องครักษ์เสื้อแพร 862 กะทันหันอย่างมาก

ตอนที่ 862 กะทันหันอย่างมาก
ตอนที่ 862 กะทันหันอย่างมาก

“นายน้อยข้าเอ๊ย เรื่องนี้ท่านทำผิดมหันต์แล้ว!”

ยามเช้าตรู่เช่นนี้ตามปกติแล้ว เจ้าบ้านตระกูลสวีเมืองซงเจียงยังคงนอนอยู่ แต่ทว่าวันนี้กลับไม่ได้นอนทั้งคืน ในห้องรับแขกกำลังพบกับไต้เฟิ่งเสียนที่เร่งรีบมาจากเมืองซูโจว

คนอื่นในห้องถูกไล่ให้ออกไปหมด หากละแวกนั้นมีคนอยู่ก็คงต้องแปลกใจเป็นแน่ ไต้เฟิ่งเสียนหรือท่านไต้ที่แต่ไรมาก็มีท่าทีสงบแบบบัณฑิตถึงกับเสียกริยาเช่นนี้ได้

“ท่านไต้ เขาจับตัวศิษย์ผู่หยวนไว้ ยังไม่รู้ว่าเก็บกวาดอันใดออกมาจากผู่หยวนได้บ้าง นางชั่วตระกูลหลูนั่นก็แล่นขึ้นเรือมันไปแล้ว หากไม่ลงมือก็เกรงว่าจะสายไป”

สวีพานสีหน้าบึ้งตึงเช่นกัน กล่าวเสียงเย็นเยียบ ไต้เฟิ่งเสียนตบมือดัง ยืนขึ้นกล่าวว่า

“มีอันใดสายไปกัน จะเก็บกวาดอันใดออกมาได้ เอาอะไรออกมาได้  ท่านต้องกลัวอันใดกัน!? ตอนนี้ทางการใช้สมุดบัญชีเกล็ดปลาตอนนี้หรือตอนนั้นเป็นหลักฐาน อันนั้นเป็นหลักฐานได้หรือ!? ท่านสั่งผู่หยวนไป เคยเอ่ยเองไหม เคยมีจดหมายสั่งการไปไหม?”

สวีพานส่ายหน้า ไต้เฟิ่งเสียนแค่นยิ้มกล่าวว่า

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านกลัวเขาทำไม จะไปสืบอันใดได้  จะไปมีหลักฐานเอาผิดอันใดได้ นายท่านสวีท่านคิดมากเกินไปแล้ว ถึงกับทำเรื่องเช่นนี้ได้  ใช่ว่าเป็นการเปิดโอกาสให้หวังทงอ้างหรอกหรือ”

“จะอ้างอันใดได้!? ที่เหล่าเมี่ยวทำก็เพื่อแก้แค้นแทนผู่หยวน คนในจวนที่ติดต่อกับเมี่ยวลั่งก็ถูกข้าส่งไปเจ้อเจียงแล้ว”

ไต้เฟิ่งเสียนเห็นสวีพานท่าทางมั่นใจ ก็ถอนหายใจ กล่าวอย่างเสียไม่ได้ว่า

“นายท่าน เมี่ยวลั่งไม่เหมือนกับผู่หยวน เขาบอกนายท่านหลายรอบแล้วว่า ขอให้นายท่านจัดการคดีเขาที่หนิงปอให้เรียบร้อย อยากไปเป็นเจ้าหน้าที่ทางการที่เมืองซงเจียงหรือไม่ก็เมืองซูโจว”

“ใช่ แต่ไม่ใช่ท่านไต้บอกข้าหรือว่า ต้องให้เขาสงบเสงี่ยมคอยช่วยในที่ลับ หากมีสถานะทางการ เกรงว่าคงไม่ยอมให้เราบังคับได้”

“ความคิดเช่นนี้ คนเช่นนี้ ท่านให้เขาไปจัดการหวังทง ใจเขาย่อมคิดนอกลู่ อาศัยจังหวะนี้สวามิภักดิ์ด้วยการเปิดเผยเรื่องราวของนายท่านก็เป็นได้ ถึงตอนนั้นคงยุ่งยากมาก!”

“…….น่าจะไม่เป็นเช่นนี้ …..ข้ายังส่งคนที่สนิทไว้ใช้ได้ไปคุมด้วย……”

“คนพวกนั้นทำอันใดได้ ให้จัดการวางอำนาจบาตรใหญ่ในเมืองยังพอได้ แต่หากลงมือด้วยอาวุธจริงล่ะก็ คนของเมี่ยวลั่งไม่ใช่คนที่คุมได้ง่ายเลย…..”

สวีพานกล่าว ไต้เฟิ่งเสียนก็โต้กลับ สุดท้าย สวีพานสีหน้าซีดเผือด ร่างเริ่มสั่นเทา กล่าวอย่างหวาดกลัวว่า

“ทำไงดี? เดิมหวังทงนั่นมีอะไรในมือ  ครั้งนี้กลับส่งจุดอ่อนให้เขากับมือ นี่……นี่……นี่……ใช่ว่าภัยมาถึงตัวแล้วหรือ……”

เห็นสวีพานไร้ทางออก ไต้เฟิ่งเสียนก็เห็นใจส่ายหน้า ถอนหายใจกล่าวว่า

“นายท่าน แต่เรื่องยังเงียบอยู่ ไม่ต้องร้อนใจไป ตอนแรกท่านอำมาตย์สวีบอกว่ากวาดล้างตระกูลเหยียนได้มาหลายแสนตำลึง แจ้งไปแค่ไม่กี่หมื่นตำลึง ฮ่องเต้ซื่อจงสอบถาม ยังไม่เห็นร้อนใจเช่นท่าน  จะให้ทำอย่างไรต่อก็ทำไป  ทุกอย่างไม่ยอมรับเสียอย่าง คนพวกนั้นท่านเลี้ยงไว้ด้านนอก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนในจวน ถึงตอนนั้นก็ไม่ยอมรับ กล่าวเพียงแค่ถูกใส่ร้าย หวังทงจะทำอันใดได้? ถึงตอนนั้นคนแดนใต้สามเมืองใหญ่เราร่วมกำลังกัน ให้คนในราชสำนักคอยเสริม เขายังจะทำอันใดได้อีก?”

ไต้เฟิ่งเสียนพูดได้ไม่ร้อนใจ สวีพานก็จึงพลอยสงบสติลงตามไปด้วย ถอนหายใจยาวถามขึ้น

“ท่านไต้หมายความว่า?”

“นายท่านไม่ต้องทำอันใดแล้ว รอเขามาก็พอ ทำมากก็ผิดมาก รอเขามาก็พอ”

**************

“เมืองซงเจียงเป็นของตระกูลสวีจริงๆ ยามนี้ถึงกับไม่มีคนมาต้อนรับ ช่างเถอะ พวกเราไปเองก็ได้!”

หวังทงกล่าวอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร คืนวานต่อสู้ดุเดือด เช้าตรู่มา ในหมู่บ้านเชียนเติงเจิ้นจึงค่อยมีคนออกมาเก็บกวาด บนพื้นมีศพราวสองร้อยกว่า  สำหรับชาวหมู่บ้านแล้วเรียกได้ว่าน่าตกใจไม่น้อย

 เสียงสังหารคืนวานก้องฟ้า ราษฎรหมู่บ้านเชียนเติงเจิ้นพากันหลบอยู่ในบ้านอย่างหวาดกลัว เห็นผู้แทนพระองค์ไม่เป็นอะไร ก็วางใจ เรื่องใหญ่เช่นนี้ มาเจอเรียกว่าโชคร้าย อย่างไรก็ต้องส่งคนไปแจ้งทางการอำเภออู๋ รอทางการมาจัดการ

ยังไม่เห็นขุนนางเมืองซงเจียงมาต้อนรับ หวังทงอดไม่ได้ถอนหายใจ พวกเมี่ยวลั่งก็เหมือนเป็นนักเลงใหญ่ไม่เลว ดูการจัดการของพวกเขาแล้ว ไม่เห็นว่ามีแผนร้ายอันใดจริงๆ

กองกำลังเมื่อคืน มีส่วนหนึ่งเป็นของโจร นอกจากพวกสวมเกราะหนังที่ล้วนเป็นทหารที่ตระกูลสวีเลี้ยงไว้นอกจวน พวกที่เป็นกำลังหลักล้วนเป็นคนของเมี่ยวลั่ง พวกเมี่ยวลั่งแล่นเรือตามมา ถึงกับนำพาเอาทรัพย์สินและครอบครัวมาพร้อมกันหมด คิดต้องการมาสวามิภักดิ์เต็มที่

“ข้าน้อยมีสายสัมพันธ์กับชาวท้องทะเลมาก รู้จักท่านเสิ่นและท่านซาที่ทำงานให้ใต้เท้า ใต้เท้าต้องการคนที่สามารถออกทะเลได้ ข้าน้อยรู้ว่าตนเองเหมาะสม จึงได้หาโอกาสมาสวามิภักดิ์ท่าน ครั้งนี้ข้าน้อยจึงได้วู่วามแล้ว!”

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตรงตามความต้องการพอดี เมี่ยวลั่งผู้นี้เป็นทหารจากไถโจวและหนิงปอ ทางนั้นติดทะเล ยังเป็นโจรทะเลสาบไท่หู บนแม่น้ำและบนท้องทะเลน่าจะมีความสามารถไม่น้อย คนเช่นนี้เป็นที่ต้องการรับไว้จริง และเมื่อคืนที่คิดกลับตัวได้ทันเวลา ก็ช่วยหวังทงไว้ไม่น้อย

ทว่าทุกอย่างกะทันหันเกินไป เรื่องบังเอิญเช่นนี้หวังทงย่อมไม่เชื่อมากนัก เมี่ยวลั่งเองก็เข้าใจดี เขามาอยู่ข้างหวังทงบนเรือคนเดียว คนในครอบครัวให้ตามมาทางฝั่ง ลูกน้องก็ให้ลงเรือตามมา

การกระทำเช่นนี้ก็เพื่อนำตนเองมาเป็นตัวประกันให้หวังทง ลูกน้องย่อมไม่ทำอันตรายหวังทง ทุกอย่างจัดการเรียบร้อย

“หากมีจดหมายเป็นหลักฐาน ครั้งนี้ก็จะได้มอบให้ใต้เท้าเลย ทว่าตระกูลสวีทำงานด้วยการบอกกล่าว ระวังตัวมาก พี่น้องข้าน้อยยอมเป็นพยานให้ได้”

เมี่ยวลั่งกล่าวเหมือนที่หวังทงกำลังคิด องครักษ์เสื้อแพรรู้การสอบสวน เข้าใจเรื่องการตัดสินคดีพวกนี้มาก ตอนนี้หวังทงมีทั้งพยานหลักฐานในมือ ตระกูลสวีหากปฏิเสธก็ได้ อย่างมากก็เสียงชื่อเสียง ตามวิธีการของบัณฑิตแผ่นดินหมิง อย่างไรก็ต้องหาว่าหวังทงป้ายสีขุนนางบัณฑิต

*************

ใกล้เข้าสู่เขตเมืองซงเจียง ยังไม่เห็นคนเมืองซงเจียงมาต้อนรับ แต่ขุนนางเจ้าหน้าที่ใกล้เมืองซูโจวกลับร้อนใจยิ่งต้องตามมา  ใต้เท้าผู้แทนพระองค์เกิดเรื่องในเขตเมืองซูโจว หมวกขุนนางทุกคนล้วนอาจไม่สามารถรักษาไว้ได้แล้ว ดีไม่ดีอาจมีความผิดติดตัวด้วย อยู่ ๆ ต้องมาซวยเช่นนี้ ไยต้องเจอเหตุเช่นนี้ด้วย

ความหวาดกลัวของขุนนางเมืองซูโจว หวังทงกลับปลอบใจ ให้พวกเขากลับไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเมืองซูโจว ไม่จำเป็นต้องคิดมาก

ออกเดินทางจากหมู่บ้านเชียนเติงเจิ้นมาได้สองชั่วยาม ก็เห็นเงาไกลๆ ของอำเภอชิงผู่แล้ว คนเดินทางเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แดนใต้รุ่งเรือง สามเมืองใหญ่แดนใต้อย่างซูโจว อู๋ซีและฉางโจว ม้าเร็ววิ่งไปก็ถึงกันได้ในวันหนึ่ง ระยะห่างเช่นนี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รุ่งเรือง การขนส่งไม่จำเป็นต้องเสียเวลามาก การค้าก็ลดต้นทุนได้มาก

เพิ่งเข้าเขตเมืองซงเจียง หวังทงเริ่มระวังตัวขึ้น ถึงกับสั่งการให้เดินทางตามแบบทหาร ส่งม้าออกไปสืบข่าวด้านหน้า  ไปสังเกตการณ์ด้านหน้าไว้ก่อน

เดินทางมาได้ครึ่งชั่วยามก็เห็นคนเดินทางรอบๆ เริ่มหลบทาง มีม้าสี่ตัวขี่ตะบึงมา คนบนหลังม้าสวมชุดทางการ ดูแล้วน่าจะเป็นขุนนางทางการระดับแปดหรือเก้า มาถึงตรงหน้าก็ตะโกนขึ้นว่า

“ ใต้เท้าผู้แทนพระองค์อยู่ไหม  ใต้เท้าผู้แทนพระองค์อยู่ไหม ข้าน้อยเป็นคนผู้ว่าส่งมาต้อนรับ มาสายไปแล้ว ขอใต้เท้าโปรดอภัย!!”

หวังทงส่ายหน้า เมืองซงเจียงถึงกับส่งขุนนางเล็กๆ ระดับแปดเก้ามาต้อนรับ และยังมาอย่างไม่มีพิธีรีตอง ไร้ธรรมเนียมมาก แม้ว่ามีตระกูลสวีอยู่เบื้องหลัง แต่หรือว่าอำเภอชิงผู่นี้แม้แต่ธรรมเนียมทางการก็ไม่เข้าใจหรือ?

ขุนนางสี่คนถูกทหารหวังทงขวางไว้ จึงเร่งลงจากหลังม้า ยิ้มเข้ามาด้านหน้ากล่าวว่า

“ใต้เท้าผู้แทนพระองค์ ในอำเภอเกิดเหตุนิดหน่อย ใต้เท้าเราจึงมาไม่ได้ กำลังเร่งมาแล้ว  ใต้เท้าผู้แทนพระองค์มาถึงที่นี่ ที่อันต่ำต้อยของเรากลับเสียมารยาท ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ข้าน้อยขอโขกศีรษะขออภัยใต้เท้า”

หวังทงก็ขี้เกียจจะเอาเรื่องขุนนางตัวเล็กตัวน้อยที่ออกมารับหน้าเสื่อแทนนาย กวาดตามองไปรอบหนึ่ง ขุนนางสี่คนโขกศีรษะอยู่บนพื้น ชุดยับย่น หมวกบนหัวก็เบี้ยว รองเท้ากับชุดสกปรกเลอะเทอะ ดูแล้วมาอย่างเร่งรีบจริง

“พวกเจ้ากลับไปเถอะ ข้าจะไปหวา…….”

“ใต้เท้า!! พวกเขาไม่ใช่……”

หวังทงยังกล่าวไม่ทันจบ ซาตงหนิงด้านหลังก็ตะโกนดังขึ้น  หวังทงได้สติชักดาบจากอานม้าออกมา เกือบเป็นเวลาเดียวกันกับซาตงหนิงตะโกนนั่นเอง แต่ขุนนางที่คุกเข่าอยู่ก็กระโดดขึ้นทันที ดาบหวังทงฟันลงไปพอดีเช่นกัน

ฟันลงไปบนคอขุนนางที่กระโดดขึ้น หวังทงลงแรงฟันครานี้ คอก็ถูกบั่นไปครึ่งหนึ่งทันที แต่คนผู้นั้นก็ยังเคลื่อนไหวได้ ดาบสั้นบาดตัวม้าเป็นแผลหนึ่ง ม้าเจ็บปวดจนคลั่งร้องดังกระโดดยกตัวหวังทงลอยขึ้น พริบตาก็สะบัดหวังทงตกจากหลังม้า

หวังทงตกลงบนพื้นอย่างแรง ร่วงลงมาทำเอาตัวแข็งทื่อ ดาบกระเด็นตกพื้น เรื่องเกิดกะทันหัน ทหารข้างกายหวังทงยังไม่ทันได้ตั้งตัว คิดจะเคลื่อนไหวก็ถูกม้าที่ได้รับบาดเจ็บกระโดดยกตัวขึ้นขวางไว้

พวกที่คุกเข่าอยู่ที่เหลือก็กระโดดขึ้นมา ตายไปคน ที่เหลืออีกสามคนก็ชักดาบสั้นกรูกันเข้ามา คนแรกมีดาบสั้นในมือแทงใส่หวังทงทันที หวังทงเองก็ควักดาบสั้นที่พกไว้ที่เอวออกมา พลิกกาย เอี้ยวตัวหลบ ดาบสั้นในมือแทงใส่ไหล่มือสังหารที่พุ่งเข้ามาทันที

มือสังหารอ้าปากค้าง ดิ้นรนไปมาแต่ก็ไม่อาจหลุดออกจากดาบได้ ตายก็ไม่ตาย แต่ดาบกลับไปติดอยู่ที่กระดูกไหล่มือสังหาร ชักไม่ออก หานกังข้าง ๆ มายืนขวางหน้า ฟันใส่มือของมือสังหาร พลิกมือหันสันดาบฟันมือสังหารสลบ แต่มือสังหารยังเหลืออีกคน

มือสังหารคนสุดท้ายไปถึงหน้าหวังทงแล้ว หวังทงตอนนี้มือเปล่าแล้ว กำลังจะหลบก็ถูกแขนมือสังหารบนพื้นขวางไว้ มือสังหารคนสุดท้ายสะบัดดาบสั้นปาดไหล่ขวาหวังทง หวังทงตัวแข็งทื่อ มือสังหารเห็นช่องว่าง แทงใส่หน้าอกหวังทง แรงครานี้หนักมาก แต่กลับเหมือนโดนของแข็งบางอย่างบนตัวหวังทง หวังทงสวมเกราะอ่อนไว้ มือสังหารยังไม่ทันได้สติ หวังทงคำรามดัง หมัดขวาต่อยเข้าลำคอมือสังหารเต็มๆ  คอหอยแตก มือสังหารกุมคอล้มลง

“ท่านโหว ท่านโหว!!”

ทหารรอบๆ ล้อมกรูกันเข้ามาส่งเสียงร้องตกใจ หวังทงถอนหายใจ โบกมือกล่าวว่า

“ไม่เป็นไร แค่บาดเป็นแผลเล็กน้อย พันแผลไว้สักหน่อยก็พอ”

พอพูดจบ หวังทงกลับรู้สึกหน้ามืด เบื้องหน้าดำสนิท……

“ดาบอาบยาพิษ……”

นี่เป็นความคิดหวังทงก่อนหมดสติไป

**************

ข่าวแพร่ไปอย่างรวดเร็ว คนที่ควรรู้ข่าวในเมืองซงเจียงก็รู้กันทั่ว

ในเย็นวันนั้นเอง อำเภอหวาถิง หน้าประตูใหญ่จวนตระกูลสวี ไต้เฟิ่งเสียนสีหน้าบึ้งตึงเร่งก้าวขึ้นรถม้า สวีพานเร่งฝีเท้าตามหลังออกมา ชี้มือชี้ไม้กล่าวว่า

“ท่านไต้ ท่านไต้ สวีพาน แม้จะร้อนใจอย่างไร ก็คงไม่กระทำการเช่นนี้ในเขตเมืองซงเจียงเด็ดขาด เรื่องอื่นไม่ต้องกล่าวถึง แต่อย่างไรก็ต้องระวังเรื่องมาถึงตัวอยู่ ขอท่านเชื่อข้า ไม่เช่นนั้น ข้าสวีพานขอสาบานก็ได้……”

ไต้เฟิ่งเสียนหันไปจ้องสวีพานถามเสียงเย็นเยียบขึ้น

“ไม่ใช่นายท่านสวีทำหรือ?”

“ไม่ใช่จริงๆ !!”

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1116 อ่านนิยาย


หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

Options

not work with dark mode
Reset