ตอนที่ 1039 คุณว่ามันไม่น่ากลัวเหรอ
ในหัวมีภาพคุณย่ากับเสี่ยวลิ่วลิ่วผุดขึ้นมา คนแก่หนึ่งเด็กหนึ่งถูกคนตระกูลอวี๋เหล่านั้นกลั่นแกล้งและหัวเราะเยาะเย้ย
หัวใจบีบรัด
ยื่นมือไปหยิบปากกาและตวัดเซ็นสัญญาแต่งงานลงไป
หลังจากเซ็นสัญญาเสร็จ เธอก็พึ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองไม่แม้แต่จะอ่านเนื้อหาในสัญญาเลย
ขณะกำลังจะก้มหน้าอ่าน อวี๋เยว่หานก็ยื่นมือมาปิดสัญญาแต่งงานและเก็บไว้ จากนั้นก็ยื่นให้ผู้ช่วย
“ที่เหลือเป็นหน้าที่นาย”
“ครับ!” ผู้ช่วยผงกหัวด้วยความเคารพแล้วถือสัญญาแต่งงานไป
เหนียนเสี่ยวมู่อ้าปากพะงาบ อยากจะบอกว่าขออ่านสัญญาหน่อยแต่ก็ไม่มีโอกาสแล้ว
พอรู้ตัวอีกทีก็ลูบจมูกตัวเอง
รู้สึกเย็นสันหลังอย่างบอกไม่ถูก
ประหม่าเล็กน้อยโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?
เหมือนเซ็นสัญญาขายตัว
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองขายได้เท่าไหร่…คุณว่ามันไม่น่ากลัวเหรอ?
“ยังยืนบื้ออยู่ทำไม จะไปหาคุณย่าไม่ใช่เหรอ?” อวี๋เยว่หานวางปากกาลงก็ยืนขึ้น เดินอ้อมโต๊ะมาตรงหน้าเธอ
ใบหน้าชั่วร้ายหลุบลง นัยน์ตาเริ่มแฝงไปด้วยรอยยิ้ม
มีแสงแวบผ่านดวงตา
ไม่รู้ว่าเธอตาฝาดไปหรือเปล่า
เหนียนเสี่ยวมู่แอบคิดในใจอยู่เงียบๆ
เมื่อเห็นเขาสาวเท้าเดินออกไป เธอจึงรีบตามไป
เพิ่งจะลงบันไดมาและยังไม่ทันออกจากห้องนั่งเล่น ฟ่านอวี่ก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
พอเห็นพวกเขาก็ชะงัก
สายตาอ่อนโยนและท่าทางสงบเสงี่ยม ราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับพวกเธอ นี่จะออกไปข้างนอกกันเหรอ?”
“……”
ไม่มีใครพูด
เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้ามองเขา อยากจะตอบเขา แต่พอเหลือบไปเห็นอวี๋เยว่หานที่ดูเหมือนกำลังหึงอยู่ เธอจึงไม่กล้าตอบ
บรรยากาศดูแปลกๆ
ฟ่านอวี่ตกใจ หรี่ดวงตาคู่นั้น
ลอบมองพวกเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ขมวดคิ้วราวกับจับอาการประหม่าที่อธิบายไม่ถูกของเธอ
“ลิ่วลิ่ว ทำไมเธอถึงดูร้อนตัวเหมือนมีฉันเป็นชู้รักแล้วถูกจับได้คาเตียงอย่างงั้นล่ะ?”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!
รู้ว่าเธอร้อนตัวก็ดีแล้ว ทำไมต้องพูดออกมาด้วย!
ไม่เห็นหรือไงว่าอวี๋เยว่หานกำลังโกรธจนควันออกหูที่เธอหนีไปจากงานแต่งงานแล้วไปอยู่กับเขา?
ฟ่านอวี่เหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เธอแอบพูดอยู่ในใจ ยิ้มมุมปาก
รอยยิ้มสุภาพเรียบร้อยเปลี่ยนเป็นสดใจร่าเริงจนกระทั่งมีหัวเราะออกมา
เขาเลิกคิ้วมองอวี๋เยว่หาน
“เธอยังไม่รู้อีกเหรอว่าก่อนที่ฉันจะไปช่วยเธอ ฉันได้แจ้งนายไปแล้ว? ฉันอุตส่าห์ใจกว้างกับศัตรูหัวใจแบบนี้ จริงๆ เลย ยังถูกเข้าใจผิดอีก โลกใบนี้คงไม่มีคนดีแล้วจริงๆ”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!
นี่มันบ้าอะไรเนี่ย?
พวกเขากำลังพูดเรื่องอะไรกัน? ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น!
ก่อนที่ฟ่านอวี่จะไปช่วยเธอ เขาแจ้งอวี๋เยว่หานไปแล้ว…
งั้นทำไมอวี๋เยว่หานถึงยังเข้าใจผิดว่าเธอหนีงานแต่งเพื่อหนีตามฟ่านอวี่ไปล่ะ?
เขายังโกรธที่เธอไปขอร้องให้ฟ่านอวี่ช่วยชีวิตถึงขนาดไม่ยอมคุยกับเธอแม้แต่ประโยคเดียวระหว่างทางกลับเมื่อกี้นี้…
และยังสงสัยว่าเธอไม่อยากแต่งงานกับเขา จากนั้นก็โยนสัญญาแต่งงานให้เธอมาหนึ่งฉบับ เธอตกใจจนคิดว่ามันคือสัญญาเลิกกัน และสุดท้ายเธอยังเซ็นสัญญาโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่…
เหนียนเสี่ยวมู่เหมือนโดนช้างเหยียบหัว มึนไปโดยปริยาย
เมื่อมองไปยังผู้ชายสองคนที่กำลังเล่นปริศนากันอยู่ เธอก็รู้สึกว่าพวกเขาดูหมิ่นสติปัญญาของเธอ!
ตอนที่กำลังจะเอ่ยถาม อวี๋เยว่หานก็มองไปทางฟ่านอวี่และพูดเรียบๆ ว่า
“นายมาก็ดีแล้ว พวกเราจะไปศาลบรรพบุรุษตระกูลอวี๋และถือโอกาสไหว้บรรพบุรุษด้วย ถ้านายไม่ถือก็ไปร่วมพิธีได้”
ฟ่านอวี่ “???”
เหนียนเสี่ยวมู่ “???”
พวกเขาจะไปช่วยคุณย่ากับเสี่ยวลิ่วลิ่วไม่ใช่เหรอ?
ตอนที่ 1040 ทั้งหมดเป็นแผนการ!
อวี๋เยว่หาน “ที่คุณเพิ่งเซ็นไปเมื่อกี้ไม่ใช่สัญญาแต่งงานเหรอ?”
เหนียนเสี่ยวมู่ “ใช่”
อวี๋เยว่หาน “ในเมื่อจดทะเบียนสมรสแล้ว ควรจะไปไหว้ศาลบรรพบุรุษไหม?”
เหนียนเสี่ยวมู่ “ควร”
เหนียนเสี่ยวมู่ “แต่ว่า เมื่อกี้คุณเพิ่งจะบอกว่า…”
จู่ๆก็มีมือใหญ่มากดหัว ลูบด้วยความอ่อนโยนพร้อมกับพูดอย่างเอาแต่ใจ
“ไม่มีแต่ ในเมื่อคุณเองก็คิดว่าควรไป เพราะฉะนั้นตอนนี้พวกเราจะไปศาลบรรพบุรุษกัน คุณย่ากับบรรดาญาติผู้ใหญ่ตระกูลอวี๋ก็รอพวกเราอยู่ที่นั่นพอดี พวกเรายังเหลือพิธีแต่งงานแบบจีนอีกหนึ่งพิธีนะ”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เหนียนเสี่ยวมู่ทำหน้ามึนๆงงๆไปตลอดทาง
วินาทีก่อนเธอยังกังวลอยู่เลยว่าอวี๋เยว่หานจะโกรธจนอยากจะเลิกกับเธอ วินาทีต่อมาก็พบว่าตัวเองเหมือนตกหลุมพราง
ไม่ใช่แค่เซ็นสัญญาขายตัวโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่เท่านั้น แต่ยังโดนเร่งให้ไปศาลบรรพบุรุษอีกด้วย
โชคดีที่มีชุดเจ้าสาวพร้อม
ตอนที่เหนียนเสี่ยวมู่ไปถึงก็พบว่าบรรยากาศภายในศาลบรรพรุษตระกูลอวี๋ดูครึกครื้นมาก
ดูเหมือนว่าอารมณ์ของทุกคนจะไม่ได้รับผลกระทบจากการรายงานข่าวของสื่อและการคาดเดาของชาวเน็ตเลย
ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอพวกเขาปรากฏตัว
โดยเฉพาะนายหญิงอวี๋
เมื่อเห็นอวี๋เยว่หานจูงมือเหนียนเสี่ยวมู่เข้ามาในศาลบรรพบุรุษ เธอก็ยิ้มไม่หุบ
“ฉันรู้ ฉันรู้ดีว่าตัวเองมองคนไม่ผิด เสี่ยวมู่มู่ของฉันมีความรับผิดที่สุด ในเมื่อตกลงกับย่าแล้วว่าจะแต่งงานกับเยว่หาน เธอไม่มีทางทิ้งเขาเด็ดขาด เรื่องในช่วงเช้าแค่ตื่นตระหนกกันไปเองเท่านั้น!”
“คุณย่าคะ ขอโทษค่ะ…”
เหนียนเสี่ยวมู่รู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำพูดของนายหญิงอวี๋
กำลังจะอ้าปากอธิบาย นายหญิงอวี๋ก็จับมือเธอไว้
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว เยว่หานอธิบายให้พวกญาติผู้ใหญ่ในตระกูลไปหมดแล้ว หนูไม่ได้หนีการแต่งงาน แต่มีเรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายของคนที่จะต้องรีบไปจัดการ หนูกลับมาได้ก็ดีแล้ว ย่ากลัวเหลือเกินว่าหนูจะเสียใจภายหลังเพราะพบว่าตัวเองถูกหลอกเมื่อถึงเวลาแต่งงาน …”
นายหญิงอวี๋พูดไปได้ครึ่งทางก็เหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองหลุดปากพูดอะไรออกไป จึงรีบห้ามตัวเองไว้
เธอยิ้มร่าพร้อมกับลากเหนียนเสี่ยวมู่มาข้างหน้าเพื่อให้เธอจุดธูปไหว้บรรพบุรุษตระกูลอวี๋
รินเหล้าให้เหล่าญาติผู้ใหญ่ในฐานะสะใภ้ใหม่
พวกเขาถูกคนตระกูลอวี๋ล้อมไว้ตรงกลางและส่งเสียงโห่ร้องให้พวกเขาคล้องแขนกันดื่มเหล้าของกันและกัน
แม้จะไม่ใช่งานเลี้ยงอย่างเป็นทางการ แต่บรรยากาศกลับดีมาก
ทุกคนสังสรรค์กันจนดึก งานเลี้ยงถึงจะเลิกรา
คุณย่าพาเสี่ยวลิ่วลิ่วกลับคฤหาสน์ ทันทีที่เหนียนเสี่ยวมู่ขึ้นรถ เธอก็ครวญครางอยากจะนอนอยู่ในอ้อมกอดอวี๋เยว่หานด้วยความเหน็ดเหนื่อย
เธอไม่ได้ง่วงนอนแต่เธอปวดหัว
ปวดบริเวณขมับเล็กน้อย
แต่พยายามอดทนไว้ตลอดเวลา ไม่ให้ตัวเองไปสนใจมัน
ทันทีที่งานเลี้ยงครอบครัวเสร็จสิ้น สภาพแวดล้อมโดยรอบก็เงียบสงบ อาการปวดหัวแทบระเบิดกลับมาอีกครั้ง
พอพวกเขาขึ้นรถ ฟ่านอวี่ก็เดินตามมานั่งด้วย
หาได้ยากที่อวี๋เยว่หานแค่เหลือบมองเขาโดยที่ไม่ได้ไล่เขาลง
เหนียนเสี่ยวมู่เข้าใจแล้วว่าทำไม นั่นเป็นเพราะเธอเซ็นสัญญาขายตัวไปแล้ว ตอนนี้อวี๋เยว่หานถึงได้ไม่กลัวเธอหนี
ถึงอย่างไรในท้ายที่สุด เขาก็ยังจับตัวเธอกลับมาได้และหักขาของเธอทิ้งซะ…
กลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลอวี๋
อวี๋เยว่หานสั่งพ่อบ้านรินชาสร่างเมาให้เหนียนเสี่ยวมู่ก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อแน่ใจแล้วว่าเธอไม่เป็นอะไรแล้ว เขาก็หันไปมองฟ่านอวี่
สีหน้าฟ่านอวี่ดูไม่ค่อยดี
เขาดูเคร่งเครียดเมื่อเห็นเหนียนเสี่ยวมู่มีท่าทางแปลกๆ ดวงตาเข้มขึ้นเล็กน้อยและตัดเข้าประเด็น
“ช่วงนี้ฉันคอยสืบเรื่องโรงเรียนประจำของชนชั้นสูงที่ชื่อว่า angle อยู่ที่ต่างประเทศมาตลอด ผ่านหลายช่องทาง ฉันยังไปสอบถามข้อมูลตอนที่ลิ่วลิ่วอยู่โรงเรียนนั้นมาด้วย พบว่าชื่อผู้ปกครองของเธอคือมั่วเฉียน และคนที่เข้าเรียนในเวลาเดียวกันคือมั่วหย่งเหิง”
ฟ่านอวี่ชะงักแล้วพูดต่อ