องครักษ์เสื้อแพร 766

ตอนที่ 766
ตอนที่ 766 ปืนใหญ่

ตั้งแต่ทหารหมิงออกจากเมืองต้าถงทางช่องเขาสังหารพยัคฆ์สู่ทุ่งหญ้า ปืนใหญ่ของพลปืนใหญ่กองกำลังหู่เวยสำแดงอานุภาพอย่างมาก แต่มีปืนใหญ่สองสามกระบอกที่ไม่เคยนำออกมายิง

ปืนใหญ่สามกระบอกนี้ไม่เคยถูกนำมายิง ไม่ได้ยิงแต่กลับใช้กำลังคนและแรงงานสัตว์มากมายขนมาด้วย ดีที่กองกำลังหู่เวยรู้วิธีการนำเชือกหนังมาผูกโยงม้าลากเอาไว้ สามารถนำม้ามาลากเรียงกันได้ถึง 16 ตัว

ปกติแค่ม้าตัวเดียวลากรถใหญ่สองล้อ ก็บรรทุกของได้ราว 600- 800 ชั่ง ม้า 16 ตัวสามารถลากได้หนักกว่า

นอกจากใช้ม้าเยอะแล้ว รถบรรทุกปืนใหญ่พวกนี้ยังมีรถสำรองอีก ใช้ม้าสี่ตัวลากมา แท่นปืนใหญ่นี้ไม่เพียงแต่เป็นแท่นเหล็กที่ทำจากล้อเหล็กผสมไม้ หนึ่งคันต่อปืนหนึ่งกระบอก ปืนใหญ่สามกระบอกแต่ละกระบอกถึงกับเตรียมเครื่องยิงไว้สองชุด

ตลอดทางก็ยุ่งยาก ยามนี้อากาศหนาวจัด พื้นดินตอนเหนือก็แห้งมาก ถนนหนทางก็แข็ง ล้อรถปืนใหญ่สามกระบอกนี้ยังบดจนเป็นรอยล้อรถลึกได้ พอเจอหลุมบ่อ ไม่ใช้ไม้กระดานปูให้เรียบร้อย ก็จะให้คนมาคอยดัน ดีที่เดินทางมาได้ตลอดรอดฝั่ง

เชลยนอกด่านถูกจัดการเรียบนอกกำแพงเมืองกุยฮว่าเฉิงแล้ว ปืนใหญ่สามกระบอกนี้ก็ถูกลากออกมาด้านหน้า เป็นจุดสังเกตของทหารหมิงทั้งหมด ไม่เพียงแต่ทหารเมืองจี้โจวหรือเมืองต้าถง แม้แต่กองกำลังหู่เวยเองก็จ้องไม่กระพริบเช่นกัน

ระยะห่างราว 260 ก้าว เป็นที่ตั้งทัพปืนใหญ่กองกำลังหู่เวย ม้า 16 ตัวลากมาเป็นแถวยาว ไม่อาจให้ม้านำหน้ามากไปได้ เพราะหาในเมืองยิงกระสุนหินหรือกระสุนดินออกมา ก็จะทำให้ตกใจจนเสียการได้

ดังนั้นก่อนถึงพื้นที่ตั้งกองพลปืนใหญ่จึงหยุดก่อน ทหารเริ่มขึ้นหน้าเข้าไปลากแทน คนหนึ่งร้องส่งสัญญาณ นำปืนใหญ่ไปยังพื้นที่ที่กำหนดไว้

ทหารปืนใหญ่กองกำลังหู่เวยส่วนใหญ่ประจำอยู่หน้าตำแหน่งปืนใหญ่ของตนเองแล้ว ที่ออกแรงอยู่ตรงนี้ส่วนใหญ่เป็นทหารปืนใหญ่เมืองจี้โจว พวกเขากำลังใจดี เช่นกันย่อมเต็มไปด้วยความหวัง ปืนใหญ่เช่นนี้ เห็นชัดว่าเป็นปืนใหญ่ที่นำออกมาหลังสุด แท้จริงแล้วอานุภาพร้ายกาจเพียงใดกัน

รบกันมาถึงขั้นนี้แล้ว ทหารหมิงทหารไม่ได้รู้สึกกดดันเคร่งเครียดอันใด ดันปืนใหญ่ไปพลางคุยกันไปพลางว่า

“ปืนใหญ่นี่น่านะหมื่นชั่งได้ พี่น้องเรามาเข็นกันร่วมร้อยได้!”

มีคนเข็นปืนใหญ่ มีคนใช้เชือกลากปืนใหญ่ ข้างๆ มีคนเชี่ยวชาญตอบเสียงดังว่า

“หากหมื่นชั่งจริง ม้า 16 ตัวเกรงวาเอาไม่อยู่ หลายพันชั่งน่าจะได้ ถุยๆ พวกเจ้าดูปืนใหญ่ที่พวกเทียนจินหลอมสิ ดูแล้วได้สัดส่วน ดูปืนใหญ่เราสิ เทียบกันไม่ติดเลย!”

“หลายวันก่อนไปช่วยขนกระสุนปืนใหญ่ กระสุนปืนใหญ่ก็หนักราวสิบกว่าชั่งแล้ว!”

“12 ชั่ง พวกทหารกองกำลังสังกัดวังหลวงเรียกว่า ปืนกระสุน 12 ชั่ง ยอดเยี่ยมจริง ปืนใหญ่ทัพเราใหญ่สุดแค่ปืนใหญ่กระสุน 10 ชั่งเท่านั้น”

“ปืนใหญ่เช่นนี้เมื่อใดพวกเราจะมีกัน?”

“ได้ยินใต้เท้าว่า กลับเมืองจี้โจวครานี้ ทุบหม้อขายอาวุธก็ต้องซื้อปืนใหญ่จากเทียนจินสักสองสามกระบอก!”

ปืนใหญ่ค่อยๆ ไปยังตำแหน่ง พลปืนใหญ่กองกำลังหู่เวยเริ่มทำความสะอาดลำกล้องปืนใหญ่ บรรจุดินปืน ดินปืนกองกำลังหู่เวยห่อด้วยผ้าฝ้ายเอาไว้ ปากกระบอกปืนขนาดเท่าไรก็ล้วนกำหนดสัดส่วนไว้พร้อม จัดการปากกระบอกเสร็จ ก็หย่อนห่อผ้าลงไปได้เลย จากนั้นก็บรรจุกระสุนปืนใหญ่ แล้วค่อนใช้ท่อนไม้เกลี่ย

ปืนใหญ่หนักหกชั่งขึ้นไปเกือบ 30 กระบอกเล็งไปยังกำแพงเมืองด้านที่มีเสียงร้องร่ำไห้ระงมเมื่อครู่ ปืนใหญ่ที่เหลือเตรียมยิงได้ทุกเวลา

หลังกองพลปืนใหญ่ ทหารราบแต่ละหน่วยถอยหลังเว้นระยะห่าง ขุนพลทหารตะโกนให้จัดแถวรอคำสั่ง ทัพม้าถอยห่างออกไป ทหารหวังทงตะโกนบอกทุกหน่วยให้อุดหูให้ดีตอนยิง ทัพม้าได้สั่งการไว้ก่อนหน้าแล้ว ให้ทหารม้าทุกคนใช้ผ้าอุดหูม้าตนเองไว้ หูตนเองก็อุดด้วยผ้าเช่นกัน

ห่างกันไกลเพียงนี้ ปืนใหญ่ยิงไปถึงจะมีผลเช่นไร ในฤดูหนาวเช่นนี้ อย่างมากก็คงทำลายได้แค่ก้อนอิฐด้านนอกกำแพงกระมัง ที่เหลือยังคงแข็งแรงอยู่ดังเดิม ทหารบนกำแพงเมืองต่างพากันหลบอยู่หลังช่องกำแพง

ปืนใหญ่หกชั่งขึ้นไปช่วงกลางลำเสริมไม้เข้าไป ทำให้ปากกระบอกปืนยกสูง หากมีคนสังเกตก็จะพบว่า จำนวนดินปืนกระสุนสามชั่งเพิ่มปริมาณมากอีกนิด

หวังทงตรวจสอบผ้าอุดหูม้าตนแล้ว กล่าวว่า

“พวกหยางจิ้นไม่เชื่อว่าวันนี้จะเข้าเมืองได้  อีกสักครู่พวกเขาเชื่อเอง ถ่ายทอดคำสั่ง! ยิง!!”

เสียงคำสั่งดังมา ทหารข้างกายรับคำสั่งโบกธงแดงส่งสัญญาณ มู่เอินกับจางอู่จับตามองด้านหน้า เห็นธงแดงโบก  มู่เอินกับจางอู่สบตากัน ก่อนมู่เอินตะโกนดัง

“ปืนใหญ่ทั้งหมดเตรียมพร้อมเสร็จแล้วใช่ไหม?”

เริ่มจากรอบนอก นายกองธงเล็กประจำปืนใหญ่แต่ละกระบอกเริ่มรายงานมาตามลำดับ มู่เอินตะโกนดังว่า

“อย่าลืมอุดหู หูหนวกไปแล้วไม่อาจได้ยินเสียงแสนสะใจเช่นนี้อีก!”

ทุกคนหัวเราะดังพร้อมกัน มู่เอินสูดลมหายใจอย่างแรง  ตะเบ็งเสียงตะโกนดัง

“ยิง!!”

“ยิง!!”  “ยิง!!!”

เสียงสั่งการดังติดๆ กันไป พลปืนใหญ่คว้าเหล็กชนวนติดไฟแดงฉานจุด นำเชือกเผาไหม้ ฟ้าดินราวกับเงียบกริบไปชั่วขณะ

“ยิง~~”

ไม่รู้ว่าพลปืนใหญ่ลงมือไว หรือว่าปืนใหญ่ไหนดังก่อน ปืนใหญ่ทั้งหมดยิงออกไปดังสนั่นหวั่นไหว

แม้อุดหูไว้แล้ว แต่ก็ยังได้ยินเสียงดังสนั่นถึงใจ ม้าก็ตกใจจนกระโดดทะยาน ส่งเสียงร้องดังไปทั่วบริเวณ

พื้นเหมือนสะเทือนไปทั้งแถบ พลปืนใหญ่ในกองรบปืนใหญ่ไม่อาจบังคับตนเองต่อได้ ได้แต่ล้มนั่งลงกับพื้น สองมืออุดหูไว้ไม่กล้าไปไหน ท่าทางน่าสงสารยิ่ง

ทหารราบด้านหลัง ทัพม้าทหารม้าที่อยู่ใกล้ หากเป็นแถวหน้า ก็ล้วนจ้องมองสภาพกำแพงเมืองด้านหน้าตาไม่กระพริบ คิดอยากดูว่าปืนใหญ่อันน่าตกใจนี้มีแสนยานุภาพเพียงใด

ควันดินปืนคละคลุ้งไปทั่ว มองไม่เห็นอันใด แต่ละคนหูอื้อไปหมด ไม่ได้ยินอันใด ได้ยินแต่ความเงียบทั่วสนามรบ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงได้เป็นปกติ

มีลมพัดมาบนสนามรบ ควันดินปืนที่คละคลุ้งไปทั่วกำแพงเมืองก็เริ่มเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เอง ทุกคนก็ได้เห็นสภาพกำแพงเมืองที่ถูกยิงชัด

กำแพงเมืองท่อนบนพังเสียหายไปกว่าครึ่ง เหมือนว่าถูกสัตว์ร้ายกัดขย้ำกินไปครึ่งหนึ่ง ความสูงระดับนี้ ทหารราบสามารถปีนข้ามไปได้แล้ว

ทหารหมิงระเบิดเสียงร้องดีใจดังลั่นไปทั่ว มู่เอินที่อุดหูอยู่ขมวดคิ้ว เขาจับตาดูกำแพง แล้วพึมพำกับตนเองว่า

“ปากกระบอกปืนใหญ่ผิดตำแหน่ง ปืนกระสุน12 ชั่งเติมดินปืนน้อยไป !!”

“กดดันบนกำแพงเมือง ปืนใหญ่ยิงต่อไป ปืนกระสุน 12 ชั่งเติมดินปืนอีกสี่เหลี่ยง ปืนใหญ่ที่เหลือเร่งเตรียมพร้อม ปืนใหญ่ระลอกสองยิงพร้อมกันเหมือนเดิม!!”

ทหารด้านหลังขานรับพร้อมกัน กำแพงเมืองที่พังทำให้ขวัญกำลังใจพลทหารปืนใหญ่ยิ่งฮึกเหิม พวกเขาตะโกนเปล่งเสียงร้องดัง เร่งมือบรรจุดินปืน

ปืนใหญ่ขนาดเล็กสองปีกข้างกองปืนใหญ่บรรจุดินปืนง่ายกว่ามาก รอบสองเริ่มยิงแล้ว ปากกระบอกปืนใหญ่ยกสูงสามารถยิงกระสุนปืนใหญ่ไปถึงกำแพงเมืองได้ ทหารที่หลบหลังช่องหินกำแพงเมืองถึงกับไม่อาจเงยหน้าได้ มีหลายลูกยิงไม่ได้รัศมีเท่าไร แต่กระสุนปืนใหญ่ก็ยังตกลงที่อิฐแพงเมือง ยิงจนแตกกระจาย ไม่มีผู้ใดกล้าโผล่หัวขึ้นมาอีกแล้ว

ที่จริงแล้วช่องโหว่ที่กำแพงเมืองสองข้าง มีคนมีชีวิตอยู่ไม่มากแล้ว ยิงปืนใหญ่ไปหลายสิบ กำแพงเมืองได้รับความเสียหายสะเทือนหนักมาก มีคนร่วงจากกำแพงด้วยแรงสะเทือน ถึงกับสะเทือนจนตายคากำแพงไปก็มี

“ยิง!!!”

เสียงคำสั่งตะโกนดังมาอีกรอบ ทุกคนรีบอุดหูต่อ พื้นดินสะเทือนลั่น ควันดินปืนคละคลุ้งไปทั่วอีกครา พอควันดินปืนกระจาย ทหารหมิงเงียบกันหมดก่อนจะระเบิดเสียงยินดีดังอย่างที่สุด กำแพงเมืองถูกยิงถล่มไปแล้ว

กำแพงเมืองพังลงเอนเป็นแถบ ตำแหน่งทหารหมิงอยู่นั้นสามารถมองเห็นอาคารบ้านเรือนด้านหลังกำแพงเมือง ยามนี้สามารถเข้าตีเมืองได้แล้ว ทหารหมิงแต่ละหน่วยถูมือเตรียมพร้อมลงมือ มู่เอินกลับยังคงเร่งลูกน้องให้เติมดินปืน เตรียมยิงระลอกต่อไป

ยามนี้มีทหารติดตามหวังทงขี่ม้ามาถ่ายทอดคำสั่ง ตะโกนขึ้นว่า

“แม่ทัพใหญ่มีคำสั่ง  ปืนกระสุน 12 ชั่งกับปืนกระสุนเก้าชั่งยิงถล่มไปช่องโหว่อีกสามรอบ ปืนใหญ่ที่เหลือยิงคุมกำลังสองปีกเอาไว้ ปากปืนใหญ่ยกสูง  ทัพใหญ่เตรียมบุกเข้าไป!!”

มู่เอินรับคำสั่งเสียงดัง พลปืนใหญ่คว้าไม้กับท่อนค้ำเขาสอดยกปากกระบอกปืนใหญ่ จากนั้นก็เริ่มยิง ช่องทางที่ถูกเปิดทางออกนั้นถึงกับไม่มีทหารโผล่หัวออกมา เผชิญหน้ากับปืนใหญ่ดำมะเลื่อม ผู้ใดจะกล้าบุกมารนหาที่ตายกัน

กำแพงเมืองถูกยิงเป็นรูเช่นนี้แล้ว ทหารรักษาเมืองยังต้องขี้นมาอุดไว้ ไม่เช่นนั้นกำแพงมีไว้ทำไมกัน ปืนใหญ่ระลอกสามใกล้จะบรรจุดินปืนเสร็จแล้ว ช่องทางที่ถูกระเบิดเป็นรูเริ่มมีทหารนอกด่านออกมาแล้ว แต่ก็ดูชุลมุนยิ่ง ไม่รู้ว่ามาอุดช่องหรือมาป้องกัน

กลายเป็นเป้าปืนใหญ่ในทันที ปืนกระสุน12 ชั่งสามกระบอกบรรจุดินปืนช้าอยู่สักหน่อย แต่ก็พอดีกับทหารรักษากำแพงโผล่ออกมา ปืนใหญ่ยิงตูมดัง ทหารที่เพิ่งโผล่ออมาก็ถูกกวาดเรียบไปทั้งแถบ ความเร็วของกระสุนปืนที่หนักมากลอยหวือไป ที่ข้ามผ่านล้วนสาดกระเซ็นไปด้วยเลือดและเนื้อ ไม่อาจต้านทานได้

เหมือนว่าทหารนอกด่านพวกนั้นมีคนไล่ต้อนอยู่ด้านหลัง พอกวาดเรียบไปรอบ ก็ยังมีอีกชุดขึ้นมา แต่บริเวณที่กระสุนปืนใหญ่ตกลง ก้อนอิฐปลิวกระจายกระแทกบาดเจ็บราวกับกระสุนสาดไปทั่ว เหมือนเป็นม่านกระสุนสังหาร  ไม่มีผู้ใดกล้าขึ้นมาอีก

ปืนกระสุนหกชั่ง ปืนกระสุนเก้าชั่งกับปืนกระสุน 12 ชั่งเริ่มยิง รัศมียิงไกล ยิงไปถึงหลังกำแพงเมืองได้ ตกบนกำแพงเมืองยิ่งง่าย ปืนใหญ่ขนาดใหญ่รัศมีสังหารครอบคลุมโดยรอบ เครื่องดีดก้อนหินกลายเป็นเครื่องไร้ความหมาย ปืนใหญ่เล็กควบคุมพื้นที่ไว้ได้แล้ว แม้ว่ากำแพงเมืองจะไม่มีทหารคุม แต่ก็มีกระสุนหินยิงออกมาประปราย  หากทำอันใดไม่ได้

“ถมคูเมือง!”

หวังทงออกคำสั่งอีก ม้าและรถที่ยึดมาจากพวกนอกด่านได้ ยามนี้บรรทุกก้อนหินและเศษไม้จากการรื้อถอนเมื่อก่อนหน้าเต็มคัน เริ่มมุ่งไปยังคูเมือง ปืนใหญ่เริ่มยิงประปราย รถใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนไป ไปยังคูเมือง

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1116 อ่านนิยาย


หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

Options

not work with dark mode
Reset