องครักษ์เสื้อแพร 975 แค้นใหญ่สามแค้น

ตอนที่ 975 แค้นใหญ่สามแค้น

กำลังหลักทุ่มกำลังอยู่ตรงกลางด้านหน้า ปีกข้างอยู่ ๆ กลับมีทัพม้าใหญ่บุกเข้ามา จุดจบก็ง่ายมาก ทั้งทัพแตกกระเจิง

การต่อสู้ราวสี่ชั่วยาม กองกำลังหมิงเมืองเหลียวโจวล้วนอ่อนล้าอย่างมาก หลี่เฉิงเหลียงใช้ทหารราบผลัดกันบุก ความกล้าทหารราบกับวินัยไม่สู้ทหารม้า ดังนั้นไม่อาจให้พวกเขาต่อสู้นานเกินไป เพื่อมิให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายแล้วแตกกระจัดกระจาย  ขุนพลทหารแผ่นดินหมิงล้วนรบเช่นนี้  ตัดสินแพ้ชนะมักอาศัยทหารในสังกัดตนเอง หลี่เฉิงเหลียงได้เป็นอันดับหนึ่งใต้หล้า ก็เพราะมีทหารในสังกัดมากที่สุดนั่นเอง

ทหารราบอ่อนล้า ล้วนหวังว่าทหารม้าจะชนะ ทหารม้าล้อมโจมตีอีกทาง สถานการณ์รบกำลังได้เปรียบและค่อยๆ ก้าวสู่ชัยชนะช้าๆ

ในยามนั้นเอง คนและม้าเหนื่อยล้า ล้วนเริ่มผ่อนกำลัง จากนั้นปีกข้างก็มีพวกทหารม้ามองโกลโผล่มา กำลังหลักอยู่ด้านหน้าตรงกลางทั้งหมด ปีกข้างมีทหารม้าไม่มากนำทหารราบ เห็นทหารม้ามองโกลมืดฟ้ามัวดินทะยานมา ทหารม้าปีกข้างไม่กล้าเข้าต่อกร มักต้องประคองแม่ทัพหนีเอาตัวรอดก่อน ทหารม้าเป็นกำลังหลัก พวกเขาหนี  ทหารราบเห็นด้านหน้ามีแต่พวกทหารม้านอกด่านตะบึงมา จะต้านทานได้อย่างไร ล้วนพากันหนีกระเจิดกระเจิง

ทหารหลายพันเกือบหมื่น ทหารเมืองเหลียวโจวแต่ละคนล้วนไม่รู้ว่าทหารม้าพวกนอกด่านมากันเท่าไร พวกเขารู้เพียงแค่ตอนนี้ศัตรูไม่เพียงแต่เป็นเผ่าหนี่ว์เจิน หากยังมีพวกมองโกล ทหารม้าศัตรูตอนนี้ไม่น้อยกว่าทหารม้าทัพตน ถึงกับยังอาจมากกว่าอีกมาก สถานการณ์เช่นนี้ แม้ทหารม้าส่วนกลางเองก็ยังเริ่มแตกตื่น

ยามนี้ฐานที่มั่นเผ่าหนี่ว์เจินตะวันออกเปิดประตูกว้าง ทหารบุกกันออกมา มุ่งไปทางกองกำลังเหลียวโจวที่ระส่ำระสาย ทหารองอาจกล้าหาญเผ่าหนี่ว์เจิน พวกเขามีทหารม้าพันกว่า บุกเข้ามาทันที

ทัพเมืองเหลียวโจวแตกแล้ว ฉินเต๋ออี่กับหลี่ผิงหูสองคนครั้งนี้ไม่หนี หรืออาจไม่มีโอกาสหนี พวกเขาบุกเข้าทัพใหญ่เผ่าหนี่ว์เจิน และถูกล้อมในวงล้อม ไม่อาจรอดออกมาได้อีก

หลี่เฉิงเหลียงคิดรวบรวมกำลังทหารในสังกัดคุมสถานการณ์ แต่ไม่อาจทำได้ ทหารแตกกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง รอบนอกเอาไม่อยู่แล้ว

ทุกคนเดิมทีล้วนหวังว่าหลี่เฉิงเหลียงจะสั่งการใด คิดไม่ถึงหลี่เฉิงเหลียงบนหลังม้านิ่งอึ้งราวกับไก่ไม้ ในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เขากลับดูแก่ลงไปสิบกว่าปี หัวหน้าทหารหลายนายคิดแล้ว ก็ไม่สนใจนายหรือลูกน้อง พากันสบตาประคองหลี่เฉิงเหลียงหนีกลับ

สองฝ่ายปะทะนับแสนบนสนามรบ เปิดพื้นที่กว้าง แม้ด้านหนึ่งแตกกระเจิงไป แต่หากคิดจะสังหารถึงทัพกลางก็ต้องใช้เวลาพอควร ทหารหลี่เฉิงเหลียงคุ้มกันนายหนีออกไป ขุนพลทหารที่เหลือย่อมไม่อยู่ให้ตัวตาย ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ถึงที่ตาย ไม่ถึงขั้นต้องสละชีพ

ทหารม้าทัพหลักบนสนามรบถอยหนี สถานการณ์ทั้งหมดพังทลายสิ้นเชิง แม้แต่ทหารราบเผ่าหนี่ว์เจินก็ล้วนสามารถเข้าสังหารทหารม้าเก่งกล้ากองกำลังหมิงได้ สังหารได้หนึ่ง แต่ที่เหลือก็ตามไม่ทัน หากทหารราบเต็มพื้นที่เป็นเป้าหมายแห่งการสังหาร ทุกด้านพากันแตกกระเจิงไม่หยุด

หลี่หรูป๋อที่มุ่งโจมตีป้อมเจี้ยฝานไจ้รู้ข่าวก็สายไปเสียแล้ว แต่ทางป้อมเจี้ยฝานไจ้ พวกเผ่าหนี่ว์เจินตั้งหลักมั่นยอมตายบุกออกมา ก็ทำให้เขารู้สึกแปลกใจมากอยู่ก่อนแล้ว

ปืนใหญ่ไม่ค่อยสร้างความข่มขวัญให้ทหารราบที่บุกออกมาสักเท่าไร พวกเผ่าหนี่ว์เจินได้เปรียบเพราะอยู่ที่สูงกว่า หลี่หรูป๋อคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะบุกอย่างไม่สนใจอะไรเช่นนี้ พริบตาก็ต้านทานไม่อยู่ ได้แต่ถูกไล่ลงไป ตอนกำลังจัดทัพจะบุกอีกรอบ ข่าวแตกพ่ายก็มาถึง

หลี่หรูป๋อเป็นลูกกตัญญู ไม่สนใจเอาตัวรอด หากรวบกำลังทหารติดตามไปช่วยบิดา เห็นพวกบิดากำลังหนี แน่นอนต้องหนีตามเช่นกัน

ทหารราบไม่อาจรวบรวมกลับมาได้แล้ว ทหารม้าตนก็แตกกระจัดกระจายระหว่างทาง ทหารม้าเมืองเหลียวโจวหนีตายกันอย่างบ้าคลั่ง ไม่ได้หันไปมองทัพม้ามองโกลไล่บดขยี้มา ม้าหลายตัวในขบวนทัพม้าก็พากันล้มตาย ล้วนหมดกำลัง แต่ก็หาม้าอื่นไล่ตามต่อ

ไม่รักษาฐานที่มั่นแล้ว เสบียงก็ไม่เอาแล้ว รีบหนีกลับเมืองเหลียวโจวก่อน

***************

เมืองหลวงได้รับข่าวการรบอย่างละเอียดตอนต้นเดือนสิบเอ็ด เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวได้รับชัยชนะ ข่าวที่ปิดบังไว้แน่นอนตอนนี้เผยออกมา สายที่อยู่ตอนลึกที่สุดกับทหารที่กระจัดกระจายตอนนี้เริ่มกลับมายังเมืองเหลียวโจว พวกเขานำข่าวละเอียดมา

เผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกลตอนนี้ประสานกำลังกันบุกเข้าด่านฝู่ซุ่นกวนมาแล้ว เข้าพื้นที่เมืองเหลียวโจวแล้ว ค่ายฝู่ซุ่นตกเป็นของข้าศึกแล้ว เมืองใหญ่อันดับสองของเมืองเหลียวโจวเช่นเสิ่นหยางกลายเป็นแนวหน้าแทน

พวกที่ร่วมมือกับเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวก็คือพวกเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นแห่งมองโกล ยังมีเผ่าตั่วเหยียนและเผ่าไท่หนิงที่หลงเหลืออยู่ ยังมีชนเผ่ามองโกลที่ภูเขาไป๋ซานและแม่น้ำเฮยสุ่ย

ความจริงนั้นเมื่อสามปีก่อน นู่เอ่อร์ฮาชื่อรวมกำลังเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว เผ่าหนี่ว์เจินเผ่าทางตะวันตกร่วมเป็นพันธมิตรกับเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นของมองโกลรบกับเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวได้รับชัยเหนือกว่าเล็กน้อย พวกเขาเดิมทีควรเป็นศัตรูที่ไม่อาจร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน คิดไม่ถึงเพราะมีศัตรูเดียวกันจึงร่วมมือกันได้

การสังหารม้าขาววัวดำร่วมเป็นพันธมิตรนั้นเป็นพิธีการร่วมพันธมิตรที่สำคัญที่สุด เพื่อแสดงถึงการร่วมเป็นร่วมตาย

การต่อสู้ครั้งนี้เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวนำกำลังเกินสองหมื่นร่วมศึก ไม่เพียงแค่เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว ยังมีเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีทางตะวันตก ถึงกับแม้แต่เผ่าหนี่ว์เจินตอนเหนือก็มาร่วมสามพันกว่า

เพื่อผนึกกำลังเหล่านี้ เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวนำสมบัติที่ได้จากการสงครามที่สั่งสมมาโปรยออกไป แน่นอนทำให้ได้กองกำลังกองใหญ่มา แน่นอนการค้านี้ไม่เสียเปรียบ ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ได้เสบียงมามากมาย ยังมีข้าวของจากสงครามต่างๆ เพียงพอชดเชยที่เสียไปก่อนหน้า

หลังชัยชนะใหญ่  แต่ละเผ่าในเฮ่อถูอาลาก็ยกให้หัวหน้าเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว นู่เอ่อร์ฮาชื่อ เป็นข่าน ชื่อว่า ‘ข่านปรีชา’ แสดงให้เห็นว่านู่เอ่อร์ฮาชื่อได้ขับไล่แผ่นดินหมิงออกจากการบัญชาการเมืองเจี้ยนโจวและทิ้งตำแหน่งขุนพลที่ได้รับพระราชทานมาแล้ว ตัดสะบั้นกับแผ่นดินหมิงเด็ดขาดแล้ว

เดิมแม่ทัพใหญ่เมืองเหลียวโจวหลี่เฉิงเหลียงมีชื่อเสียงเกรียงไกรในหมู่พวกนอกด่านทางแม่น้ำเฮยสุ่ยและเขาไป๋ซาน ชนชั้นสูงเผ่าหนี่ว์เจินแต่ละเผ่าแถบแม่น้ำเฮยสุ่ยและเขาไป๋ซานล้วนยกย่องสูงส่งราวกับฮ่องเต้ ทหารม้าเหล็กเมืองเหลียวโจวก็ยังมีชื่อเสียงว่ารบไม่เคยแพ้

ครั้งนี้ชื่อเสียงตำนานหมดสิ้น การพ่ายของกองกำลังหมิงทำให้นู่เอ่อร์ฮาชื่อกลายเป็นวีรบุรุษเผ่าหนี่ว์เจิน เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวโดดเด่นขึ้นมา เผ่าหนี่ว์เจินไห่ซีเดิมทีมีใจคิดปรปักษ์ ถึงกับสมคบกับกองกำลังหมิงมาตลอด  คอยแอบให้ข่าว แต่ครั้งนี้ก็ยังมาร่วมโจมตี  หลังชัยชนะนี้ เผ่าหนี่ว์เจินไห่ซีหลายกลุ่มนับวันยิ่งเข้าไปอยู่ฝ่ายเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวมากขึ้น

สำหรับเผ่าหนี่ว์เจิน พวกเขามีชีวิตบนเขา อาศัยการล่าสัตว์ยังชีพ แม้ว่าองอาจกล้าหาญ แต่มักลำบากยากจน ขอเพียงให้เงินทองและของกินพวกเขา มักจะทำให้พวกเขามีใจจงรักภักดีและสวามิภักดิ์

หัวหน้าเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นหมั่งกู่ซือได้ชื่อว่า ข่าน นานแล้ว นู่เอ่อร์ฮาชื่อได้เป็น ข่านปรีชา สองคนร่วมสถานะ

น้าวธนูยิงไปไม่อาจคืน นู่เอ่อร์ฮาชื่อได้ชื่อ ข่านปรีชา ยังปราบกองกำลังหมิงพ่ายไป ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องเป็นใหญ่นอกกำแพงเมืองแล้ว

ตอนนี้เป็นฤดูหนาว หยุดพักทำเกษตร สามารถเคลื่อนกำลังมาได้มาก นู๋เอ่อร์ฮาชื่อประกาศ ‘สามแค้นใหญ่’ กับทหารเมืองเหลียวโจว

ทัพหลักเมืองเหลียวโจวแตกกระจัดกระจาย ด้านในว่างเปล่า เป็นเวลาโจมตีที่ดีที่สุด ทัพใหญ่มองโกลกับเผ่าหนี่ว์เจินบุกเข้าเมืองเหลียวโจว ยึดกองกำลังฝู่ซุ่น ทัพใหญ่เหลียวโจวถูกบีบถอยไปเสิ่นหยาง ทัพมองโกลเดินทัพมามุ่งไปยังกองกำลังเถี่ยหลิ่ง แต่ละที่รายทางถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย

ไม่ว่ามองโกลเคอเอ่อร์ชิ่นหรือเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว ล้วนไม่มีประสบการณ์ตีเมืองใหญ่ เมืองเสิ่นหยางกับกองกำลังเถี่ยหลิ่ง พวกเขาไม่อาจยึดได้ในเวลาอันรวดเร็ว ได้แต่กวาดต้อนหมู่บ้านและป้อมล้อมรอบไปแทน กองกำลังเถี่ยหลิ่งกับเมืองอันเล่อ เมืองชายแดนสำคัญตอนเหนือสุดของเมืองเหลียวโจว หากยึดได้ ลุ่มน้ำเหลียวเหอก็ไร้การป้องกัน สามารถเข้าสู่เสิ่นหยางกับเหลียวหยางทางทุ่งหญ้าได้ทันที ยึดที่นี่ได้ พวกมองโกลเคอเอ่อร์ชิ่นก็จะยิ่งสะดวกในการเข้าสู่เมืองเหลียวโจว

เสิ่นหยางเป็นประตูหลักสู่เมืองเหลียวโจว เป็นเส้นทางสำคัญ หากไม่ตีเสิ่นหยาง ไม่ว่าไปเมืองเหลียวโจวทางใด ก็ล้วนมีอันตรายว่าจะถูกตัดทางด้านหลัง

รองแม่ทัพซุนโส่วเหลียนประจำเหลียวหนานยามนี้ปรากฏตัว เพราะอยู่กองหลัง เมื่อกองหน้าพ่ายศึก เขาย่อมนำกำลังหนีทัน แม้ว่าเขาหนี แต่กำลังกระจัดกระจายไปไม่มาก หลี่เฉิงเหลียงเดิมไม่อยากให้เขานำกำลังทหารสร้างความชอบมาก ดังนั้นปรากฏซุนโส่วเหลียนจึงคุมกำลังในมือตนไว้ได้สมบูรณ์ไม่เสียหาย

ซุนโส่วเหลียนหนีกลับเหลียวหนาน ก็เตรียมป้องกันเมืองเหลียวโจวตามแนวขวางออกตกของแม่น้ำไท่จื่อเหอ แต่ละป้อมแต่ละค่ายก็ล้วนเสริมกำลังแน่นหนา

มองโกลเคอเอ่อร์ชิ่นกับเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว หนึ่งอยู่ตะวันตก หนึ่งอยู่เหนือ เหลียวหนานได้รับผลกระทบน้อยมาก กอปรกับกำลังยังอยู่ กลับทำให้รักษาไว้ได้

พวกนอกด่านตะวันตกกับพวกนอกด่านทางตะวันออกร่วมกันแล้วก็หลายหมื่น คิดปิดบังไม่ง่าย ข่าวมาถึงเมืองหลวงไม่ขาด

ผู้ว่าการเขตจี้เหลียวกับขุนนางที่ราชสำนักส่งมาไปถึงเมืองเหลียวโจว แต่ละพื้นที่ตอนเหนือรวมกำลังทหารไปที่เสิ่นหยางตั้งแนวป้องกัน คุมสถานการณ์ สองฝ่ายตอนนี้นับว่ารักษาท่าทีกันอยู่

บุตรชายคนหนึ่งของหลี่เฉิงเหลียงตายในสนามรบ บาดเจ็บอีกหนึ่ง ทหารคนสนิทก็สูญเสียไปสี่ห้านาย ก็เป็นการสูญเสียที่เจ็บหนัก หากที่เหลวไหลก็คือ สถานการณ์เช่นนี้ ถึงกับมีคนในแนะนำให้หลี่เฉิงเหลียงปิดบัง ใช้เงินทองซื้อพวกเผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกล ให้พวกเขาถอยทัพไปก่อน จากนั้นค่อยว่ากันใหม่ มาแก้ปัญหานี้ทีหลัง

กล่าวถึงคนเสนอผู้นี้ ถูกจับตัดหัวทันที หลี่เฉิงเหลียงยามนี้ได้คิดเข้าใจแล้ว

“ตอนนี้สำคัญที่ต้องขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก หากยังปิดบังอีกต่อไป ตระกูลหลี่อย่าว่าแต่รักษาอำนาจวาสนาไม่ได้ เกรงว่าแม้แต่ตระกูลก็คงถึงจบสิ้นวงศ์ตระกูล!”

**************

“โกรธแค้นหมิงที่สังหารปู่ข้าไร้เหตุผล โกรธแค้นหมิงที่กวาดต้อนคนและทรัพย์สินเราไป โกรธแค้นหมิงที่อวดเบ่งบารมีกับเรา…”

หวังทงยิ้ม ส่ายหน้าอ่านสามแค้นของนู่เอ่อร์ฮาชื่อจบลง อ่านจบแล้วก็รู้สึกงง เหมือนมีอันใดไม่ถูกต้อง ก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงรู้สึกเช่นนี้

ความพ่ายแพ้ของเมืองเหลียวโจว ทำให้บรรยากาศเมืองหลวงหดหู่ แต่ก็เพียงแค่นี้ อย่างไรเมืองเหลียวโจวก็ห่างจากเมืองหลวงไกล สถานการณ์ก็ยังไม่ใช่ว่าแตกพ่าย ที่ต้องทำจากนี้ก็คือจะฟื้นคืนอย่างไร

“นายท่าน ฝ่าบาทให้เข้าเฝ้า ขอท่านรีบเข้าวัง”

ด้านนอกมีทหารติดตามมารายงาน

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1116 อ่านนิยาย


หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

Options

not work with dark mode
Reset