องครักษ์เสื้อแพร 866 หวังทงอยู่เมืองหลินชิง

ตอนที่ 866 หวังทงอยู่เมืองหลินชิง
ตอนที่ 866 หวังทงอยู่เมืองหลินชิง

“แม่ทัพชีคิดได้กระจ่างเช่นกัน”

คำพูดที่ฉีอู่กล่าวมานั้น หวังทงย่อมเข้าใจ  แต่เส้นทางที่เดินมาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ ไม่ใช่ที่เขาเคยคิดไว้ ทำให้เหมือนทำอะไรไม่ได้

“แม่ทัพชียังกล่าวว่า ทหารของท่านเองไม่น้อยชินกับพื้นที่ตอนเหนือ ท่านเองอายุมากแล้ว ใช้ชีวิตที่กวางตุ้งนั้นไม่สะดวกเท่าไร คิดถึงแต่ทางเหนือ ได้ยินว่าเมืองกุยฮว่าเฉิงรับสมัครทหารมีอายุปลดประจำการไปเป็นผู้คุ้มกันขบวนพ่อค้า ก็คิดอยากขอน้ำใจจากท่านโหวสักครา อยากให้พวกเขาได้ไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่นั่น”

“เรื่องนี้เรียกน้ำใจอันใด เจ้าไยมาพูดกับข้าเช่นนี้ ทหารพวกนั้นเดินทางมากับเจ้าไม่น้อยกระมัง ก็ให้ไปอยู่ที่ร้านสามธาราก็แล้วกัน”

หวังทงกล่าว  ฉีอู่ยิ้มรับคำ ที่พักหวังทงห่างจากท่าเรือเมืองหลินชิง ไกลจากคลองส่งน้ำมาก ระยะห่างจากกำแพงเมืองพอควร ทิวทัศน์งดงามเงียบสงบ ปลายเดือนเก้าก็นับว่าเป็นปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อากาศก็เริ่มสบาย หวังทงพักผ่อนรักษาร่างกายที่นี่เหมาะมาก เขากล่าวกับฉีอู่เช่นนี้ จากนั้นยังกล่าวว่า

“เจ้าไปที่กองเอกสารดูว่าฎีกาเขียนถึงไหน เอามาให้ข้าดูหน่อย”

พอกล่าวจบ ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้ามา หานกังรีบเร่งมาเข้ามาในห้อง คำนับรายงานกล่าวว่า

“ท่านโหว มีข่าวจากแดนใต้มา บอกว่าเกิดเรื่องใหญ่ที่เมืองซงเจียงแล้ว……”

*************

ตระกูลสวีเมืองซงเจียงอยู่เบื้องหลังบงการเจ้ามังกรเมี่ยวลั่งแห่งทะเลสาบไท่หู เรื่องนี้มีคนรู้ไม่มาก ส่วนใหญ่ที่เห็นนั้นก็คือตระกูลสวีอันเป็นดังตัวแทนขุนนางไม่ถูกกับจอมโจรใหญ่เมี่ยวลั่ง

พอผู้แทนพระองค์จากไป เจ้ามังกรทะเลสาบไท่หูที่หายตัวไปก็ปรากฏตัว ลอบติดต่อพี่น้องสี่ทิศเพื่อแก้แค้นแทนพระผู่หยวน เรื่องนี้แม้ทุกคนแปลกใจ แต่ก็รู้สึกว่าไม่มีอันใดเป็นไปไม่ได้

หากบอกว่าพระผู่หยวนกับเมี่ยวลั่งมีความสนิทกัน ย่อมมีไม่กี่คนที่เชื่อ ทว่าตระกูลสวีเมืองซงเจียงเป็นคหบดีใต้หล้า หากคิดจะถล่มทิ้ง ก็ย่อมต้องได้ผลประโยชน์กินใช้ต่อไปไม่มีหมด

เมี่ยวลั่งมีกำลังอยู่ทะเลสาบไท่หูราวพันคน ว่ากันว่าเป็นพวกฝึกมาแบบทหาร มีความเก่งกล้ามาก ทหารเก่งกล้าพันนายนี้ทำลายตระกูลใหญ่ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก

เรื่องใหญ่เช่นนี้ คิดทำกำไรก้อนโตคงยาก แต่หากกวนน้ำขุ่นจับปลาก็ย่อมง่าย มีให้โกยอยู่ เมี่ยวลั่งยังให้เงินมาก่อนก้อนหนึ่ง การใจกว้างเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้คนอยากทำงานให้ หากไม่ได้เงินอันใดนัก จะยอมจ่ายเงินก้อนโตเช่นนี้ก่อนได้อย่างไร

วันนั้นในกองกำลังเมี่ยวลั่ง มีคนตระกูลสวีร่วมด้วยอยู่มาก แต่หลังศึกครั้งนั้นแล้วก็ตายไปมาก หนีกลับไปก็ถูกขับไล่ให้ไปไกลๆ ด้วยเกรงว่าจะมีความผิดพัวพันถึงตัว

ไม่มีคนพวกนี้ ข่าวเมี่ยวลั่งก็ย่อมปิดบังได้ดี นับประสาอันใดกับเมี่ยวลั่งที่คลุกคลีในวงการมานาน เขาส่งคนไปตามพวกโจรมาร่วมขบวนก็ย่อมเป็นโจรไร้กฎหมายในสายตา และเป็นพวกที่ไม่ค่อยสนใจข่าวทางนี้นัก

คิดก่อคดีใหญ่เช่นนี้ คนสงสัยมีไม่น้อย แต่เมี่ยวลั่งจ่ายเงินมาก้อนโต หากคิดลวงย่อมไม่จ่ายเงินสด ทุกคนจึงเชื่อกัน

แดนใต้เส้นทางน้ำถึงกันมากมาย  ทะเลสาบก็มีมาก โจรซ่อนตัวกันตามลำน้ำ ใช้เส้นทางน้ำเคลื่อนไหว ย่อมไม่มีผู้ใดพบเห็น

กำลังโจรที่เมี่ยวลั่งรวมมามีมั่นใจมาก ว่ากันว่ามีคนไม่น้อยบนท้องทะเลมาร่วมด้วย แถบแดนใต้ เส้นทางถนนและท้องทะเลสายสัมพันธ์แน่นหนา ข่าวบนท้องทะเลก็ย่อมมีสาย ได้ยินว่าโจรทะเลต้องการลงมือ หนึ่งชื่นชมเมี่ยวลั่งว่ากว้างขวาง สองรู้สึกว่ามีความมั่นใจยิ่งขึ้น

โจรสลัดไม่ได้เลวร้ายน้อยไปกว่าพวกโจรบนบกสักเท่าไร โจรสลัดไม่ยอมอยู่ใต้กฎหมาย เหิมเกริมบนท้องทะเล ย่อมเป็นราชาแห่งท้องทะเล เทียบกับโจรสลัดแล้ว ต่างจากโจรทะเลสาบอย่างเมี่ยวลั่งมาก

***************

เทียบกับการหาคนของเมี่ยวลั่งแล้ว ซาตงหนิงรวบรวมคนมาเคร่งครัดกว่ามาก และประสิทธิภาพก็ดีกว่ามาก

ตอนหวังทงออกจากเทียนจินไป เรือกวางบินกับเรือเจิ้นไห่สองลำที่ติดปืนใหญ่ก็ออกจากท่าเรือเทียนจิน ตลอดทางลงใต้ ตอนนั้นหวังทงถูกส่งออกนอกเมืองหลวงไปปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ต้องเตรียมการที่จำเป็นให้พร้อม

กำลังภายใต้บังคับของหวังทง กองกำลังหู่เวยเป็นกองกำลังสังกัดวังหลวง องครักษ์เสื้อแพรเป็นระบบงานฝ่ายใน เป็นทหารและองครักษ์แผ่นดินหมิง พวกเขามีแม่ทัพสูงสุดคือฮ่องเต้แผ่นดินหมิง แม้แต่สำนักที่เทียนจินก็เป็นองค์กรเก็บภาษีเพื่อแผ่นดินหมิง  ภายใต้ระเบียบการทำงานใต้กฎหมายของแผ่นดินหมิง หรือการเคลื่อนไหวที่ไม่ได้เกินขอบเขตกฎหมายนัก ก็ล้วนทำได้  แต่อย่างไรก็ต้องมีขอบเขต  เลยขอบเขตไปก็ถือว่าฝ่าฝืนกฎระเบียบ

แต่กองเรือบนท้องทะเลนั้นแตกต่าง เรือกวางบินเริ่มแรกเป็นเรือการค้า ล้วนเป็นสินทรัพย์ส่วนตัวหวังทง เป็นเงินส่วนตัวหวังทงสนับสนุนหามา เป็นกำไรของหวังทง

กองเรือบนท้องทะเลรวมตัวกัน ใช้บารมีหวังทงดึงโจรสลัดมาเป็นพวกได้มาก คนพวกนี้ตอนนั้นเป็นพวกผิดกฎหมาย ตอนนั้นอยากไม่อยากไม่รู้ แต่ตอนนี้มีกำไร มีชีวิตสุขสบาย ก็ไม่อยากจากไป

คนพวกนี้คำสั่งหวังทงเป็นดังราชโองการ ย่อมต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ดังนั้นเมื่อซาต้าเฉิงนำคนมาเมืองเหลียวโจวและเทียนจินแล้ว ลูกน้องซาต้าเฉิงไม่น้อยก็เข้าร่วมเป็นกองเรือหวังทง

ครั้งนี้กองเรือลงใต้ คนเรือมาพร้อมเรือสองลำล้วนเป็นการจัดการพิเศษของซาต้าเฉิงที่คัดเลือกลูกน้องมาเป็นพิเศษ เพื่อความสะดวก

กองเรือซาต้าเฉิงตอนนั้นเคลื่อนไหวอยู่แถบเจ้อเจียงหมิ่นหนาน เมืองซงเจียงก็มักไปบ่อย ตระกูลซาบนท้องทะเลสถานะไม่เบา ท้องทะเลแถบนี้ อิทธิพลใหญ่น้อยล้วนไว้หน้าหลายส่วน

ซาตงหนิงนำเรือทะเลมาสองลำ จากนั้นก็แล่นไปยังหังโจวและหนิงปอ เรียกรวมพลมาตลอดเส้นทาง

ไม่กล่าวถึงชื่อเสียงตระกูลซาบนท้องทะเล  ไม่ต้องพูดถึงเป้าที่ล่อใจอย่างตระกูลสวี เพราะซาตงหนิงแค่มอบเงินก้อนใหญ่ไป ก็สามารถทำให้คนหวั่นไหวมาเข้าร่วมได้ไม่น้อย

มีเรื่องหนึ่งน่าสนใจมาก เมี่ยวลั่งรวมกำลังทางบกมาว่าเข้าร่วมกับกลุ่มอิทธิพลบนท้องทะเล รู้สึกทำให้มั่นใจอยู่ และพอคนบนท้องทะเลบอกว่าเป็นคนเมี่ยวลั่งเข้าร่วมด้วย ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าแม้แต่อิทธิพลใหญ่บนท้องทะเลยังเข้าร่วม ความมั่นใจก็ยิ่งมากขึ้น สองฝ่ายต่างมั่นใจในการก่อการครั้งนี้มาก

*************

พระผู่หยวนถูกฆ่า ลูกศิษย์ถูกจับเข้าคุก ตระกูลสวีไม่สนใจไยดี กลับส่งคนที่เคยเป็นตัวกลางติดต่อให้ไปไกลที่สุด เมี่ยวลั่งหายตัวไป ตระกูลสวีก็ตัดเส้นทางคนติดต่อ

ตระกูลสวีครั้งนี้ถูกตรวจสอบแต่กลับไม่ระแคะระคายผิวแม้แต่น้อย แต่ทำให้ทุกคนต้องหนาวใจ เพราะทุกคนสู้เป็นสู้ตายเพื่อพวกเขา แต่พวกตระกูลสวีกลับไม่เห็นใจสักนิด กลับคิดจะทิ้งก็ทิ้งเสียอย่างนั้น  แต่ที่ทุกคนกลัวก็คือวิธีการลงมือของหวังทง จากหนานจิงตลอดทางมาเมืองซงเจียง เส้นทางนี้มีคนตายไปมากมายเท่าไร

ปกติเป็นบุคคลชื่อเสียงโด่งดัง ต่อหน้าทหารติดตามหวังทง ถูกฟันทิ้งเช่นผักปลา ตลอดทางมาเลือดหลั่งราวสายน้ำไหล ทว่าคนไปแล้วยังไม่จบ ขุนนางท้องที่ยังราวกับจะปูพรมตรวจสอบ ปกติทุกคนมีเงินทองมอบให้ จึงอยู่กันอย่างไว้หน้าอยู่

แต่ครั้งนี้หวังทงมีคำสั่ง ผู้ใดก็ไม่อาจไว้หน้ากันได้ ห้าเสือตระกูลเจ้าแห่งเมืองซูโจว ปกติวางอำนาจบาตรใหญ่ในเมืองซูโจว หวังทงกล่าวคำเดียวก็ถูกจับเข้าคุก คนที่เมืองซูโจวคงเกรงถูกเปิดโปง คืนนั้นจึงได้ปิดปากหมดในคุก จะไปหาความผู้ใดที่ไหนได้อีก

หลังหวังทงถูกลอบสังหาร กลับตอนเหนือไปอย่างเงียบๆ เรื่องราวก็หยุดไปพักหนึ่ง ผู้ใดจะคิดว่าองครักษ์เสื้อแพรหนานจิงจะร่วมมือกับท้องที่เหวี่ยงแหจับ ว่ากันว่าทางเมืองหลวงยังส่งคนมาบัญชาการ ท้องที่ก็ราวกับพายุโหมกระหน่ำ ผู้ใดล้วนต้องทำงานแต่โดยดี ไม่กล้าล่วงเกิน ไม่เช่นนั้นตายไปยังไม่รู้ว่าตายอย่างไร

สถานการณ์เช่นนี้ย่อมไม่มีผู้ใดสืบข่าวให้ตระกูลสวี ตระกูลสวีก็ย่อมรู้สึกว่าครั้งนี้จากร้ายกลายเป็นดีแล้ว ตระกูลสวีไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพียงแค่เงียบรอก็พอ หวังทงหาข้อผิดอันใดไม่ได้ ได้แต่จากไปเงียบๆ  ไยต้องไปสนใจว่าพวกกเฬวกรากที่ไม่เอาไหนพวกนี้กัน

แม้ว่าแดนใต้จะมีข่าวเล็ดรอดมา แต่กลับไม่มีผู้ใดบอกตระกูลสวี ตระกูลสวีไม่สนใจก็อีกเรื่อง แต่เจ้าหากกล้าพูด ก็ต้องลองคิดถึงความโหดเหี้ยมของเมี่ยวลั่งกับโจรสลัดบ้าง

**************

เดือนเก้า ณ เมืองซงเจียง เริ่มมีอากาศเย็นแล้ว บางทียังมีหมอกอีก

ตามตำนานในหมู่ชาวบ้าน หมอกเช่นนี้มาจากท้องทะเล มีปีศาจท้องทะเลแฝงกายมาด้วย หากผู้ใดออกไปข้างนอก ก็ย่อมถูกจับกิน

ทว่าหมอกเกิดในตอนค่ำ ทุกคนเข้าบ้านพักผ่อนแล้ว ย่อมไม่ออกมาเดินเล่น เรื่องปีศาจพวกนี้ก็เอาไว้หลอกเด็กเท่านั้น หากบอกว่ามีปีศาจ ที่เพิงพักปลายนาหรือว่าไม่มีคนอยู่ ทำไมคนพวกนั้นไม่ถูกจับกินเล่า

อำเภอหวาถิงเมืองซงเจียงไปทางใต้สิบลี้ ติดทะเลมีเพิงพักหนึ่ง ว่ากันว่าฤดูนี้ที่นาไม่มีใครคิดมาขโมยอันใด หลี่เหล่าฮั่นนอนอยู่ที่นี่เพื่อความบันเทิงใจ หากบอกว่าหมอกมีปีศาจ หลี่เหล่าฮั่นก็ไม่เชื่อ เขานอนเช่นนี้มาหลายสิบปี ใช่ว่ายังอยู่ดีหรือ

ร่ำสุราไปสองไหพร้อมปลาแห้งเป็นกับแกล้ม  นอนกรนอยู่ในเพิงพัก ไม่รู้ว่าคืนนี้เวลาอันใดแล้ว หลี่เหล่าฮั่นคืนนี้ถูกเสียงดังยามค่ำคืนทำให้ตกใจ อยู่ๆ ก็โผล่หัวขึ้นมามอง เห็นว่าเหมือนมีแสงสว่าง มองไปให้ดี กลับเป็นสายไฟสองสายกำลังมุ่งมาทางนี้

ยามนี้หมอกหนาอยู่สักหน่อยมองไม่ชัดนัก เห็นเพียงสายวาบแดงสองสายพุ่งมา หากเป็นโคมไฟระยะห่างกันแค่นี้และเคลื่อนมาชิดกันได้อย่างไร หรือว่าเป็นงูยักษ์……คิดถึงตรงนี้ หลี่เหล่าฮั่นก็เหงื่อเย็นไหลโซมกาย รีบตาลีตาเหลือกหมอบลงกับพื้น ไม่กล้าส่งเสียงดัง

เดาว่า งูยักษ์ น่าจะเคลื่อนผ่านไปแล้ว หลี่เหล่าฮั่นที่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นก็เหมือนได้ยินฝีเท้าม้า ยังมีเสียงพายเรือ ก็รู้สึกแปลกใจ คืนดึกดื่นเช่นนี้ ขี่ม้าพายเรือเพื่อการใดกัน……

เสียงฝีเท้าม้าไกลออกไป เสียงพายเรือนั้นนานกว่าจะไกลออกไป หลี่เหล่าฮั่นกำลังหวาดกลัวไม่กล้าขยับตัว ยามนั้นก็ได้สติ กลับคิดถึงตอนนั้นที่มีคนกล่าวว่า ค่ำคืนหากเดินเรือมีหมอกลงจัด ก็ต้องให้คนถือโคมไฟส่องนำทางบนฝั่ง หรือว่าเมื่อครู่แสงสว่างวาบก็คือโคมไฟนำทางจากบนฝั่ง เพิ่งคิดถึงตรงนี้ ก็ได้ยินเสียงดังมาจากในเมือง เหมือนว่าดังมากราวอสุนีบาต ดูสีท้องฟ้าแล้วไม่น่าฝนตกกระมัง?

**************

“กระสุนปืนใหญ่ต้องหาให้พบ รอยกระสุนปืนใหญ่ยิงไปต้องเผาให้ราบ”

ซาตงหนิงคลุมหน้า กล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบ คนข้างๆ รับคำทันที ไม่ไกลจากนี่นักประตูใหญ่จวนตระกูลสวีถูกยิงเปิดออก ด้านในมีเสียงร้องดังโหยหวน มีโจรจำนวนมากถืออาวุธบุกเข้าไป!

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1116 อ่านนิยาย


หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

Options

not work with dark mode
Reset