ตอนที่ 1025 แต่งงานวันนี้?!
นอกเสียจากว่า…เขาแสดงละคร!
เหนียนเสี่ยวมู่หรี่ตาลง เปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง
โดยที่ยังคงมีเสียงวิทยุลอยเข้ามาในหู
ดูเหมือนฟ่านอวี่เพิ่งจะลงจากเครื่องบิน เสียงในโทรศัพท์ของเขาได้ยินประกาศเที่ยวบินขาเข้าอย่างต่อเนื่อง
เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันได้ถามว่าเขาอยู่ที่ไหน ฟ่านอวี่ก็ได้ลากกระเป๋าเดินทางออกมาด้านนอกพร้อมกับถามว่า
“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ฉันจะไปหาเธอ…”
ฟ่านอวี่พูดยังไม่ทันจบก็หยุดชะงัก เขามองไปยังหน้าจอแอลซีดีขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านนอกสนามบินซึ่งกำลังถ่ายทอดสดบรรยากาศงานแต่งงานโดยมีภาพอวี๋เยว่หานยืนอยู่หน้าโบสถ์
ฟ่านอวี่เสียงสูงขึ้นมาทันที
“พวกเธอแต่งงานกันวันนี้?!”
“……”
เหนียนเสี่ยวมู่จับโทรศัพท์แน่นโดยไม่พูดอะไร
เม้มริมฝีปาก
เธอไม่รู้ว่าควรจะอธิบายให้ฟ่านอวี่ฟังยังไง เดิมทีตอนนี้เธอควรจะนั่งอยู่ในห้องพักรับรองเจ้าสาวเพื่อรอเข้าพิธีแต่งงาน
แต่ตอนนี้เธอกลับนั่งอยู่บนรถแท็กซี่เพื่อรีบไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย
ซึ่งที่นั่นอาจจะมีกับดักรอเธออยู่ก็เป็นได้
และที่น่าเศร้าที่สุดคือ…เธอยังติดต่ออวี๋เยว่หานไม่ได้
เหนียนเสี่ยวมู่สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ “ฟ่านอวี่ ตอนนี้ฉันมีเรื่องสำคัญมากที่อยากจะบอกนาย…”
โทรศัพท์ตัดสาย
เหนียนเสี่ยวมู่คืนโทรศัพท์ให้คนขับรถแท็กซี่
เธอกลับมานั่งที่เบาะหลังอีกครั้งแล้วหันหน้าไปทางนอกหน้าต่าง วิวทิวทัศน์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในหัวเธอยังมีภาพมากมายลอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ภาพที่เธอกับถานเปิงเปิงเติบโตมาด้วยกัน
ภาพที่เธอเรียนอยู่ที่ Angel ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำของชนชั้นสูง
และยังมีใบหน้าเย็นชาของมั่วหย่งเหิงที่ปรากฏขึ้นมาเป็นครั้งคราว…
แต่ทำไมเธอถึงนึกไม่ออกว่าเธอได้รับบาดเจ็บสูญเสียความทรงจำไปได้อย่างไร
ถ้าเธอเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลมั่วจริง ทำไมถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ที่เมืองHโดยที่ไม่มีคนในครอบครัวอยู่ข้างกาย แต่มีแค่ถานเปิงเปิงที่อยู่กับเธอ…
แล้วทำไมมั่วเฉียนกับมั่วหย่งเหิงถึงทำเหมือนไม่รู้จักเธอ?
คนที่วางแผนฆ่าเธอคือใครกันแน่ ? !
“แว็บ——”
รถแท็กซี่จอดที่ท่าเรือ
“คุณผู้หญิง ถึงแล้วครับ” คนขับรถหันกลับมาบอก
เมื่อได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าเหนียนเสี่ยวมู่ก็หายไป จ่ายเงินแล้วเปิดประตูรถ
เมื่อเห็นแท็กซี่ขับไปไกลแล้ว เธอจึงหันไปมองท่าเรือที่อยู่ตรงหน้า
ท่าเรือแห่งนี้เป็นท่าเรือส่วนบุคคล
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เรือจอดเทียบท่า ท่าเรือจึงเงียบสงัด มีเพียงเสียงคลื่นซัดกระทบฝั่งอยู่ไม่ไกล
ลอยเข้ามาในหู
เหนียนเสี่ยวมู่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าด้วยความหวาดระแวง ไม่กล้าเข้าไป
โทรศัพท์ดังขึ้นในวินาทีต่อมา
ยังคงเป็นเสียงแหบอันเยือกเย็นของชายคนนั้นดังมาจากปลายสาย
“ฟังคำสั่งฉัน เข้ามาข้างใน”
เบื้องหลังเสียงแหบๆ เป็นเสียงคลื่นทะเล
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาเองก็น่าจะอยู่ที่นี่ด้วย!
เหนียนเสี่ยวมู่หรี่ตาลงโดยไม่ยอมขยับตัวไปไหน ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมา “มีแค่โทรศัพท์พังๆ กับจี้อีกหนึ่งอันก็มาหลอกฉันว่าถานเปิงเปิงอยู่ในมือแก แกคิดว่าฉันหลอกง่ายนักเหรอ? ฉันต้องการพบถานเปิงเปิง ไม่อย่างงั้นฉันจะไม่เข้าไปแม้แต่ก้าวเดียว!”
หลังจากเหนียนเสี่ยวมู่พูดจบก็รู้ว่าอีกฝ่ายน่าจะสามารถมองเห็นเธอได้ จึงจงใจเดินถอยหลังออกไป
ขณะกำลังทำท่าจะหนีไป
ปลายสายก็มีเสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังออกมา
ฟังดูเศร้าและหวาดกลัว
เร็วมากและสั้นมาก
เหมือนโดนคนปิดปาก
เธอได้ยินไม่ชัดและไม่มีทางบอกได้เลยว่านั่นใช่ถานเปิงเปิงหรือไม่
แต่ได้ยินเสียงของผู้ชายเลือดเย็นคนนั้น “เพิ่งจะสับไปหนึ่งนิ้ว เผลอทำให้คุณเหนียนได้ยินซะแล้วสิ ถ้าคุณเหนียนอยากฟังอีก ฉันก็ไม่ถือที่จะสับอีกนิ้ว”
ตอนที่ 1026 นั่นยิ่งปล่อยไว้ไม่ได้!
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เหนียนเสี่ยวมู่รู้สึกสะอิดสะเอียนอยู่เต็มช่องอก เธอกัดฟันไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองแสดงออกผ่านทางสีหน้า
แต่ไม่กล้ารับคำของชายคนนั้นง่ายๆ
เพราะกลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นถานเปิงเปิงจริงๆ
แต่ถ้าทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายและเดินเข้าไปข้างในจริงๆ นั่นก็เท่ากับเดินไปหาพญามัจจุราช
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในท่าเรือแห่งนี้แล้ว กลัวก็แต่ว่าจะออกมาไม่ได้ง่ายๆ
“เร็วเข้า! อย่ามัวชักช้า! ไม่อย่างงั้นฉันจะฆ่าถานเปิงเปิงซะ!” ผู้ชายในสายเริ่มทนไม่ไหว
เหนียนเสี่ยวมู่คำนวณเวลาในใจและยังคงแสร้งทำเป็นลังเล เธอเข้าไปด้วยความหวาดระแวง
“แกเป็นใครกันแน่? ทำไมต้องลักพาตัวถานเปิงเปิงด้วย? แกให้ฉันมาที่นี่ทำไม?”
เหนียนเสี่ยวมู่โยนคำถามออกไปหนึ่งชุดในเวลาเดียวกัน
ในสายได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเยาะของชายคนนั้น
เหมือนไม่ได้คิดจะตอบ
เธอหรี่ตา “ถานเปิงเปิงไม่ได้อยู่กับแกใช่ไหม? แกก็แค่หลอกฉันมาที่นี่ คนที่คิดจะฆ่าฉันครั้งแล้วครั้งเล่าก็คือแก!”
เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินเสียงฝีเท้าจากทางด้านหลังก็ชะงักทันที
พอเธอหันกลับไปก็พบว่าประตูทางเข้าข้างหลังที่เธอเพิ่งเดินเข้ามาในท่าเรือได้ไม่ไกลถูกปิดกั้น
ข้างหลังเธอมีคนสวมชุดดำและใส่ผ้าปิดจมูกประมาณสิบกว่าคนกำลังเดินมารายล้อมเธอ
ในขณะเดียวกัน ชายในโทรศัพท์ก็หัวเราะออกมา
“เธอเป็นคนฉลาด แต่น่าเสียดายที่ความฉลาดของเธอช่วยเธอไม่ได้”
“งั้นแกล่ะ? คิดว่าพึ่งเครื่องแปลงเสียงแล้วจะปิดบังฟ้าดินได้งั้นเหรอ? มั่วหย่งเหิง!” เหนียนเสี่ยวมู่ตระโกนชื่อนั้นออกมา
นอกจากจะเป็นการเดา ก็เพื่อต้องการลองหยั่งเชิง
คนที่อยู่ปลายสายผงะไปจริงๆด้วย
ต่อจากนั้นก็มีเสียงหัวเราะเบาๆ
ขณะที่เหนียนเสี่ยวมู่กำลังวิเคราะห์จากปฏิกิริยาของเขาเพื่อดูว่าเธอเดาถูกหรือผิด?
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงรถหรูจอดอยู่ใกล้ๆท่าเรือ ประตูรถเปิดออก
ร่างของชายคนหนึ่งค่อยๆ ก้าวลงจากรถ
รูปร่างที่น่าเกรงขาม ใบหน้าเด็ดเดี่ยว
สวมชุดสูทสีดำ เฉกเช่นเดียวกับตอนที่เธอเจอเขาเป็นครั้งแรก ขณะนี้เขาค่อยๆ กลัดกระดุมอย่างช้าๆ
ด้วยท่วงท่าสุขุมและดูสูงศักดิ์
เขาหันมาด้วยสายตาเฉียบคม พลางกวาดตามองเหนียนเสี่ยวมู่ที่โดนคนชุดดำล้อมไว้ด้วยการแสดงออกที่สงบเยือกเย็น
“มั่วเฉียน…”
เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่เห็นคนตรงหน้าชัดๆก็ถึงกับช็อก
เธอยืนตกตะลึงอยู่กับที่
แค่เบิกตาโพลงและจ้องมั่วเฉียนที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอทีละก้าวทีละก้าว
คล้ายกับเห็นภาพเขากำลังอุ้มเธอโยนขึ้นไปสูงๆ และพูดกับเธอด้วยความรักความเอ็นดู
“ลิ่วลิ่วของฉัน อยากได้อะไรก็ได้ทั้งนั้น…”
ในชั่วพริบตา ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปโดยยืนอยู่ต่อหน้าเธอด้วยท่าทีเฉยเมยและพูดอย่างเย็นชา
“แปลกใจมากเหรอที่เห็นฉัน?”
“……”
เหนียนเสี่ยวมู่ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกของตัวเองตอนนี้อย่างไร
รู้สึกเหมือนกำลังฝันไป
ความทรงจำในหัวสับสนวุ่นวายไปหมดแล้ว
เธอแยกแยะไม่ออกแล้วว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ
ใครคือคนในครอบครัวของเธอ ใครต้องการชีวิตเธอ…
มือสองข้างจับศีรษะตัวเองไว้ ดวงตาแดงก่ำจ้องไปที่มั่วเฉียนพลางเค้นเสียงพูด “ถานเปิงเปิงล่ะ? แกเป็นคนจับเธอไป? แกเป็นใครกันแน่? แกไม่ใช่พ่อฉัน…”
“พ่อ?” มั่วเฉียนยิ้มเบาๆ คล้ายกับรอยยิ้มที่รักและเอ็นดูเธอในความทรงจำ
แต่ตอนนี้กลับเยือกเย็นจับใจ
แฝงไปด้วยความประชดประชัน
“ที่แท้เธอก็เริ่มจำได้แล้ว งั้นก็ยิ่งปล่อยไว้ไม่ได้ ส่วนเรื่องที่ว่าฉันเป็นใครนั้น เธอรู้ไว้แค่ว่าฉันเป็นคนที่จะส่งเธอไปลงนรก”