องครักษ์เสื้อแพร 781

ตอนที่ 781
ทหารสูงวัยอำลาทัพ ปักฐานเมืองกุยฮว่าเฉิง

“ทุกท่าน ทหารใต้สังกัดทุกท่านมีทหารสูงวัยเบื่อหน่ายเดินทางกรำศึก คิดจะลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวเป็นหลักแหล่งกันหรือไม่?”

ก่อนฟ้ามืด นายทหารจากทั้งในเมืองนอกเมืองมารวมตัวกันที่กระโจมหวังทง ทุกคนล้วนคิดว่าหวังทงจะจัดสรรหน้าที่อันใดให้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคำถามนี้

เป็นทหารยุคนี้ มักเริ่มตั้งแต่อายุสิบกว่าไปถึงหลายสิบ คิดจะอำลากองทัพกลับบ้านเกิดไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องจนกระทั่งแก่ชราขยับตัวไม่ได้ หรือไม่ก็พิการ จึงจะได้อำลากองทัพ แน่นอน หลายคนตายในสงคราม

ผู้ใดไม่คิดมีชีวิตสงบสุข ผู้ใดไม่คิดจะแต่งงานมีภรรยามีลูกกัน แต่ออกรบกรำศึก เบี้ยทหารก็หักกันหนักหนาสาหัส เป็นตายไม่แน่นอน หญิงใดอยากจะแต่งให้พวกเขากัน

สถานการณ์ยากลำบาก แต่ไม่ได้หมายความว่าบรรดาทหารไม่อยากสร้างครอบครัว ไม่อยากมีลูก มีภรรยา หวังทงถามเช่นนี้ นายทหารหลายนายในกองกำลังหู่เวยยังดี หากสีหน้าบรรดาขุนพลเมืองจี้โจวดูย่ำแย่ยิ่ง

กองกำลังชีจี้กวงตั้งในเมืองจี้โจวสิบกว่าปี ทหารไม่น้อยล้วนเป็นทหารฝึกขึ้นมาใหม่ กว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้ ย่อมไม่อยากทิ้งทหารที่ฝึกมาให้ไปสร้างครอบครัวแต่งภรรยา ทหารมีภาระครอบครัว ย่อมไม่อยากสละชีพกลางสนามรบ เรื่องนี้ทุกคนรู้กันดีแก่ใจ ยุคนี้อายุสิบกว่าก็แต่งงานมีภรรยามีลูกได้แล้ว ทหารเมืองจี้โจวล้วนเรียกได้ว่าอายุมากกันแล้วจริงๆ

“…….แม่ทัพใหญ่ถามเช่นนี้ …….เกรงว่าทหารในสังกัดข้าน้อยคงต้องการเช่นนี้กันทุกคน……”

หยางจิ้นในยามนี้ รู้แล้วว่าหวังทงตอนบ่ายนั้นรู้สึกมั่นใจกับผู้คุ้มกันขบวนพ่อค้าได้อย่างไร  นายทหารเมืองจี้โจวมองสีหน้าหยางจิ้นแล้ว ก็ไม่กล้ากล่าวตอบอันใด

แม้เป็นเช่นนี้ นายกองพันผู้นี้ก็ยังคงกล่าวอ้ำๆ อึ้งๆ หวังทงอึ้งไป ตามมาด้วยส่ายหน้ายิ้มถามขึ้น

“หรือว่าหากข้าอนุญาตคำสั่งให้อำลากองทัพได้ เกรงว่าจะเหลือทหารไม่เท่าไรกระมัง!”

“……น่าจะเป็นเช่นนี้…….”

หวังทงส่ายหน้า หันไปถามหลี่หู่โถวกับถานปิงว่า

“กองกำลังหู่เวยทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”

“เรียนแม่ทัพใหญ่  กองกำลังหู่เวย ทหารล้วนอยากบรรจุในกองทัพ ไม่อยากเป็นชาวบ้าน  อายุเกิน 30 แล้วยังไม่มีตำแหน่งรวมแล้ว 175 นาย”

หลี่หู่โถวตอบเสียงดัง  เรื่องนี้จัดการก่อนหน้าแล้ว  กองกำลังหู่เวยมีชายฉกรรจ์วัยหนุ่มมาก หวังทงเดิมคิดว่าอยากให้กองกำลังหู่เวยออกมาเป็นแบบอย่าง คิดไม่ถึงว่าเมืองจี้โจวจะมากกว่า และยังมากถึงขั้นนี้ได้

สองฝ่ายรายงานจบ หม่าหย่งเห็นสายตาหวังทง ก็คำนับตอบว่า

“แม่ทัพใหญ่  ข้าน้อยนำกำลังมา ส่วนใหญ่เป็นทหารที่ตั้งครอบครัวในเมืองต้าถง พวกเขาไม่เหมือนทหารทั่วไป เบี้ยหวัดมีมาก  และยังเป็นหนึ่งกับนาย ทุกคนมีครอบครัว พวกเขานอกจากเป็นทหารแล้ว ก็ไม่รู้จะไปทำอันใด”

สภาพของทหารสูงวัยซับซ้อนกว่าที่หวังทงคิดไว้มาก แต่เหตุผลก็เหมือนกัน หวังทงอึ้งไป กล่าวเสียงดังว่า

“ชัยชนะใหญ่ครั้งนี้ ระเบียบแผ่นดินหมิงเราทุกคนย่อมรู้ดี ข้ากับพวกเจ้าย่อมได้บำเหน็จความชอบ ทหารชั้นผู้น้อยกลับไม่ได้ประโยชน์อันใด”

ทุกคนพยักหน้า แผ่นดินหมิงค่อนข้างใจแคบขี้เหนียวกับการมอบรางวัล ชัยชนะเช่นนี้ ทหาร 30,000 นาย ตั้งแต่หวังทงลงไปถึงระดับล่าง คนที่ได้บำเหน็จรางวัลน่าจะไม่เกิน 100,000 ตำลึง สำหรับพวกหวังทง ยังอาจได้ตำแหน่งหรือสิทธิพิเศษอื่นๆ เพิ่ม หากเงินรางวัลอื่นๆ คงไม่ต้องหวัง

หากตำแหน่งถึงระดับนายกองขึ้นไป ก็มักมีวิธีการ ของที่ได้จากสงครามสามารถแบ่งประโยชน์กันได้มาก ระดับสูงก็สามารถกอบโกยก้อนโตมาได้พิเศษ แต่ทหารระดับล่าง ตัดหัวศัตรูได้มากอาจได้เลื่อนตำแหน่ง แต่อย่างมากก็ได้เป็นสุราและอาหารเนื้อสัตว์หลายมื้อเป็นรางวัล จากนั้นก็เพียงแค่เท่านี้เท่านั้น

ไม่ว่าทหารชายแดนหรือทหารม้ากองกำลังหู่เวยล้วนไม่ค่อยอยู่ในวินัยสักเท่าไร ปฏิบัติงานก็ตามสบาย ย่อมเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากสงครามไปได้ไม่น้อย หากทหารราบกองกำลังหู่เวยกับทหารเมืองจี้โจวระเบียบวินัยเคร่งครัด ถูกควบคุมอย่างแน่นหนาบนสนามรบ การรบครั้งนี้ แม้ว่าพวกเขาจะบุกขึ้นหน้า แต่ผลประโยชน์กลับเก็บเกี่ยวได้ไม่มากนัก

ทหารรบเพื่อชาติเป็นหน้าที่ พวกเขามีเกียรติยศและศักดิ์ศรีของทหาร แต่ชีวิตอย่างไรก็คือชีวิต พวกเขาก็ต้องเลี้ยงดูตนเอง พวกเขาก็คิดอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น

หวังทงค่อยๆ กล่าวต่อว่า

“ทุกคนร่วมเป็นร่วมตายกันมานาน มีบางวาจาก็สามารถพูดกันตรงๆ ได้ สามารถมีชัยชนะเช่นนี้ได้ ล้วนอาศัยการแลกมาด้วยชีวิตของทหารทุกคน วันหน้าเกียรติยศเงินทองของทุกท่าน ยังต้องพึ่งพาพวกเขา ตีเมืองกุยฮว่าเฉิงได้ ภูเขาทองทะเลเงินและที่นามหาศาล พวกเขาไม่ได้ประโยชน์อันใดด้วย วันหน้าจะให้เสี่ยงตายออกรบได้อย่างไร ในใจก็จะค่อยๆ คิดมาก อย่างไรก็ต้องแบ่งให้พวกเขาบ้าง”

ทุกคนพยักหน้า มีคนคิดในใจ ใต้เท้าอายุ 20 ต้นๆ ผู้นี้ พูดจาเหมือนคนอายุ 50 กว่า เป็นเรื่องน่าแปลกจริง

“เมื่อครู่ข้าอยากบอกว่า ให้ทหารทุกคนไม่ต้องเป็นทหารรบต่อ ให้พวกเขาได้อยู่สร้างรากฐานในเมืองกุยฮว่าเฉิงแห่งนี้ ให้พวกเขาได้ลงหลักปักฐาน ฟังพวกท่านกล่าวเช่นนี้ เกรงว่าพอคำสั่งนี้ออกไป ทหาร 20,000 เมืองจี้โจวก็จะอำลากองทัพกันหมด ใช่เช่นนี้หรือไม่!”

ในห้องเงียบไปแวบหนึ่ง ตามมาด้วยเสียงฮากันครืน พวกหยางจิ้นพยักหน้า หวังทงกล่าวล้อเล่นนี้ทำให้บรรยากาศในกระโจมผ่อนลงไปมาก

หวังทงโบกมือ ในกระโจมเงียบลงอีกครั้ง หวังทงกล่าวต่อว่า

“ทหารเป็นรากฐาน ย่อมไม่ให้พวกเขาไปที่ใด ให้อยู่ในกองทัพเป็นเมล็ดพันธุ์ก็ดี แต่ก็ต้องให้ผลตอบแทนที่ดี ขุนพลหยาง ทางท่านส่งกำลังครึ่งหนึ่งมาได้ไหม?”

หยางจิ้นก้าวขึ้นหน้ามา คำนับกล่าวว่า

“แม่ทัพใหญ่ กองทัพข้าน้อย คนมีความชอบมีมาก นอกจากพวกได้บำเหน็จกองทัพและพวกที่อาจได้เลื่อนตำแหน่ง ก็คงมีอีกหนึ่งส่วนที่คิดว่าลงแรงไปกับที่ได้มาไม่เท่ากัน คนพวกนี้หากให้อยู่ในกองทัพต่อไปก็คงโกรธแค้นไม่พอใจ ไม่สู้ปล่อยพวกเขาไป ให้เป็นรางวัลก็แล้วกัน!”

หวังทงพยักหน้าพอใจ วาจาหยางจิ้นฟังแล้วเหมือนว่าไม่มีเรื่องน่าจะเป็นปัญหาอันใด และยังเป็นการกระทำที่รองรับคำพูดหวังทง คนหนึ่งส่วนก็เกือบสองพัน หวังทงหันไปทางหม่าหย่ง หม่าหย่งรีบคำนับ หากก็ยิ้มเฝื่อนตอบว่า

“แม่ทัพใหญ่ ทางข้าน้อยเป็นทหารสังกัดแม่ทัพหลายท่านในเมืองต้าถง พวกเขาอยู่หรือไป ข้าน้อยตัดสินใจแทนไม่ได้ ข้าน้อยได้แต่ไปถามและชักชวน คนของข้าน้อยเองก็มีราวหลายสิบคนได้”

หวังทงเข้าใจที่หม่าหย่งว่ามา ทหารในสังกัดนายก็หมายถึงคนของสังกัดนั้น มีความสัมพันธ์สนิทแนบแน่นเป็นพิเศษ ไม่อาจจากไปได้โดยง่าย หากตัดสินใจให้พวกเขาอยู่ต่อที่นี่ ก็ต้องถามความเห็นชอบจากนายเดิมเสียก่อน

บรรดาขุนพลทหารเมืองต้าถงยอมส่งทหารในสังกัดตนออกมาช่วยรบ ก็ถือว่ามีน้ำใจต่อหวังทงแล้ว นี่เป็นกำลังสำคัญของพวกเขา ยอมให้หวังทงนำมาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายได้ การยอมให้เช่นนี้ อย่างไรหวังทงก็ไม่อาจให้คนพวกนี้อยู่ต่อหลังมีชัยชนะใหญ่ ไม่เช่นนั้นวันหน้าก็อาจไม่มีผู้ใดให้ความร่วมมือ

“ทหารกองเสริมและคนงานของกองกำลังหู่เวยทิ้งไว้ที่นี่ได้ราวพันห้าร้อยนาย กับทหารอีก 175 นาย จำนวนนี้ข้าพอรับได้อยู่!”

หวังทงเอ่ยสรุป  นำทหารส่วนหนึ่งคัดออกมาย่อมเป็นการให้รางวัล เพื่อเป็นการซื้อใจทหาร แต่ก็เป็นตัดทอนกำลังตนเองลง หากหวังทงให้คนอื่นตัดกำลังออกมา แต่ไม่แตะต้องกำลังของกองกำลังหู่เวย เช่นนั้นในใจทุกคนย่อมไม่ยินยอม แต่หวังทงเองก็แสดงความจริงใจที่มากพอ

ความสามารถทหารกองเสริมกับคนงานกองกำลังหู่เวยนั้น บนสนามรบทุกคนก็เห็นกระจ่าง พวกเขาเป็นทหารที่เก่งกล้าทั้งหมด ไม่ได้ด้อยไปกว่ากองกำลังอื่น

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทหารชำนาญการรบสี่พันกว่าทิ้งไว้ในเมืองกุยฮว่าเฉิง ในนั้นย่อมมีขุนพลทหารระดับล่าง ตรงตามความต้องการของหวังทง

“ทุกท่าน วันนี้สรุปเช่นนี้ก่อน แต่กล่าวกันไว้ตรงนี้ก่อนว่า คิดจะอำลากองทัพลงหลักปักฐาน ทำได้แค่อยู่ในเมืองกุยฮว่าเฉิงเท่านั้น จะมีที่นาให้ทำ มีบ้านให้อยู่ มีสัตว์เลี้ยงให้ หรืออาจจ้างคนงานก็ได้ แต่คิดจะได้ประโยชน์เช่นนี้ต่อไป ก็จำเป็นต้องไม่ละทิ้งการฝึกการต่อสู้”

หวังทงกล่าวจริงจัง

“ในเมืองขบวนพ่อค้าต้องการผู้คุ้มกัน ผู้คุ้มกันพวกเขาต้องการคนฝึก โรงนาแต่ละแห่งรอบเมืองกุยฮว่าเฉิงต้องการกำลังคนดูแลป้องกัน คนพวกนี้ต้องการผู้นำการฝึก หากเมืองกุยฮว่าเฉิงเกิดเรื่องและต้องการรวมพล พวกเขาต้องเป็นชุดแรกที่เสริมกำลังเข้ามา ต้องเรียกกำลังพลได้ในทันที”

ขุนพลในกระโจมล้วนพยักหน้า ได้รับประโยชน์มากมายเช่นนี้ ไม่ทำอันใดเลยย่อมไม่ได้ หวังทงกล่าวต่อว่า

“ผู้คุ้มกันพ่อค้าขึ้นเหนือล่องใต้ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ที่นามาก บ้านพักชั้นดี สัตว์เลี้ยงมีให้มาก การฝึกในเมืองก็ลดมาตรฐานลง ปลดระวางมาก็เท่ากับมาเสพสุข ต้องต่อสู้เพื่อชีวิตที่ดีของตนเอง ต้องต่อสู้เพื่อครอบครัวตนเอง จึงจะคู่ควรได้รับสิ่งดีๆ ทั้งหมดนี้ไป”

ในกระโจมเงียบลง หม่าหย่งลังเลครู่หนึ่ง กล่าวว่า

“แม่ทัพใหญ่ ขบวนพ่อค้าใช่ว่าจำเป็นต้องใช้คนของเรา พวกเขาย่อมสามารถ…….”

“ไม่ใช้ผู้คุ้มกันของเรา ไม่รับผู้คุ้มกัน ไม่อาจทำการค้าบนทุ่งหญ้านอกด่าน ไม่อาจพักอาศัยในเมืองกุยฮว่าเฉิง!”

หวังทงยิ้มเล็กน้อยกล่าว  บรรดาพ่อค้าอาศัยเมืองกุยฮว่าเฉิงเป็นฐาน ทำกำไรบนทุ่งหญ้านอกด่าน พวกเขาไม่อาจได้รับประโยชน์เปล่าๆ พวกเขาต้องดูแลทหารสูงวัยเหล่านี้ ต้องให้เมืองกุยฮว่าเฉิงดำรงความเป็นเมืองป้องกันตนเองได้ ให้ดำรงต่อไปจึงจะได้ประโยชน์พวกนี้ นี่นับว่าเป็นภาษีที่ต้องจ่ายอย่างหนึ่ง

กล่าวถึงตรงนี้ก็เรียกได้ว่าพอได้เรื่องระดับหนึ่ง หม่าหย่งถามจบ หยางจิ้นก็ถามขึ้น

“แม่ทัพใหญ่ วันหน้าเกรงว่าหากส่งขุนนางบุ๋นมาดูแล เรื่องนี้…….แผ่นดินหมิงเรา บุ๋นบู๊มีระดับต่าง แม่ทัพใหญ่ตั้งกฎไว้ วันหน้า….”

ในสถานการณ์นี้ คุยกันถึงขั้นนี้ ทุกคนก็ต่างพากันคิดถึงทหารของตนเอง มีบางวาจาจึงสามารถกล่าวกันเปิดเผยได้ หยางจิ้นถามในสิ่งที่ทุกคนสนใจ หวังทงยิ้มอย่างมั่นใจกล่าวว่า

“พื้นที่กันดารเช่นนี้ ย่อมไม่มีขุนนางบุ๋นใดอยากมา แม้ว่าอยากมา ฝ่าบาทก็ย่อมต้องห่วงใยความปลอดภัยพวกเขา ไม่ให้พวกเขามา”

ได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็วางใจได้แล้ว

****************

“ที่นาในเมืองกุยฮว่าเฉิงเป็นของฝ่าบาท ทุกท่านอย่าได้คิดครอบครอง วันหน้าผลิตผลที่ได้ ทุกท่านก็ได้ลดพิเศษด้วย”

อาหารค่ำวันนี้ร่วมรับประทานกับบรรดาพ่อค้าที่คิดซื้อที่นา หวังทงกล่าวจบ บรรดาพ่อค้าที่ร่วมวงอาหารก็เผยสีหน้าผิดหวัง หวังทงยิ้มกล่าวว่า

“ทุกท่าน พื้นที่ในเมืองกุยฮว่าเฉิงทุกตารางต้องใช้เงินซื้อมา แต่มีอีกก้อนโตไม่น้อยที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อ!”

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1116 อ่านนิยาย


หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

Options

not work with dark mode
Reset