ตอนที่ 70 ไปด้วย
น้ำค้างยามเช้าปรากฏ เรือนเสียนอวิ๋นย่วนก็เริ่มยุ่ง
สาวใช้หกคนยืนเรียวแถวหน้ากระดานข้างหน้าลั่วเซิงถือเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับให้นางเลือก
“คุณหนู ท่านใส่กระโปรงลายดอกไม้สีหมอกตัวนี้เถอะ เข้ากับเครื่องประดับสีทับทิมชุดนี้พอดี”
“อันที่จริงกระโปรงสีฟ้าครามตัวนี้ก็ไม่เลว…”
โค่วเอ๋อร์เกล้ามวยผมให้ลั่วเซิงอย่างคล่องแคล่ว ปากหยุดพูดไม่ได้
ลั่วเซิงชี้ชุดกระโปรงสีเขียวอ่อน “ชุดนี้แล้วกัน”
โค่วเอ๋อร์กระพริบตา “วันนี้คุณหนูจะใส่สีเขียวหรือ ดีเลยเจ้าค่ะ คุณหนูผิวพรรณผ่องขาว สีเขียวเหมาะกับสีผิวของท่านมากที่สุด”
นางพูดพลางเลือกดอกไม้ลูกปัดสีเขียวสดออกมา ค่อยๆ ปักลงไปในมวยผม จากนั้นก็ถอยหลังไปครึ่งก้าวก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ลั่วเซิงเก็บของเสร็จแล้วก็พาหงโต้วออกไป
รถม้ารออยู่ข้างนอก ลั่วเซิงกวาดตามอง นอกจากแม่ทัพใหญ่ลั่วแล้วนางยังเห็นคุณหนูรองลั่วฉิงและคุณหนูสี่ลั่วเย่ว์
แม่ทัพใหญ่ลั่วเห็นว่าสายตาของลั่วเซิงหยุดอยู่ที่ลูกอนุทั้งสอง เขาก็รู้สึกร้อนตัวโดยไม่มีสาเหตุ เขาไอเบาๆ อธิบายว่า “มีพี่รองและน้องสี่ของเจ้าอยู่ด้วย จะได้มีเพื่อนน่ะ”
เขารู้สึกตระหนกเมื่อคิดถึงธนูที่ปักลงกลางเป้าดอกนั้นในสนามประลองเมื่อวานนี้ คิดไปคิดมาเรียกลูกอนุทั้งสองตามไปด้วยจะรู้สึกสบายใจกว่า
ลั่วเซิงไม่ได้คัดค้านการเตรียมการของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพียงแค่ถามว่า “เหตุใดจึงไม่เห็นพี่หญิงใหญ่เล่า”
แม่ทัพใหญ่ลั่วเอ่ยว่า “พี่หญิงใหญ่เจ้าไม่ชอบออกงาน”
บุตรสาวคนโตหมั้นหมายแล้ว ไม่ชอบเข้าร่วมงานเหล่านี้ จะว่าไปแล้วนางเป็นบุตรสาวที่เขารู้สึกวางใจที่สุดแล้ว
เดิมบุตรสาวคนรองก็ไม่ทำให้เขากังวล ใครจะไปคิดว่าตั้งแต่ที่เซิงเอ๋อร์เริ่มเลี้ยงผู้ชายก็ไม่มีแม่สื่อเข้าหาอีกเลย
จนถึงบัดนี้ แม่ทัพใหญ่ลั่วเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดแล้ว นั่นก็คือเลี้ยงบุตรสาวสามคนนี้ตลอดไป
“สายมากแล้ว ขึ้นรถกันเถอะ” แม่ทัพใหญ่ลั่วมองบุตรสาวที่งดงามดั่งดอกไม้ทั้งสาม รู้สึกขมขื่นในใจ
ลูกๆ งดงามประหนึ่งดอกไม้แท้ๆ เหตุใดจึงไม่เป็นดั่งหวังเล่า
แม่ทัพใหญ่ลั่วขี่ม้า พี่น้องสกุลลั่วนั่งในรถ ใช้เวลาเพียงไม่นานทุกคนก็เร่งเดินทางมาถึงจวนผิงหนานอ๋อง
จวนแม่ทัพใหญ่และจวนผิงหนานอ๋องห่างกันเพียงแค่สองเส้นถนน หากไม่ได้สนใจเรื่องภาพพจน์ อันที่จริงก็สามารถเดินเท้ามาได้
บัดนี้หน้าจวนผิงหนานอ๋องมีคนและรถราวิ่งกันขวักไขว่ ดูคึกคักอย่างยิ่ง
ทันทีที่ผู้ดูแลที่ยืนหน้าประตูจวนห็นแม่ทัพใหญ่ลั่วก็รีบขึ้นไปต้อนรับ
“แม่ทัพใหญ่เชิญข้างในขอรับ”
แม่ทัพใหญ่ใหญ่ลงจากหลังม้า ยืนข้างหน้าต่างรถม้ากำชับว่า “จวนอ๋องมีทิวทัศน์งดงาม เซิงเอ๋อร์พวกเจ้าเล่นให้สนุก มีเรื่องอะไรก็สั่งให้คนส่งข่าวให้พ่อ”
ม่านหน้าต่างรถถูกเปิดออก เผยให้เห็นถึงใบหน้าด้านข้างแลดูเย็นชาของหญิงสาว
“เจ้าค่ะ” ลั่วเซิงตอบสั้นๆ ง่ายๆ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย
จากมุมของนาง นางเห็นจวนไคหยางอ๋องที่อยู่ไม่ไกล
ตามกฎของต้าโจว เมื่อท่านอ๋องสวมกวาน[1]ก็จะต้องออกจากเมืองหลวงเพื่อไปดูแลเขตปกครอง และก่อนจะบรรลุนิติภาวะจะอาศัยที่ถนนจูเชวี่ยที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง ซึ่งก็คือถนนจวนอ๋อง
บัดนี้ถนนจูเชวี่ยมีท่านอ๋องสองท่านอาศัยคือ ผิงหนานอ๋องและไคหยางอ๋อง จวนอ๋องสองหลังนี้อยู่ไม่ไกลจากกัน
บัดนี้ เว่ยหานกำลังเดินออกมาจากจวนไคหยางอ๋อง ชุดสีแดงเข้มของเขาสะดุดตาเป็นพิเศษ
เขามองมาอย่างสบายๆ สบเข้ากับดวงตาสุกใสคู่นั้นของหญิงสาว
เว่ยหานตกใจเล็กน้อย ค่อยๆ มองกลับมา
สีหน้าลั่วเซิงเฉยเมยกว่าเว่ยหาน นางปล่อยม่านหน้าต่างรถม้าลงทันที
รถม้าที่หยุดลงเริ่มเคลื่อนไปข้างหน้าอีกครั้ง รถม้าเข้าไปในจวนผิงหนานอ๋องจากประตูข้าง
แม่ทัพใหญ่ลั่วทักทายเว่ยหานที่เดินเข้ามา “คารวะท่านอ๋อง”
เว่ยหานพยักหน้าเบาๆ “ท่านแม่ทัพใหญ่เกรงใจแล้ว”
ทั้งสองไม่ได้สนิมสนมกันนัก เว่ยหานตอบสั้นๆ อย่างมีมารยาทก่อนจะเดินต่อไป เขารู้สึกได้ว่าแม่ทัพใหญ่ใหญ่ลั่วกำลังมองเขาหัวจรดเท้าเงียบๆ ด้วยสายตาแปลกๆ
เว่ยหานงงงัน
ครั้งที่แล้วแม่ทัพใหญ่ใหญ่ลั่วขอโทษเขาเรื่องคุณหนูลั่วยังดูปกติดี เหตุใดวันนี้จึงมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาดเช่นนี้
ถึงอย่างไรก็ไม่สนิทกัน แม้เว่ยหานจะประหลาดใจ กลับไม่เผยสีหน้าใดๆ ยังคงเดินไปข้างหน้าเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แม่ทัพใหญ่ใหญ่ลั่วลอบส่ายศีรษะ
ทั้งๆ ที่ดูมีอำนาจใหญ่โต เหตุใดจึงเห็นแก่เงินเล่า
ใช่แล้ว บนโลกใบนี้ไม่มีของที่ได้มาโดยไม่เสียอะไร บุญคุณที่บุตรสาวติดค้างก็ควรต้องคืน
ถึงอย่างไรไคหยางอ๋องก็เป็นชายชาตรี แต่กลับเลือกวิธีรับเงินเช่นนี้ ทำให้เขาอดดูแคลนไม่ได้จริงๆ ให้บุตรสาวใช้ร่างกายตอนแทนไม่ดีกว่าหรือ!
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเห็นด้วยกับคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลนี้ แต่ไม่ใช้เงื่อนไขที่สมเหตุสมผลนี้กลับต้องการเงินแทน นี่ยังใช่บุรุษหรือ
แม่ทัพใหญ่ลั่วโมโหในใจ อดไม่ได้ที่จะแสดงออกมาทางสีหน้า
เว่ยหานบังเอิญกวาดตาไปเห็นเข้า ฝีเท้าก็ช้าลง
ตอนนี้เว่ยหานมั่นใจแน่แล้วว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วไม่พอใจในตัวเขา
เว่ยหานเดินเข้าไปในจวนผิงหนานอ๋องด้วยความแคลงใจ
พี่น้องสกุลลั่วถูกพาเข้าไปในสวนดอกไม้โดยสาวใช้ของจวนอ๋อง สาวใช้ที่พามานั่งดื่มชาอยู่เรือนด้านหน้าเช่นเดียวกับสาวใช้ที่สตรีคนอื่นๆ พามา
“คุณหนูทั้งสามเชิญทางนี้เจ้าค่ะ”
สวนดอกไม้จวนอ๋องใหญ่มาก คลอบคลุมพื้นที่ฝั่งตะวันตกของสถานที่ เมื่อเดินลึกเข้าไปอีกจะเห็นคนเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละสองถึงสามคนในศาลา
ทันทีที่พี่น้องลั่วเซิงมาถึง เสียงหัวเราะเฮฮาในสวนก็เงียบลง สายตาประหลาดมากมายมองมา
ลั่วฉิงรู้สึกทำตัวไม่ถูก หลุบตาลงเล็กน้อย จู่ๆ ก็นึกเสียใจที่ออกมา
“คุณหนูลั่วมาแล้ว” เว่ยเหวินในฐานะที่เป็นเจ้าของงานย่อมเมินเฉยไม่ได้ นางยกมุมปากขึ้นเข้ามาต้อนรับ
ลั่วเซิงมองเว่ยเหวิน กลับไม่เห็นร่องรอยในวัยเด็กของนางเลย
ชายาเอกผิงหนานอ๋องเข้มงวดกับนางมาตั้งแต่เล็ก ตั้งกฎระเบียบมากมาย
สิบสองปีก่อน ท่านหญิงน้อยจวนผิงหนานอ๋องยังเป็นเพียงเด็กหญิงวัยสี่ขวบ ทุกครั้งที่เจอกันมักจะชอบวนเวียนข้างๆ นางเพื่อขอลูกกวาดกิน
ท่านหญิงน้อยในบัดนี้โตกว่าคุณหนูลั่วหนึ่งปี แม้จะต้อนรับนางด้วยหน้าตายิ้มแย้ม แต่ในดวงตากลับมีเพียงความเฉยเมย
ภายใต้ความเฉยเมยนั้นอาจจะซ่อนความรำคาญไว้
ลั่วเซิงยังไม่ได้เดินเข้าใกล้ศาลาก็เห็นความสนิทสนมของเว่ยเหวินและจูหานซวงแล้ว
กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์ ความเป็นศัตรูที่มีต่อคุณหนูลั่วของจูหานซวงไม่ได้ปกปิดไว้แม้แต่น้อย ท่านหญิงน้อยที่สนิทสนมกับจูหานซวงย่อมมีความรู้สึกไม่ได้ดีไปกว่ากัน
ลั่วเซิงรู้ตนเองดีมาก เมื่อนั่งกับที่แล้วก็ดื่มชาไม่ได้พูดอะไร
วันนี้นางแค่อยากมาหาสามีภรรยาผิงหนานอ๋องและเว่ยเชียง ไม่อยากเสียเวลากับนังหนูคนหนึ่งหรอก
เมื่อสตรีสูงศักดิ์มาถึงครบแล้ว เว่ยเหวินก็กล่าวทักทายอยู่ครู่หนึ่ง ยิ้มพูดว่า “ทุกท่านเชิญดื่มกินตามสบาย ข้าขอออกไปสักครู่”
งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้น ในฐานะที่เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของชายาเอกผิงหนานอ๋อง นางต้องไปแสดงตัวให้เห็น
ส่วนสตรีชั้นสูงในสวนดอกไม้เหล่านี้ล้วนตามท่านแม่มา ไม่จำเป็นต้องอยู่ร่วมกับผู้ใหญ่
พูดง่ายๆ ก็คือนี่คือโอกาสให้เหล่าคุณหนูได้พบปะและพูดคุยกัน
เหล่าคุณหนูหัวเราะพูดว่า “ท่านหญิงไม่ต้องสนใจพวกข้า รีบไปเถอะ”
“เช่นนั้นก็ขอตัวก่อน” เว่ยเหวินพูดอย่างสุภาพก่อนจะหันตัวเดินไป
ลั่วเซิงที่นั่งดื่มชาเงียบๆ วางถ้วยชาลง พูดเสียงดังว่า “ท่านหญิงช้าก่อน”
ลั่วฉิงและลั่วเย่ว์หน้าเปลี่ยนสี แต่พวกนางก็พูดอะไรไม่ได้ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ได้แต่วิตกกังวลในใจ
“คุณหนูลั่วเรียกข้ามีอะไรหรือ” เว่ยเหวินเก็บความประหลาดใจไว้ ถามด้วยเสียงอ่อนโยน
ลั่วเซิงลุกขึ้นเดินไปหาเว่ยเหวิน พูดยิ้มๆ ว่า “ข้าขอตามท่านหญิงไปด้วยนะ”
[1] คือ เครื่องประดับชั้นสูงของจีนในสมัยโบราณ โดยเอาไว้ใช้ครอบศีรษะที่บ่งบอกถึงเกียรติยศบรรดาศักดิ์ของบุคคลนั้น