องครักษ์เสื้อแพร 1041 ลงใต้

ตอนที่ 1041 ลงใต้

ชาวบ้านเตรียมการกันยกใหญ่ ถึงกับทำให้หลายตระกูลอิทธิพลทางฮกเกี้ยนกวางตุ้งต้องสะเทือน พวกเจ้าทะเลเหล่านี้เป็นใหญ่บนท้องทะเล ครอบครองการค้าเพียงผู้เดียว ไม่ได้สนใจเรื่องราษฎรฮั่นบนลูซอนอันใด สำหรับพวกเขาแล้ว พวกสเปนบนลูซอนแม้ว่าเก่งกล้า แต่ก็ไม่อาจทำอันใดพวกเขาได้ ขอเพียงสองฝ่ายยังทำการค้า ก็ย่อมไม่คิดผิดใจกัน

ความจริงนั้น ณ ทวีปเอเชีย มะละกาไปทางตะวันออกท้องทะเลกว้างใหญ่ อิทธิพลอำนาจใหญ่สุดบนท้องทะเลก็คือเจ้าทะเลแผ่นดินหมิง ไม่ว่าสเปนหรือโปรตุเกสหรือฮอลันดา พวกเขายังต้องจ่ายค่าคุ้มครองที่เรียกว่า ‘ค่าน้ำ’ แขวนธงเจ้าทะเล เพื่อให้การเดินเรือปลอดภัย แต่ก็ยังเดินทางไม่สะดวกนัก สำหรับพวกเขาแล้ว  กับเจ้าทะเลแผ่นดินหมิงก็อย่าข้ามเขตกันดีที่สุด สถานการณ์เช่นนี้ มักเป็นเพราะบนท้องทะเลไม่มีกลุ่มอิทธิพลอำนาจใหญ่สุด จึงได้เกิดสภาพเช่นนี้

ตอนนี้ก็เหมือนสถานการณ์คงเป็นเช่นนี้ ราชาไตรธาราเสิ่นหวั่งกับซาต้าเฉิงล้วนเคลื่อนไหวอยู่ทางเหนือ  ทางฮกเกี้ยน กวางตุ้งยังไม่มีเจ้าทะเล เป็นช่วงเวลาว่างเว้นอำนาจ

บรรดาเจ้าทะเลแม้ว่ายิ่งใหญ่บนท้องทะเล แต่ก็รู้ว่ากองเรือเทียนจินไม่อาจล่วงเกิน ตอนนี้มีกองเรือพวกเขาจงใจเลี่ยงเมืองซงเจียง

เรือพวกเขา คิดจะเข้าออกเมืองซงเจียงทำการค้ากำไร แต่พวกเขากลัวหวังทง ตอนนี้คงอยากให้พวกเขาแย่งเรือ จากนั้นลงมือจับกุมจะได้ยึดเรือไป

คนไม่น้อยไม่ว่าที่ลับหรือที่แจ้งล้วนเห็นเรือปืนใหญ่พวกนั้นที่จอดเทียบท่าที่ท่าเรือเมืองซงเจียง ตอนเห็นก็รู้สึกหนังตากระตุก ของเล่นพวกนี้มีลำหนึ่งบนท้องทะเลยังอาจใช้เรือเผาไหม้ลอยประชิดได้ แต่หากมี 8-9 ลำ แล่นออกมาพร้อมกัน บนท้องทะเลนี้จะมีที่ให้ผู้ใดแล่นได้อีก

และหวังทงยังไม่ได้มีแค่เรือปืนใหญ่ รอบนอกเขายังมีกองเรือซาต้าเฉิง เจ้าคิดเข้าใกล้บุกสังหารยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ โดดขึ้นเรือไปสู้กัน หรือว่าพวกฉลามซาต้าเฉิงจะกลัวกัน?

แน่นอนแล้วว่าไม่กล้าแตะต้องเรือเมืองซงเจียงเป็นจุดยืนหลัก จากนั้นทุกคนยังมุ่งแต่เรื่องเงินทองร่ำรวย คิดจะร่ำรวย ต้องใส่ใจข่าวเมืองซงเจียงกับแดนใต้แต่ละแห่งให้มาก มีเรื่องพัดยอดหญ้าอันใดก็ต้องได้ข่าวมาได้ทันท่วงที

ตอนนี้คหบดีแดนใต้มากอำนาจวาสนาล้วนกำลังคุยเรื่องออกไปร่ำรวยกันทางทะเลใต้ หลายคนล้วนลงมือกันแล้ว พวกเขามักไม่คุ้นกับบนท้องทะเล แน่นอนต้องติดต่อกับบรรดาเจ้าทะเล

บรรดาเจ้าทะเลพอรู้ข่าวก็ล้วนเทียบกำลังกัน ได้ชื่อเจ้าทะเลนั้นน่าฟังอยู่ แต่พูดให้ชัดก็คือหัวหน้าโจรสลัดนั่นเอง ตอนยังเหิมเกริม พวกเขานำกลังปล้นชิงริมทะเลแผ่นดินหมิง ตอนนี้สงบเสงี่ยมกันไปมาก

ชาวฮั่นแผ่นดินหมิง ชาวฮั่นที่ลูซอน สำหรับพวกเขาแล้วไม่แตกต่าง ไม่อาจมีความแค้นใดและความสงสารใด ครั้งนี้ล้วนไปกันเพื่อเงินทองร่ำรวยเท่านั้น

คหบดีแดนใต้มากอำนาจวาสนาเป็นเพราะเอื้อสินค้าให้บรรดาเจ้าทะเล  พวกทรงอำนาจมากก็จะให้ท่าเรือส่วนตัว เหมือนว่ามีสายสัมพันธ์กับชนชั้นสูงเมืองหนานจิงหรือไม่ก็ขุนนางสูงแดนใต้ ถึงกับเสนอให้การปกป้องคุ้มครองบรรดาเจ้าทะเล

สองฝ่ายร่วมเป็นหนึ่งเดียว ในเมื่อคนพวกนี้มาหา บรรดาเจ้าทะเลก็ไม่อาจไม่สนใจ  จะว่าไป แดนใต้เกิดกระแสวิ่งหาเงินทองร่ำรวย  กระทบใจพวกเขาอยู่ไม่น้อย ที่แท้ความร่ำรวยมาได้ด้วยวิธีการเช่นนี้ พวกพวกคนสเปนยึดลูซอนทำการค้าที่นั่น ยังต้องปะทะกับพวกเขามา เงินทองเกาะลูซอนกับทรัพยากรต่างๆ บรรดาเจ้าทะเลล้วนไม่มีส่วนได้มากนัก หากเปิดเกาะลูซอน ทุกคนคงได้แย่งกันสักคนละกำสองกำ

ยังมีคนคิดไปได้ไกลกว่านี้ คิดว่าหากทำได้นิ่งแล้ว คิดจะให้ยืนยาวต่อไปด้วย อย่างไรก็ต้องมีเมืองท่ากับที่มั่นตนเอง  ไม่ถูกคนอื่นแย่งฮุบไป ไม่ถูกขุนนางมาปราบ ตอนนั้นเจ้าเรือห้าขุนเขา[1] ไม่ใช่ว่ายึดครองเมืองผิงฮู่[2]ประเทศวัวหรอกหรือ จึงได้ค่อยๆ ขยายอำนาจออกไป

มองดูเสิ่นหวั่งกับซาต้าเฉิง ใช่ว่าอาศัยเทียนจิน ก้าวขึ้นมาขยายอิทธิพลหรือ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหลียวกั๋วกงผู้นั้นแล้ว คนผู้นี้ออกสู่ท้องทะเลได้แค่กี่ปีเอง ตอนนี้กลายเป็นเจ้าทะเลที่ใหญ่ที่สุดไปแล้ว

จะว่าไป ตอนนี้พื้นที่ริมทะเลแผ่นดินหมิงถูกหวังทงกับซาต้าเฉิงกดดันรุนแรง เดิมทุกคนมุ่งกันอยู่ที่เทียนจินยังดี แต่ตอนนี้มามุ่งกันอยู่ที่เมืองซงเจียง ค่อยๆ เคลื่อนลงใต้ไปอีก ยิ่งไม่มีที่ให้ทุกคนได้ทำมาหากิน ตอนนี้เป็นโอกาส เป็นโอกาสดีที่จะได้ลงไปหาช่องทางทางทะเลใต้กันแล้ว

กำลังบรรดาเจ้าทะเลยิ่งใหญ่เพียงใด อย่างไรก็มีจำกัด พวกเขาไม่มีทางได้กำไรคนและกำลังเงินมาเสริมอยู่ต่อเนื่อง  ถึงกับแม้อาวุธก็ยังหายาก แต่ทว่ามีคนแดนใต้มากอำนาจวาสนาเหล่านี้ให้การสนับสนุน ก็สามารถคิดเรื่องพวกนี้ได้แล้ว

*****************

เหลียวกั๋วกงที่แต่ไรมามากสามารถ หากครั้งนี้กระแสทะเลใต้กลับไม่สนใจ ราวกับสนใจแต่การจัดการเมืองซงเจียง

ทุกคนล้วนงง หรือเหลียวกั๋วกงหวังทงคิดจะหยุดพักเพื่อรักษาสุขภาพจริง จะว่าไปภรรยารองและน้อยของเหลียวกั๋วกงก็ตั้งครรภ์แล้ว เห็นอยู่ว่าใกล้จะคลอดแล้ว หรืออาจมีสาเหตุอื่น

ว่ากันว่าเพื่อออกท่องเที่ยวผ่อนคลาย หวังทงยังส่งคนไปทางตะวันออกของหมู่เกาะโจวซานเพื่อหาเกาะเล็กๆ จัดการคร่าวๆ แล้วก็ส่งคนไปสร้างจวนและสาธารณธูปโภคอื่นๆ ว่าเป็นที่ไว้หาความสงบ ยามพักผ่อนจะไปที่นั่น ไปผ่อนคลายจิตใจ

ระดับขุนนางใหญ่ก็ย่อมมีความแปลกแบบขุนนางใหญ่ ไม่พูดถึงจวนและสาธารณธูปโภคอื่นๆ ที่ต้องใช้เรือขนไป คนงานก่อสร้างก็ต้องเช่นกัน คนมากมายไม่อยากออกทะเล คิดจะขอให้คนไป ยังต้องให้ค่าแรงเพิ่มหลายเท่า ด้วยสถานะหวังทงแล้ว ย่อมไม่เห็นเงินทองแค่นี้ในสายตา  แต่สถานะสูงส่งเช่นนี้ มีทั้งภรรยาและบุตร อย่างไรก็ต้องเกรงภัย ไม่ควรไปอยู่ในที่อันตราย

ล่องเรือออกทะเล ยังเป็นเกาะโดดเดี่ยวห่างไกล แม้ว่ามีผู้คุ้มกันมากมาย แต่บนท้องทะเลลมฝนแรง  หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ก็ใช่ว่าเป็นภัยหายนะหรอกหรือ?

เรื่องนี้ทุกคนล้วนมองอยู่ พวกชนชั้นสูงกับขันทีหลายคนในเมืองหนานจิงถึงกับออกหน้ามาเตือนตามมารยาท อย่างไรก็ต้องเตือน จะได้ไม่ให้วันหน้ามาเอาผิดได้

น้ำใจไปมา หวังทงเองย่อมตอบกลับไปอย่างเกรงใจสุภาพตามมารยาท กล่าวว่าตนเองจะระวัง ตอนออกทะเลจะนำกองเรือผู้คุ้มกันไปมากหน่อย ระวังตัวรอบคอบ

เตือนไปตอบกลับ เหมือนไม่ใช่เรื่องเดียวกัน คนหนุ่มใจกล้า อย่างไรก็รักสนุก แต่ก็ไม่อาจกล่าวมากความอันใดต่อ  ที่ควรกล่าวก็กล่าวไปแล้ว ไม่มีอันใดต้องกล่าวอีกแล้ว

อย่างไรก็ร่ำรวยระดับแผ่นดิน เรือในมือก็ไม่น้อย ราวเดือนเก้า ทุกอย่างบนเกาะก็สร้างเสร็จ

ทางนี้สร้างเสร็จ จางหงอิงกับหลูรั่วเหมยตั้งครรภ์ได้สิบเดือนก็คลอด บุตรจางหงอิงคลอดเร็วกว่าหลูรั่วเหมยราวครึ่งเดือน แต่เป็นหญิง หลูรั่วเหมยคลอดเด็กชาย ตระกูลหวังมีสมาชิกเพิ่มอีกแล้ว นี่เป็นเรื่องมหามงคล ขุนนางพ่อค้าในเขตปกครองใต้และเจ้อเจียงล้วนมาแสดงความยินดีไม่ว่า พวกทางเมืองหลวงก็ยังมีสารแสดงความยินดีมา ฮ่องเต้ว่านลี่กับฮองเฮาเจิ้งก็มีพระราชทาน บุตรทั้งสองที่เพิ่งคลอด ก็มีหน้ามีตาเช่นนี้ได้

ล้วนว่ามารดาได้ดีเพราะบุตรชาย นับประสาอันใดกับจวนเหลียวกั๋วกงยามนี้ หานเสียเป็นภรรยาเอกให้กำเนิดบุตรชายก่อน ภรรยาเอกมีบุตรชายคนโต ไม่ต้องพูดถึง ภรรยาอื่น หวังทงมีกิจการใหญ่โตเช่นนี้ ย่อมไม่อาจให้คนเดียวสืบทอดได้ ผู้ใดหากมีบุตรชาย ไม่เพียงแต่ตนเองจะรับประกันสถานะได้ บุตรชายวันหน้ายังมีอนาคตไกลอีกด้วย

หลูรั่วเหมยแน่นอนดีใจอย่างยิ่ง จางหงอิงกลับเศร้า ไม่ต้องพูดถึงไจ๋ซิ่วเอ๋อร์กับซ่งฉานฉาน  พวกนางสองคนสีหน้าล้วนพยายามบังคับให้ยิ้มแย้ม ช่วยเหลือการงานทุกอย่างไม่หยุด แต่พอหวังทงไปหา อย่างไรก็ย่อมบ่นเศร้าใจอัดอั้น

หวังทงได้แต่ปลอบใจ และยังเริ่มรำคาญใจ สุดท้ายกล่าวว่า ‘ข้ายังไม่ 30 พวกเจ้าร้อนใจอันใด’ ทำให้ในจวนสงบลงได้

ชื่อก็ตั้งง่ายมาก บุตรชายคนโตชื่อหวังเซี่ย หวังทงเดิมทีคิดจะตั้งบุตรชายคนรองว่า ‘หวังหวา’  มาจากคำว่า ‘หวาเซี่ย’ ที่แปลว่า ‘จีน’ แต่นายอำเภอซ่างไห่หยางซือเฉินกลับไม่สนใจสถานะนายบ่าวออกหน้ายั้งไว้ ‘หวาเซี่ย’ คำนี้จะทำให้คิดมาก หวังทงต้องหลบมาเมืองซงเจียงเพราะอะไรกัน

หวังทงไม่คิดอะไรในเรื่องนี้ แต่ในเมื่อคิดว่าไม่เหมาะ เช่นนั้นก็ชื่อ ‘หวังจง’ แปลว่า ‘ภักดี’ ก็แล้วกัน บุตรสาวคนโตก็ให้ชื่อ ‘หวังหลัน’ ตั้งกันง่ายมาก

ตั้งชื่อเช่นนี้ หวังทงก็ถูกบัณฑิตแดนใต้หัวเราะเยาะ คิดว่าขุนนางบู๊ต่ำต้อยไม่รู้ความจริง ชื่อก็ยังตั้งแบบพวกตระกูลเล็ก ๆ ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง

มีข่าวลับจากเมืองหลวงมาว่า หวังทงตั้งชื่อให้ลูกว่า หวังจง ฮ่องเต้ว่านลี่รู้เข้า ฮ่องเต้ว่านลี่ก็ทรงดีพระทัยยิ่ง แน่นอนข่าวที่มาพร้อมข่าวเหล่านี้ยังมีว่า ฮ่องเต้ว่านลี่วิจารณ์สตรีประเทศวัว  ‘ก็แค่นี้ เทียบกับสาวงามหมิงเราได้อย่างไร’ นี่เป็นข่าวลือสอดรู้สอดเห็นโดยแท้ อ่านแล้วก็ได้แต่ยิ้ม

เดือนหกก็เริ่มมีกระแส หลังเดือนเก้าก็ถึงเวลาลงมือ เรือพากันออกทะเล หวังทงท่าทางสบายใจยิ่ง

ทหารเก่าปลดประจำการจากระบบกองกำลังหู่เวยที่ต่างๆ เริ่มมาถึงเทียนจิน หวังทงจัดการหางานให้พวกเขาอย่างดี    ผู้คุ้มกันร้านค้าและเรือ  หรือผู้คุ้มกันจวน ล้วนแนะนำให้ได้งานเหล่านี้ ตอนนี้แต่ละแห่งล้วนกำลังต้องการคน หวังทงแนะนำคนเหล่านี้มา เป็นคนที่ผ่านสมรภูมิรบมา ล้วนรู้จักรักษาระเบียบ พวกต่อสู้เป็นในยุคนี้มีไม่น้อย แต่หาน้อยที่จะรู้จักธรรมเนียม

ที่ไปของทหารเก่าปลดประจำการเหล่านี้ดูแล้วก็หลากหลาย แต่ความจริงนั้นเบื้องหลังเหล่านี้ล้วนมีความมุ่งหวังไปร่ำรวยทะเลใต้ และยังเริ่มลงมือไปแล้ว

****************

เปาโล ลูอิสเป็นขุนนางสเปนประจำที่ทำการลูซอนควบแม่ทัพทหาร  ชื่อนี้ยิ่งใหญ่มาก แต่ทว่าทุกคนล้วนรู้ ไม่ได้มีสถานะใหญ่อันใด

สเปนตั้งอาณานิคมที่ทวีปอเมริกา  กงศุลใหญ่กับขุนพลทหารประจำการจะต้องไม่ใช่คนเดียวกัน  จะต้องคิดไตร่ตรองเรื่องแบ่งอำนาจและสมดุล  การจะให้อำนาจดูแลทั่วไปกับอำนาจทหารรวมเป็นหนึ่ง จึงมักเพราะไม่ได้รับความสำคัญ

ลูซอนเป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญจากทวีปเอเชียไปยุโรป จากทวีปอเมริกามาทวีปเอเชีย เรื่องนี้ทุกคนล้วนรู้ ที่สำคัญก็ส่วนที่สำคัญ แต่เรือพ่อค้าไปมา น้อยมากที่จะจอดกันยาว มักจะเป็นเหมือนเมืองท่าพักชั่วคราวระหว่างทาง

ลูซอนเองก็มิได้ความเครียดในการป้องกันอันใด อาศัยป้อมปืนใหญ่ที่มะนิลา ตอนนี้เรือจากทวีปเอเชียใดก็ไม่อาจตีแตกได้ สามารถไร้กังวล พวกพื้นเมืองต่อสู้ได้เก่งกว่าพวกอินคาในทวีปอเมริกาแค่นิดหน่อยจริงๆ

เดิมทีสเปนเตรียมตั้งกำลังทหารราบและกองเรือปืนใหญ่สิบลำที่ลูซอน เพื่อกดหัวชาวพื้นเมืองกับป้องกันชาวผิวขาวชาติอื่น และยังเพื่อต่อต้านแผ่นดินหมิง

กำลังระดับนี้มากเท่ากับทั้งยุโรป กำลังคงถึงกับยังมากกว่า ยังมีกำลังเตรียมพร้อมอีกองใหญ่ ข้างกายสัตว์ร้ายตัวใหญ่เช่นนี้ ต้องป้องกันว่าจะถูกจับกินได้ทุกเมื่อ แต่ทว่าเวลานานไป ไม่ว่าบาทหลวงหรือพ่อค้าล้วนพบว่าประเทศมหาอำนาจไม่ค่อยสนใจเรื่องบนท้องทะเล พวกเขาถึงกับไม่เห็นว่าราษฎรตนที่ออกทะเลไปเป็นลูกหลานแผ่นดินตน

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเตรียมกองกำลังไว้ป้องกันมากมาย ดังนั้นทหารประจำ 600 ยังมีคนที่เรียกระดมมาได้อีกเกือบพัน ก็เพียงพอแล้ว สำหรับการรบทางเรือ เรือปืนใหญ่ 30 กระบอกสองลำ เรือปืนใหญ่ 20 กระบอกสามลำ หากนับรวมเรือการค้าติดอาวุธที่จอดอยู่ลูซอนของชาติตนแล้ว ก็สามารถระดมกำลังเข้าปราบปรามได้เพียงพอ

ความยุ่งยากแท้จริงตอนนี้ก็คือโจรสลัดชาวฮั่นบนท้องทะเลพวกนั้น  พวกเขาชมชอบการแสวงหากำไรเงินทองมาก และยังพยายามแย่งชิงพื้นที่อย่างไม่เกรงกลัวบาดเจ็บล้มตาย  ไม่ค่อยคิดมากเรื่องควรลงมือระดับใดนัก

เปาโล ลูอิสเป็นนายพันตอนอยู่ในประเทศตน รับตำแหน่งรองหัวหน้าทหารราบ ในการต่อสู้ครั้งหนึ่งกับฝรั่งเศสได้ช่วยชีวิตนายทหารระดับสูงไว้ คิดไม่ถึงนายทหารผู้นั้นเป็นถึงบุตรชายชนชั้นสูงบรรดาศักดิ์ จึงได้ทำให้เขาโชคดี ได้รับการส่งเสริมขึ้นสู่ตำแหน่งนายพัน ก่อนจะได้รับการส่งเสริมให้ได้รับแต่งตั้งมาเป็นนายทหารคุมอาณานิคมลูซอนนี้

เรื่องการมาตะวันออก เปาโล ลูอิสเดิมทีเป็นไม่อยากมา เขาอยากไปทวีปอเมริกามากกว่า เพราะที่นั่นเหมือนกับกับสเปนหลายอย่าง และยังรุ่งเรืองมา แต่พอได้มาที่นี่แล้ว เปาโล ลูอิสจึงพบว่าตนเองวิเคราะห์พลาดไปแล้ว

เทียบกับทวีปอเมริกาที่ยังเหมือนอยู่ในโลกโบราณ ที่นี่กลับมีอารยธรรมและรุ่งเรืองกว่า พวกชาวพื้นเมืองและชาวฮั่นยังนิสัยโอบอ้อมอารี เชื่อฟังมาก การจะกดขี่และแย่งชิงเป็นเรื่องง่ายมาก

มีประสบการณ์เป็นนายทหารราบในสปนมา เปาโล ลูอิสจึงเอาทหารในลูซอนอยู่ สถานะนับว่ามั่นคง แต่ทว่าตั้งแต่เขามาถึง พวกคนสเปนที่ลูซอนก็เริ่มกวาดล้างปล้นชิงชาวฮั่น ชาวฮั่นสะสมสมบัติเงินทองไว้เพียงพอ ค่อยๆ แทรกซึมการค้าชาวผิวขาว ดังนั้นสั่งสอนพวกเขาสักทีก็ดีเหมือนกัน

เริ่มแรกเปาโล ลูอิสไม่ได้ตกปากรับคำ เขารู้ว่าคนพวกนี้คิดอะไรอยู่ พวกคนสเปนทุกคนที่ออกทะเลล้วนคิดแต่จะเจริญรอยตามปีซาร์โร ปราบทวีปอเมริกา พูดให้ตรงกว่านี้ก็คือ คิดจะเจริญรอยตามปรากฏการณ์ปีซาร์โรแย่งชิงเหมืองทองคำและเหมืองเงินในทวีปอเมริกา

กดขี่ขูดรีดพ่อค้าร่ำรวยชาวฮั่น ยังมีรับสินบนจากชาวฮั่นที่เอามาให้เอง เปาโล ลูอิสมีชีวิตที่สุขสบายเพียงพอแล้ว ไยต้องสังหารไก่เพื่อชิงไข่ด้วยเล่า?

แต่ทว่าชนชั้นสูงในสเปนมาก  สถานะในประเทศไม่น้อย แม้สถานะในอาณานิคมก็เช่นกัน ไม่อาจให้คนหนึ่งนั่งกินอิ่มได้นาน พอเปาโล ลูอิสได้รับสารจากประเทศตน บอกว่าเขาใกล้ครบวาระแล้ว เปาโล ลูอิสจึงได้เริ่มพิจารณาข้อเสนอคนตรงหน้า

คิดไม่ถึงกำลังชาวฮั่นที่มากกว่าหลายเท่ากลับอ่อนแอ คิดไม่ถึงครั้งนี้การฆ่าสังหารและปล้นจะง่ายเพียงนี้  เปาโล ลูอิสตอนนี้สะสมเงินทองเรียกได้ว่าตนเองอีกกี่รุ่นก็ใช้ไม่หมด เขาพึงพอใจแล้ว คิดรอแต่ครบวาระ

[1] ฉายาเจ้าทะเลจากเมืองฮุยโจว เขตปกครองใต้ในสมัยหมิง

[2] เมืองฮิราโดะ ประเทศญี่ปุ่น

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1116 อ่านนิยาย


หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

Options

not work with dark mode
Reset