ตอนพิเศษ 90-1 จุดจบของจิตมาร
ชั่วพริบตาที่มังกรมารบินออกมา ท้องนภาที่แต่เดิมมืดครึ้มก็พลันเกิดพายุนับไม่ถ้วน ไอสังหารทะลักทลายซัดถาโถมทั่วฟ้าดิน
พลังของจิตมารที่เสมือนปราการล่องหนกดทับลงไปหามังกรมารและขบวนเรือรบอันยิ่งใหญ่ด้านหลังนาง แต่มังกรมารกลับไม่ถูกแรงกดข่มสายนี้สะกดไว้แต่อย่างใด ร่างกายมหึมาของนางขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
แรงกดข่มของจิตมารถูกฉีกกระชากเป็นช่องว่าง
อวิ๋นเยี่ยรู้สึกว่าตนเองกลับมาหายใจได้อีกครั้ง เขาอ้าปากสูดสายลมเย็นยะเยือกเข้าปอดหอบใหญ่!
มังกรมารเห็นมังกรน้อยที่ถูกจอมเทพจับมาสูบกินพลังในมือแล้ว มันแผดเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว!
เทพเป่ยไห่รู้สึกเหมือนแก้วหูของตนจวนเจียนจะฉีกขาด เขายกมือปิดหูแล้วหันไปมององครักษ์เทพที่นิ่งตะลึงกันไปหมดแล้วตวาดด่าอย่างเกรี้ยวกราด “นิ่งอยู่ทำอะไร ยังไม่รีบไปสังหารมันอีก!”
องครักษ์เทพทั้งหลายจึงได้สติกลับมา พวกเขาเหาะขึ้นไปบนฟ้าแล้วพุ่งเข้าไปโจมตีมังกรมาร
องครักษ์เทพหนึ่งหมื่นองค์ถูกมังกรมารน้อยจัดการไปหนึ่งพันองค์เหลืออยู่เก้าพันองค์ จำนวนขนาดนี้ เมื่อนับรวมพลังขององครักษ์เทพแต่ละองค์ ความจริงพวกเขาก็เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งกองหนึ่งแล้ว เดิมทีเทพเป่ยไห่คิดว่าอย่างน้อยพวกเขาก็คงช่วยจอมเทพขวางศัตรูเอาไว้ได้สักพักหนึ่ง ไหนเลยจะคิดว่าองครักษ์เทพเพิ่งจะเหาะขึ้นฟ้าได้ครึ่งทางก็พาตัวเองไปพบกับ ‘ปากกระบอกปืน’ ของมังกรมารพอดี
มังกรมารอ้าปาก เพลิงมังกรร้อนระอุสายหนึ่งถูกพ่นออกมา คูเมืองสวรรค์กลายเป็นทะเลเพลิงในพริบตา
องครักษ์เทพเก้าพันองค์ถูกทะเลเพลิงกลืนกินไปทั้งอย่างนั้น เสียงกรีดร้อง เสียงคำราม เสียงร้องครวญครางดังแทรกผสมปนเป เทพเป่ยไห่รีบดึงพลังปราณน้ำมาจากรอบคูเมืองสวรรค์ แต่กลับพบว่าพลังของตนเองแผ่ออกไปข้างนอกไม่ได้สักนิด เขาเบิ่งตามององครักษ์เทพเก้าพันองค์ถูกเพลิงมังกรแผดเผา ร่วงต๋อมหายไปในทะเลเพลิงของคูเมืองสวรรค์ประหนึ่งเกี๊ยวที่ถูกหยอดลงหม้อต้ม
คูเมืองสวรรค์ถูกเพลิงมังกรแผดเผาจนเดือดพล่าน
พลังของจอมเทพถูกมังกรมารบดขยี้ไปมากกว่าครึ่ง ในที่สุดร่างกายของอวิ๋นเยี่ยจึงขยับได้แล้ว เขาขยับหางอสรพิษขนาดยักษ์ดีดตัวลงไปในน้ำทันที เขาดำดิ่งลงไปสู่ตำหนักสุ่ยจิงแล้วพาพวกอวิ๋นเชียนรั่วออกมาจากคูเมืองสวรรค์ที่กำลังเดือดพล่าน
เขาไม่รู้ว่าสมควรจะไปที่ใด ในตอนนั้นเองบนเรือรบที่ลอยอยู่กลางอากาศลำหนึ่งก็มีชายฉกรรจ์เปี่ยมพละกำลังร่างหนึ่งหันมากวักมือเรียกเขา “คุณชายรอง…มาทางนี้ขอรับ!”
อวิ๋นเยี่ยหันไปมองตามเสียงเรียก “ต้าจ้วงหรือ”
ชายฉกรรจ์ตอบอย่างดีอกดีใจ “ข้าเองๆ! ขึ้นมาเร็วขอรับ!”
ต้าจ้วงมาอยู่บนเรือรบลำนี้ได้อย่างไรกัน
มังกรมารกับจิตมารเริ่มสัประยุทธ์กันอย่างเงียบเชียบ อวิ๋นเยี่ยรู้สึกอึดอัดทรมาน ขณะที่จู๋อีกับอวิ๋นเชียนรั่วที่บาดเจ็บหนักทนพลังยามทั้งสองต่อสู้กันไม่ไหวจนกระอักเลือดอกมาคำแล้วคำเล่า
แววตาของอวิ๋นเยี่ยวูบไหวรีบพาทุกคนขึ้นไปบนเรือรบ หลังจากเขามาถึงบนเรือ เขาก็สังเกตเห็นว่าไม่ได้มีแต่ต้าจ้วงที่อยู่บนเรือ แม้แต่หูซื่อไห่กับไห่คงจื่อก็อยู่ด้วย
คนพวกนี้…ไม่ได้ไปจ้างกองทหารอยู่หรือ หรือจะบอกว่ากองทัพแสนร้ายกาจกองนี้คือสิ่งที่พวกเขาจ้างกลับมา
แต่มังกรมารตัวนั้น…
อวิ๋นเยี่ยหันกลับไปจับจ้องมังกรมารที่แผ่พลังแข็งแกร่งออกมาจากร่างตัวนั้นด้วยสายตาสงสัย
เวลานี้มังกรมารบดขยี้แรงกดข่มจากจิตมารจนหมดสิ้นแล้ว
อวิ๋นเยี่ยรู้ว่าจิตมารตนนั้นเป็นจิตมารของจอมเทพ ปกติจิตมารมักจะแข็งแกร่งกว่าร่างต้นของตน พลังของร่างต้นแข็งแกร่งมากเท่าใด จิตมารก็มีแต่แข็งแกร่งยิ่งกว่า นี่จึงเป็นสาเหตุที่สุดท้ายจอมเทพพ่ายแพ้จิตมาร
ดูผิวเผินแล้วอาจดูเหมือนจิตมารอาศัยมือของตราพญาเทพสังหารจอมเทพ แต่ความจริงจิตมารแย่งอำนาจในการควบคุมร่างกายของจอมเทพไปตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว จอมเทพเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานในแดนเทพ จิตมารของเขาจึงเกือบจะนับได้ว่าอยู่บนจุดสูงสุดของหกดินแดน คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ มังกรมารตัวนั้นมั่นใจว่าจะสังหารเขาได้จริงหรือ
แม้หลังจากการประลองแรงกดข่มจบลง มังกรมารจะเป็นฝ่ายเหนือกว่า แต่นั่นอาจเป็นเพราะสองมือของจอมเทพยุ่งอยู่ เขาจึงยังไม่ทันออกกระบวนท่าที่แท้จริง ปล่อยให้มังกรมารฉวยโอกาสก็เป็นได้
ใจของอวิ๋นเยี่ยเริ่มกังวล
จิตมารมองออกว่าจะจัดการมังกรมารคงไม่ง่าย เขาจำเป็นจะต้องดึงมือกลับมาสักข้าง แต่เขาเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก เขายอมคืนพลังหนึ่งส่วนให้กับตราพญาเทพ แต่ไม่ยอมปล่อยมือจากมังกรน้อยที่ถูกสูบพลังจนใกล้จะแห้งเหือดแล้ว
ร่างของหมิงซิวร่วงลงมาจากกลางอากาศ!
เบื้องล่างคือทะเลเพลิง!
อวิ๋นเยี่ยขมวดคิ้ว ร่างกายพุ่งออกไปประหนึ่งลูกธนู ชั่วพริบตาที่หมิงซิวกำลังจะสิ้นชีวาในทะเลเพลิง เขาก็ใช้หางอสรพิษยักษ์รัดตัวเขาเอาไว้ได้
ตอนนี้อวิ๋นเยี่ยเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเขาทำอะไรลงไป
เขาโมโหฟึดฟัด เขาจะต้องสมองกลับไปแล้วแน่ถึงไปช่วยบุรุษผู้นี้!
แต่ช่วยมาแล้วก็ช่วยไม่ได้ อย่างไรก็คงโยนทิ้งไม่ได้แล้ว
อวิ๋นเยี่ยพาหมิงซิวที่กำลังอยู่ในสภาวะเข้าฌานกลับมาบนเรือรบอย่างรังเกียจเดียดฉันท์
อีกด้านหนึ่งจิตมารกับมังกรมารก็ยังคงประจันหน้ากันอยู่
มังกรมารโผล่มาทันเวลาพอดี ปราณมังกรเสี้ยวสุดท้ายในร่างมังกรน้อยจึงยังไม่ถูกจิตมารสูบไปหมดสิ้น มังกรมารน้อยพยายามเบิ่งตา เมื่อนางเผยอเปลือกตาขึ้นมา นางก็เห็นมารดาของตนเอง
นี่คือสัญชาตญาณที่ผสานอยู่ในสายเลือด
มังกรมารน้อยส่งเสียงร้องหาอย่างน่าสงสาร!
จิตมารเหมือนจะสัมผัสได้ถึงสายสัมพันธ์ระหว่างสองแม่ลูก มันจึงหิ้วมังกรมารน้อยมาด้านหน้า ใช้มันเป็นโล่ป้องกันมังกรมารอย่างเจ้าเล่ห์
มังกรมารน้อยอ่อนแรงเช่นนี้ มันย่อมทนรับการโจมตีของมังกรมารไม่ไหวอย่างแน่นอน
จิตมารยิ้มย่อง ริมฝีปากของเขาไม่ขยับ ทว่าเสียงดังกังวานประหนึ่งระฆังโบราณกลับดังขึ้นบนฟากฟ้า “มาสังหารข้าเลยสิ เอาเลย ดูซิว่าข้าจะตายก่อนหรือมังกรน้อยตัวนี้จะมอดม้วยก่อนกัน”