได้โดยไม่แม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ้ำ
เขาก็แค่ปิดบังมันได้ดีกว่าเท่านั้น และทั้งหมดนั้นก็เพื่อให้เขาสามารถตีสนิทกับหงส์เพลิงแห่งพระพุทธศาสนาได้โดยง่าย
เดี๋ยวสิ อย่าบอกนะว่าเขามาที่นี่เพราะหงส์เพลิง!
ราชาแห่งนรกรู้สึกพอใจเล็กน้อย รอยยิ้มโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา ”ทำไม ภรรยาของเจ้าก็หนีไปเหมือนกันหรือ ก็ดีต่อนางแล้วนี่!”
โครม!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ซัดกำปั้นเข้าใส่ราชาแห่งนรกทันทีที่เขาพูดจบ!
กำปั้นนั้นเคลื่อนฝ่าอากาศ และกระแทกกับใบหน้าของราชาแห่งนรกเข้าอย่างจัง
ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาคงยากจะต้านทานพลังหมัดอันรุนแรงนั้นได้
แต่ราชาแห่งนรกนั้นแตกต่างออกไป เขาหันหน้าไปด้านข้างแล้วพ่นเลือดออกมา จากนั้นจึงใช้หลังมือสะกัดข้อมือของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเอาไว้ แล้วฟาดมืออีกข้างใส่เขาอย่างไม่ยอมรับในความพ่ายแพ้ของตัวเอง!
การต่อสู้ของทั้งสองเป็นราวกับการปะทะกันระหว่างดาวสองดวง ทุกการออกหมัดนั้นล้วนแต่ทำให้นรกต้องสั่นสะเทือน
ผู้พิพากษาวิญญาณยกมือขึ้นกุมศีรษะและยืนอยู่ข้างเขา ด้วยเนื้อตัวอันสั่นเทา เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากเฝ้าดูวิญญาณคนตายมากมายสลายไปเพราะการต่อสู้ของทั้งสอง แม้แต่สิ่งของที่จัดแสดงไว้ในนรกก็ยังแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะแรงสั่นสะเทือนนั้น
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ราชาแห่งนรกจึงสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาเช็ดเลือดที่มุมปากอย่างแรงแล้วพูดขึ้นว่า ”บัดซบ! เจ้าจงใจทำเช่นนี้ใช่หรือเปล่า เจ้าจงใจเลือกสู้กับข้าในที่ของข้าเพราะเจ้ากลัวว่าจะเกิดความเสียหายครั้งใหญ่ขึ้นในที่ของตัวเองใช่ไหม! ถ้าแน่จริงเราก็ไปสู้กันที่ภพสวรรค์สิ ถึงตอนนั้นข้าจะทำลายวิหารของเจ้าให้ดู!”
ราชาแห่งนรกคิดว่าการพูดเช่นนี้จะสามารถหยุดการต่อสู้ลงได้
เพราะอย่างไร ก่อนหน้านี้เขาก็เป็นคนเริ่มลงมือก่อน
ที่ผ่านมาไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะสู้กับเขาก็ต่อเมื่อรู้สึกหมดความอดทนเท่านั้น
แต่คราวนี้มันกลับแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่แม้แต่จะฟังเขาเลยด้วยซ้ำ เขายกขาขึ้นแล้วถีบราชาแห่งนรกอย่างแรงจนลอยไปกระแทกกับผนังที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นจึงเคลื่อนสายตาลงมองเขา แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างถึงที่สุดว่า ”ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย นางอยู่ที่ไหน”
”หึ” ราชาแห่งนรกหัวเราะ เขาไม่สนใจเลือดที่อยู่บนร่างของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ”เจ้าคิดไม่ออกหรือ หรือว่าเจ้ากำลังหลอกตัวเองอยู่ ถึงแม้ว่าวิญญาณของหงส์เพลิงจะหายไป แต่แน่นอนว่ามันย่อมไม่มีทางมาอยู่ในนรกได้ อย่างไรนางก็เป็นหงส์เพลิงเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ระหว่างภพสวรรค์และโลกมนุษย์”
ไป๋หลี่เจียเจวี่ยกำหมัดแน่น เขารู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวในอกราวกับหัวใจแตกสลาย ขณะเดียวกันนั้นดวงตาของเขาก็ยิ่งแดงก่ำราวกับเต็มไปด้วยเลือด
ผู้พิพากษาวิญญาณกลัวว่านรกจะวอดวาย ดังนั้นเขาจึงย่อตัวลงด้วยความหวาดกลัวแล้วแก้มัดให้กับบุตรแห่งราชานรกพร้อมกับเอ่ยเบาๆ ว่า ”องค์ชาย ดูข้างนอกนั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ตี้จวินอยู่ในนรก และกำลังสู้กับราชาแห่งนรกอยู่ ถ้าพวกเขายังเอาแต่สู้กันอยู่เช่นนี้ วิญญาณทุกดวงจะต้องหนีออกไปได้แน่ๆ”
บุตรแห่งราชานรกวางขาที่ไขว้กันลงกับพื้นเมื่อได้ยินว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอยู่ที่นี่ จากนั้นเขาก็รีบพุ่งออกไปพร้อมกับขวานสีดำของตัวเองทันที
เดิมทีนั้นเขาคิดว่าอีกฝ่ายมาที่นี่เพื่อพบกับเขา แต่หลังจากได้เห็นดวงตาแดงก่ำราวกับเลือดนั้นเข้า บุตรแห่งราชานรกจึงตระหนักได้ว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น เพราะผู้ชายคนนี้ดูสภาพเหมือนคนเสียสติไม่มีผิด
ทุกอย่างยิ่งเลวร้ายลงเมื่อบิดาของเขาเกลียดชังอีกฝ่ายเสมอมา
บุตรแห่งราชานรกไม่รู้ว่าผู้เป็นบิดาพูดอะไรกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
ตอนนั้นนั่นเอง จู่ๆ เขาก็เห็นว่าชายคนนั้นหยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองเอาไว้อย่างฉับพลันแล้วยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสง่างามโดยมีเงาทอดยาวอยู่ข้างหลัง ภาพนั้นดูราวกับว่าเขาได้สูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไปจนหมดสิ้น เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดหน้าตัวเอง ทั้งยังไม่สนใจมืออีกข้างที่มีเลือดไหลออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
มองไกลๆ แล้วสีหน้าที่อยู่บนใบหน้าของเขากระตุ้นให้รู้สึกถึงความอ้างว้างอย่างมาก
มันคือความอ้างว้างอย่างไม่ผิดแน่
ต่อให้ที่ด้านหลังและเหนือร่างของเขาจะมีปีศาจติดตามอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน หรือต่อให้เขาจะมีโลกทั้งใบอยู่ในมือก็ตาม คำพูดนี้วาบขึ้นมาในสมองของบุตรแห่งราชานรก
ผู้ชายคนนั้นคงรู้สึกเหมือนกับหัวใจถูกต่อยเข้าอย่างจัง ความเกลียดชังบานสะพรั่งอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา แม้แต่หินสีดำในนรกก็ยังถูกเขาทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี!
ปีกสีดำอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนหลังของเขา ช่างเป็นวิญญาณร้ายที่ยากจะต้านทานได้
”ข้าบอกแล้วว่าเขาบ้า!” บุตรแห่งราชานรกคำรามขณะยกขวานสีดำของตัวเองขึ้น เขายืนขวางไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเอาไว้พร้อมกับเพลิงนรกที่ลุกโหมอยู่ทั่วร่าง
ดวงตาสีเลือดของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหันมามองทางเขา ”ไสหัวไป”
”ต่อให้เจ้าฆ่าทุกคนที่นี่ไปก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้” บุตรแห่งราชานรกกัดฟัน แต่ทันใดนั้นสายตาของเขาก็พลันหยุดลงที่ทารกตัวน้อยที่คลานอยู่ใต้นั้น ”ช้าก่อน นั่นอะไรน่ะ เจ้าเอาเด็กมาสู้ด้วยหรือ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแค่นหัวเราะพลางยกนิ้วออกจากหน้า ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้ายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาหัวเราะขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ โดยไม่สนใจคำถามของบุตรแห่งราชานรก ”ในเมื่อนางไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ข้าก็จะทำลายนรกแห่งนี้ก่อนไปตามหาตัวนางที่พระพุทธศาสนา ถ้านางไม่ได้อยู่ที่นั่นอีก ข้าก็จะทำลายโลกทั้งใบทิ้งซะ”
เขาตั้งใจทำเช่นนั้นจริงๆ!
นี่เป็นความคิดแรกที่ปรากฏขึ้นในใจของบุตรแห่งราชานรก
ความคิดที่สองคือ บัดซบ! ถ้าโลกนี้ถูกทำลาย แล้วข้าจะไปอยู่กับเสี่ยวโกวได้อย่างไร ต่อให้พวกเราจะไม่ได้อยู่ในยุคสมัยเดียวกัน แต่ถ้าไม่มีชีวิตในอดีต ย่อมไม่มีชีวิตในอนาคต!
”ใจเย็นลงก่อนเถอะ” บุตรแห่งราชานรกตัดสินใจเกลี้ยกล่อมเขา ”เจ้าช่วยอุ้มเด็กที่อยู่ใต้เท้าตัวเองขึ้นมาก่อนได้หรือเปล่า เพลิงนรกอยู่ข้างๆ เขา เขาคงถูกไฟคลอกตายแน่ถ้าเกิดร่วงลงไป” ทันทีที่พูดจบ บุตรแห่งราชานรกก็เหมือนจะคิดอะไรออก ”ไม่สิ เด็กคนนี้มาอยู่ในนรกได้อย่างไร”
ผู้พิพากษาวิญญาณกลัวจนใกล้จะขาดใจตายเต็มที่ เขาไม่กล้าแม้แต่จะยืนตรงๆ ด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงนั่งอยู่กับพื้นแล้วกระซิบกับบุตรแห่งราชานรกว่า ”องค์ชาย กระหม่อมคิดว่าเด็กคนนั้นเป็นบุตรชายของตี้จวินพ่ะย่ะค่ะ ท่านดูดวงตาของเขาสิ”
ตอนนั้นเอง บุตรแห่งราชานรกจึงตระหนักได้ว่าดวงตาของทารกน้อยเป็นสีแดงสด มิหนำซ้ำบนใบหน้าของเขาก็ยังมีรอยยิ้มกระหายเลือดอยู่อีกด้วย เด็กชายดูเหมือนกำลังเล่นสนุกอยู่ ไม่ได้กลัวว่าจะตกลงไปในกองเพลิงแต่อย่างใด
หากว่ากันตามความจริงแล้ว ต่อให้เขาตกลงไปในเพลิงนรกจริง แต่มันก็คงเป็นแค่น้ำพุร้อนสำหรับเขาเท่านั้น
เมื่อคิดได้ดังนี้ บุตรแห่งราชานรกก็หรี่ตาลงทันที จากนั้นจึงเอ่ยถามกับชายหนุ่มผู้ทรงอำนาจเหนือฟ้าดินคนนั้นว่า ”เจ้าคิดจะฆ่าลูกที่เกิดจากเจ้ากับหงส์เพลิงหรือ”