ตอนที่ 1009 ไม่ต้องกลัว มีผมอยู่
ตอนที่อวี๋เยว่หานมาถึง เหนียนเสี่ยวมู่ยังคงนั่งช็อกอยู่บนเตียง สองมือจับโทรศัพท์ตัวเองแน่น
เหมือนคนจมน้ำที่พยายามคว้าฟางเส้นสุดท้าย
พอได้ยินเสียงเคาะประตูก็เหมือนติดสปริง เด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงทันที
จากนั้นก็วิ่งไปเปิดประตูห้อง
ร่างสูงส่งของอวี๋เยว่หานยืนบังแสงอยู่หน้าประตู
เขาน่าจะเป็นห่วงเธอจึงรีบร้อนมาที่นี่ ใบหน้าเท่ๆ ปกคลุมไปด้วยเหงื่อชั้นบางๆ
ปลายจมูกก็ใช่
มือข้างหนึ่งยันกำแพง ส่วนอีกข้างยังคงทำท่าเคาะประตู
เขาลืมแม้แต่จะกดกริ่ง
เมื่อเห็นเหนียนเสี่ยวมู่สั่นเทาไปทั้งตัว เขาก็เอื้อมมือไปรวบเธอเข้ามากอด
มือใหญ่ลูบหัวเธอ แตะตั้งแต่บนลงล่างไปหนึ่งรอบเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร สายตากระวนกระวายจึงค่อยๆหายไป
ถอนหายใจออกมาเบาๆ
ตั้งแต่เขาได้ยินเธอพูดประโยคที่ว่า “มั่วเฉียนคือพ่อของฉัน” ด้วยเสียงสะอื้น เขาก็รีบบึ่งรถมาที่นี่ เพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
อวี๋เยว่หานกอดเธอแน่นๆโดยไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร
เขาแค่ลูบหัวเธอเบาๆ อยู่ที่หน้าประตู เหมือนกำลังกล่อมเด็ก
“ไม่ต้องกลัว มีผมอยู่”
เสียงทุ้มต่ำของเขาแฝงไปด้วยเสียงแหบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
สามารถบรรเทาความตึงเครียดและความหวาดกลัวให้ผ่อนคลายลงได้
จนกระทั่งสังเกตเห็นว่าสภาพจิตใจเหนียนเสี่ยวมู่สงบลงแล้ว เขาถึงจะพาเธอเข้าไปในห้อง
ห้องนั่งเล่นที่ไม่ได้เปิดหน้าต่างมานานก็จะอับๆ หน่อย
อวี๋เยว่หานเปิดหน้าต่างขึ้นจรดเพดานเพื่อปล่อยให้แสงแดดส่องเข้ามาจากด้านนอก ทำให้ห้องสว่างขึ้น
จากนั้นก็เดินไปที่หน้าโซฟา ย่อตัวลงและจ้องเหนียนเสี่ยวมู่
“ดีขึ้นบ้างไหม? เราจะคุยกันดีๆ ได้หรือยัง?”
“อืม” เหนียนเสี่ยวมู่พยักหน้าอย่างว่าง่าย
ขณะกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง อวี๋เยว่หานก็พูดขึ้นมาทันที “ผมขอพูดซักประโยคนึงก่อน ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าทำผมตกใจแบบเมื่อกี้อีก”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
อวี๋เยว่หานเห็นแววตาเธอดูซึมๆ จึงดึงมือเธอมากดที่หน้าอกตัวเอง
หัวใจที่ใต้ฝ่ามือเต้นแรงมาก
อวี๋เยว่หาน “รู้สึกบ้างไหม? ผมนึกว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ ก็เลยตกใจจนหัวใจแทบจะโผล่ออกจากลำคอ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกึ่งล้อเล่น ตลกไปหน่อย
เหนียนเสี่ยวมู่ที่ถูกเขาหยอกเกือบจะหัวเราะออกมาแล้ว
“ขี้ขลาดตาขาว”
“อือ ผมมันคนขี้ขลาดตาขาว แค่เกิดอะไรขึ้นกับคุณ ผมก็กลัวไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นคุณจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาดเพื่อคนขี้ขลาดตาขาวคนนี้ เข้าใจไหม?” เมื่ออวี๋เยว่หานเธอยิ้มได้ในที่สุด เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเผด็จการ
เหนียนเสี่ยวมู่โผเข้ากอดเขาอย่างเงียบๆ
กอดคอเขาแน่นไม่ยอมปล่อย
จากที่ตื่นตระหนก ก็ค่อยๆกลับมาสงบลงอีกครั้ง
เรียบเรียงคำพูดก่อนจะเล่าให้เขาว่าเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาได้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ
“ฉันเผลอไปชนขวดสกินแคร์ของเปิงเปิงตกแตก แล้วจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงบางอย่างและยังเห็นคนบางส่วนโผล่เข้ามาในหัว…”
“มั่วเฉียน?” อวี๋เยว่หานพูด
“อื้อ” เหนียนเสี่ยวมู่พยักหน้าด้วยความมั่นใจ
“คุณยังจำบ้านประจำตระกูลสิงได้ไหม? ที่ที่ฉันใช้ชีวิตมานานหลายปี เมื่อกี้ฉันเห็นแล้ว ฉันจำได้แม่นเลยว่าคนที่ส่งฉันไปที่นั่นคือพ่อกับแม่ของฉันเอง พวกเขายังบอกว่าถ้าว่างเมื่อไหร่จะมาหาฉัน ต่อมาพวกเขาก็มาจริงๆ!”
สภาพจิตใจเหนียนเสี่ยวมู่เริ่มตื่นตัวขึ้นมาเล็กน้อย
เธอจับแขนอวี๋เยว่หานอย่างแรง
“ฉันไม่ใช่เด็กกำพร้าที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง แล้วก็ไม่ใช่ตัวซวย ฉันแค่ถูกเลี้ยงดูมาในตระกูลสิงเท่านั้น พ่อแม่ของฉันจะมาเยี่ยมฉันเป็นระยะๆ และยังพกของติดตัวมาอีกตั้งเยอะแยะ ทั้งของเล่น ของอร่อยๆ และยังมีกระดาษวาดรูปที่ฉันชอบมากที่สุดด้วย!”
ตอนที่ 1010 ลางบอกเหตุ!
“ตอนนั้นฉันยังเด็กและซนมาก ชอบเล่นขี่ม้ากับพ่อหรือให้พ่อโยนตัวขึ้นไปสูงๆ พ่อก็จะเล่นด้วย ฉันมักจะได้ยินคนรอบข้างบอกว่า ประธานมั่วเป็นคนไม่มีพิธีรีตอง คุณหลงคุณหนูเกินไปแล้ว แต่พ่อฉันก็จะยิ้มแล้วตอบไปว่า ลิ่วลิ่วของฉัน อยากได้อะไรก็ได้ทั้งนั้น…”
เหนียนเสี่ยวมู่ร้อนผ่าวที่ขอบตา
ความทรงจำที่ผุดขึ้นมากะทันหันเต็มไปด้วยความอบอุ่นในครอบครัวอย่างลึกซึ้ง
เธอเคยคิดว่าตัวเองเป็นเด็กที่ไม่มีใครต้องการ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอยังมีพ่อกับแม่!
พ่อกับแม่ที่รักเธอมาก
รักมากเหลือเกิน!
แม้ว่าเธอจะจำอะไรไม่ได้มาก แต่ความทรงจำที่ปรากฏก็มักจะเห็นดวงตาดำขลับคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความรักความเอ็นดู
บวกกับประโยคติดหูประโยคนั้น : ลิ่วลิ่วของฉัน อยากได้อะไรก็ได้ทั้งนั้น…
เธอจำได้อย่างชัดเจนว่าวันที่บ้านตระกูลสิงไฟไหม้ พ่อแม่ของเธอมารับเธอที่บ้านตระกูลสิงด้วยตัวเอง
“ลิ่วลิ่วโตแล้ว ถ้าได้กลับบ้านไปกับพ่อแม่ หนูดีใจไหม?”
เธอดีใจมาก
ตั้งแต่รู้ข่าวในวันนั้นก็ดีใจจนนอนไม่หลับ
พ่อกับแม่เป็นคนบอกเธอเองว่าต่อไปนี้พวกเขาจะไม่แยกจากกันอีก ลิ่วลิ่วจะได้อยู่กับพ่อแม่ตลอดไป
เรื่องต่อจากนั้น เธอก็จำไม่ได้แล้ว
ทำไมเธอกับพ่อแม่ต้องแยกจากกัน?
และยังมีเหตุการณ์ไฟไหมครั้งนั้น มันเกิดอะไรขึ้น…
“คุณหมอบอกแล้วไงว่าไม่ต้องรีบร้อน คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิด ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป” อวี๋เยว่หานพูดปลอบใจเบาๆ
ความทรงจำของเธอเริ่มรื้อฟื้นขึ้นมาแล้ว
ตราบใดที่เธอสัมผัสบางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับอดีตหรือสิ่งที่คล้ายกัน ก็อาจจะช่วยกระตุ้นความทรงจำของเธอได้
ไม่ช้าก็เร็ว จะจำทุกอย่างได้เองในที่สุด
แต่ปัญหาตอนนี้…
“คุณเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมมั่วเฉียนถึงจำคุณไม่ได้?”
เขาพอจะเดาออกได้ตั้งนานแล้วว่าเหนียนเสี่ยวมู่มีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับมั่วเฉียน
แต่อวี๋เยว่หานกลับไม่คิดว่าแท้ที่จริงแล้วเธอจะเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมั่ว
ในตำนานนั้นยังมีตระกูลลึกลับที่คอยคุ้มครองอยู่นับไม่ถ้วน
“พรสวรรค์ที่ต่างจากคนอื่นอะไรนั่น? ความจำเป็นเลิศของฉันนับว่าใช่ไหม…” คำพูดติดตลกของเธอราวกับดังอยู่ในหู
ใครจะคิดล่ะว่ามันจะเป็นลางบอกเหตุ
แต่เหนียนเสี่ยวมู่สูญเสียความทรงจำไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงลืมทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตระกูลมั่วไปหมดแล้ว
รวมไปถึงพ่อแม่ของตัวเองด้วย
งั้นมั่วเฉียนล่ะ?
ทำไมเขาถึงไม่รู้จักลูกสาวตัวเอง?
ถานเปิงเปิงเป็นคนเก็บเหนียนเสี่ยวมู่มาได้หลังจากเกิดอุบัติเหตุสูญเสียความทรงจำ แต่เรื่องมันก็เกิดขึ้นเป็นเวลาสามปี ช่วงเวลาสามปีผ่านมา คงไม่ได้ทำให้พ่อแท้ๆลืมลูกสาวแท้ๆของตัวเองไปโดยสิ้นเชิง
และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนที่เขารักและทะนุถนอมมาตั้งแต่เด็ก!
อวี๋เยว่หาน “ผมจำได้ว่าตอนที่คุณเจอมั่วเฉียนครั้งแรก คุณเคยถามเขาว่าเขาลืมใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างไปหรือเปล่า คุณยังจำคำตอบตอนนั้นได้ไหม?”
เหนียนเสี่ยวมู่พยักหน้า “เขาตอบว่าไม่”
พอเหนียนเสี่ยวมู่พูดจบก็ผงะ
จริงด้วย
เธอรื้อฟื้นความทรงจำได้แค่บางส่วน โดยจำได้ว่าเธอเป็นลูกสาวของตระกูลมั่ว พ่อของเธอคือมั่วเฉียน แม่ของเธอคือคุณผู้หญิงตระกูลมั่ว
แต่ทำไมพ่อของเธอกลับจำเธอไม่ได้?
นอกจากนี้มั่วเฉียนยังบอกว่าแม่ของเธอตายไปแล้ว…ตายยังไง?
เหนียนเสี่ยวมู่ปวดใจอย่างแรง
เธออ้าปากหอบหายใจเล็กน้อย
“ความทรงจำของคุณเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัว ไม่ต้องฝืนตัวเองให้เครียดจนเกินไป เรื่องตระกูลมั่วยังคลุมเครืออยู่ ถ้าคุณรีบกลับไปหาญาติๆ ผมเกรงว่าจะเป็นเรื่อง”
อวี๋เยว่หานยื่นมือจับท้ายทอยของเธอ ให้เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้ามองเขา