ตอนพิเศษ 88-2 พญาบัวทองคำสู้ศึกจอมเทพ
หนีฉางตั้งข่ายอาคมได้ทันเวลาจึงป้องกันตนเองกับเทพเป่ยไห่จากการโจมตีหนนี้ได้ หลังจากนั้นไม่ทันที่ทั้งสองจะลงมือทำสิ่งใด องครักษ์เทพที่ถูกซัดกระจัดกระจายไปเหล่านั้นก็ถูกแช่แข็งกลายเป็นก้อนน้ำแข็งในพริบตา
หนีฉางคว้าตัวเทพเป่ยไห่เร่งรีบถอยหลังสิบกว่าก้าวอย่างรวดเร็ว นางเห็นจุดที่ทั้งคู่ยืนอยู่เดิมถูกน้ำแข็งใต้พิภพแช่แข็งเสียแล้ว
น้ำแข็งใต้พิภพแช่แข็งชายฝั่งบริเวณรอบด้านจนเคลื่อนไหวแม้แต่ก้าวเดียวก็ลำบาก ขณะที่พลังของผนึกกำลังไหลทะลักเข้าไปหาหมิงซิวผ่านวังน้ำวนด้วยความเร็วอันน่าหวาดกลัว
ยามผนึกสูญสิ้น คูเมืองสวรรค์ย่อมสูญสลายไปด้วย นี่คือสิ่งที่ควรเป็น
เทพเป่ยไห่แววตาวูบไหว เขาสะบัดแขนเสื้อเหาะไปเหนือคูเมืองสวรรค์ เขาสัมผัสพลังในร่างได้แล้วจริงๆ แม้จะยังถูกสะกดเอาไว้บางส่วน แต่ยิ่งผนึกหายไปมากเท่าใด พลังของเขาก็ฟื้นกลับมาเร็วเท่านั้น
มุมปากของเขายกโค้งเป็นรอยยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่อง “โจมตี!”
กองทัพได้รับคำสั่งก็พากันเหาะไปเหนือคูเมืองสวรรค์จากนั้นโจมตีใส่ใจกลางวังน้ำวนอย่างรุนแรง ทว่าน้ำแข็งใต้พิภพกลับค่อยๆ คืบคลานแช่แข็งทุกสิ่งเหนือวังน้ำวนทีละนิดจนเกิดเป็นกำแพงอันแข็งแกร่งมิอาจทลาย
เทพเป่ยไห่ยิ้มหยัน “เจ้าตำหนักหนี ถึงเวลาเจ้าลงมือแล้ว”
หนีฉางขี่วิหคเฟิ่งทองห้าสีของเสวี่ยหลันอีทะยานขึ้นไปบนฟ้า “อัคคี!”
วิหคเฟิ่งทองห้าสีได้รับคำสั่งก็พลันพ่นเปลวเพลิงอันร้อนแรงเพียงพอจะแผดเผาฟ้าดินใส่น้ำแข็งใต้พิภพ พลังปราณไฟธรรมดาละลายน้ำแข็งใต้พิภพไม่ได้ แต่เพลิงของวิหคเฟิ่งหวงเป็นรองเพียงเพลิงมังกรเท่านั้น น้ำแข็งใต้พิภพต้านได้ครู่สั้นๆ ก็ต้านไม่ไหว เริ่มละลายจากขอบ
หมิงซิวจะถูกขัดจังหวะไม่ได้ มิเช่นนั้นเขาจะถูกผนึกย้อนกลับมากลืนกิน ทว่าการโจมตีที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สมาธิของเขาเริ่มสั่นไหว
เจ้าตำหนักเมฆาเตือนสีหน้าจริงจัง “ตั้งสมาธิเอาไว้!”
หนีฉางเรียกวิหคเฟิ่งทองห้าสีตัวที่สองมา วิหคเฟิ่งทองสองตัวพ่นเพลิงวิหคเฟิ่งหวงใส่น้ำแข็งใต้พิภพเหนือวังน้ำวนอย่างบ้าคลั่ง ในตอนที่เห็นน้ำแข็งใต้พิภพกำลังจะละลายเป็นรูแล้วนั่นเอง มังกรมารน้อยผู้มีเกล็ดสีดำเป็นมันขลับฉับพลันพุ่งทะลุผืนน้ำออกมา มันอ้าปากกว้างพ่นเพลิงมังกรสายหนึ่งใส่วิหคเฟิ่งทองที่อยู่เหนือศีรษะ
วิหคสองตัวลุกติดไฟในพริบตา พวกมันหยุดโจมตีแล้วพากันกระพือปีกพรึ่บพรั่บอยู่สองสามหนก่อนจะร่วงหล่นลงมาด้านล่าง
มังกรมารน้อยแววตาเย็นยะเยือก เกล็ดมังกรบนร่างส่งเสียงดังแกรกๆ แล้วกางออก หางมังกรกลายเป็นรูปร่างคล้ายแส้หนาม มันตวัดหางหนเดียว วิหคสองตัวก็ได้เลือด
หนีฉางทิ้งวิหคเฟิ่งทองแล้วใช้พลังเทพทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า นางจำได้ว่ามังกรน้อยตัวนี้เคยตัดแขนของนาง ทั้งยังทำลายตำหนักเทพของนางด้วย แม้แขนของนางจะได้จอมเทพเชื่อมให้แล้ว แต่นางยากจะลืมความอัปยศในใจ!
“เจ้าเดรัจฉานน้อย คอยดูเถิดวันนี้ข้าจะหักเขามังกรของเจ้า ถอดเกล็ดมังกรของเจ้า ควักเส้นเอ็นมังกรของเจ้าออกมา!” หนีฉางกล่าวอย่างเคียดแค้น สองมือประกบเป็นสัญลักษณ์ เรียกพลังอสนีบาตอันรุนแรงออกมาหนึ่งสาย ปากของเธอพึมพำคาถาอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นอสนีบาตสายนี้ก็เหมือนมีดวงตา งอกติดอยู่ มันไล่ตามมังกรมารน้อยไม่เลิกรา!
มังกรมารน้อยโกรธจนกระทืบอุ้งเท้า!
ชั่วอึดใจที่อสนีบาตกำลังจะผ่าลงบนร่างมังกรมารน้อยก็เกิดเสียงปุ้งดังสนั่นหนึ่งหน มังกรมารน้อยหายไป ดอกบัวน้ำแข็งน้อยปรากฏตัวออกมาแทน ดอกบัวน้ำแข็งน้อยพ่นน้ำ ปู้ดๆ!
อสนีบาต “…”
แล้วนี่มันต้องผ่าหรือไม่ต้องผ่า…
หนีฉางเรียกอสนีบาตสายที่สองออกมาอีกหน นางพึมพำคาถาอะไรบางอย่างอีกครั้ง ครานี้อสนีบาตจึงผ่าไปหาดอกบัวน้ำแข็งน้อย!
ดอกบัวน้อยแข็งน้อยแปลงร่างกลายเป็นมังกรมารน้อยอีกหน
อสนีบาตเส้นที่สองชะงักกึกนิ่งงันไปเช่นกัน
หนีฉางโมโหนัก! นางตัดสินใจชักกระบี่เทพอสนีบาตพุ่งเข้าแทงมังกรมารน้อยสุดแรง!
มังกรมารน้อยกระโดดต๋อมหนีลงใต้น้ำ ทว่าผนึกของคูเมืองสวรรค์หายไปมากกว่าครึ่งแล้ว พลังของหนีฉางจึงเพิ่มขึ้นมาก หนึ่งกระบี่ของนางแทงต้องผิวน้ำ ผืนน้ำพลันนำกระแสไฟฟ้าไปยังเป้าหมาย ดอกบัวน้ำแข็งน้อยกรีดร้องเสียงหลง ถูกผ่าจนดำปิ๊ดปี๋…
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยโกรธแล้ว
พลังของสัตว์ร้ายจากยุคโบราณระเบิดออกมาอย่างรวดเร็ว ร่างกายของนางขยายใหญ่ขึ้นไม่รู้กี่เท่า เพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นพญาบัวทองคำ
พญาบัวทองคำคว้าคอเสื้อของหนีฉาง หนีฉางตั้งใจจะดิ้นหนีแต่กลับพบว่าตนเองกระดิกไม่ได้แม้แต่น้อย ไม่ทันไรพญาบัวทองคำก็เหวี่ยงหนีฉางทุ่มลงบนน้ำแข็งใต้พิภพ นางจับหนีฉางขึ้นมาแล้วทุ่มลงไป จับขึ้นมาแล้วทุ่มลงไป ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเสียงดังสนั่นดัง ตึง! ตึง! ตึง!
หนีฉางถูกทุ่มจนจมูกเขียวหน้าบวม พลังแตกซ่านหมดสิ้น
“มังกรน้อยตัวเดียวก็จัดการไม่ได้!” เทพเป่ยไห่แค่นเสียงหยันแล้วสะบัดแขนเสื้อเหาะขึ้นฟ้าซัดดาบวายุอันคมกริบเล่มหนึ่งออกมา
พญาบัวทองคำคิดไม่ถึงว่าคนต่ำช้าผู้นี้จะลอบจู่โจม ชั่วขณะนั้นมันจึงตอบโต้ไม่ทัน ดาบสายลมโจมตีบนร่างนางอย่างรวดเร็ว ทว่าในชั่วเส้นยาแดงผ่าแปดนั่นเองร่างสีเขียวร่างหนึ่งพลันโผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำ หางอสรพิษยักษ์กวาดคลื่นน้ำซัดเข้าใส่ใบหน้าของเทพเป่ยไห่ดังโครม
เทพเป่ยไห่เพ่งสายตาดูก็เห็นอวิ๋นเยี่ยโผล่ขึ้นมาจากน้ำตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ แต่อวิ๋นเยี่ยในเวลานี้ไม่ใช่คุณชายรองที่อ่อนแอน่าสมเพชคนนั้นในความทรงจำของเขาอีกต่อไปแล้ว
อวิ๋นเยี่ยลอยอยู่กลางอากาศ ผืนผ้ากับชายแขนเสื้อสีเขียวสะบัดพลิ้วโต้สายลม ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชา แววตาเย็นยะเยือกทำให้เขาดูมีบรรยากาศแข็งแกร่งแผ่ออกมาทั่วร่าง เขาถือตรีศูลที่เปล่งแสงสีเงินเป็นประกายเล่มหนึ่ง ตรีศูลเล่มนี้เองที่ขวางดาบสายลมของเทพเป่ยไห่เอาไว้
นี่เป็นครั้งแรกที่เทพเป่ยไห่เห็นเงาของเทพธิดาหนี่ว์วาจากตัวของอวิ๋นเยี่ย บุรุษที่เขาดูแคลนมาสองหมื่นปีคนนี้คือทายาทที่ปลุกพลังในสายเลือดเทพธิดาหนี่ว์วาสำเร็จเพียงคนเดียวจากทั้งตำหนักเมฆา พลังของเขาเหนือกว่าพี่ชายแท้ๆ ของเขาเสียอีก
แต่พลังของเขาถูกสะกดเอาไว้มิใช่หรือ เหตุไฉนพอผนึกที่คูเมืองสวรรค์แห่งนี้คลายออก พลังของเขาก็ฟื้นกลับคืนมาเล่า นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
เทพเป่ยไห่หรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด วันนี้ช่างมีความลับมากมายเสียจริง
เทพเป่ยไห๋มองวังน้ำวนเบื้องล่าง พลังของผนึกไหลเข้าไปด้านในหมดแล้ว ทว่าตราบจนบัดนี้หมิงซิวก็ยังไม่เผยหน้าออกมา เทพเป่ยไห่ขบคิดสุดท้ายเขาก็พอจะคาดเดาเรื่องราวได้สองสามส่วน “พี่ชายของเจ้ากำลังดูดซับพลังของผนึกอยู่สินะ ว่าแต่เหตุใดเขาจึงดูดซับผนึกของคูเมืองสวรรค์ได้เล่า เขามิใช่เจ้าตำหนักเมฆาตัวจริงสินะ”
หากเทพเป่ยไห่เก่งกล้าสามารถเหมือนที่เดาเก่งเช่นนี้ สมัยก่อนเขาคงไม่พ่ายแพ้ในเงื้อมมือของจอมเทพ
นิ้วมือรอบตรีศูลของอวิ๋นเยี่ยกำแน่น
เทพเป่ยไห่เห็นปฏิกิริยาทั้งหมดของเขาจึงหัวเราะเยาะเย้ย “อ้อ ดูท่าข้าจะพูดถูกแล้ว เขาไม่ใช่พี่ใหญ่ของเจ้าจริงๆ สินะ พี่ชายแท้ๆ ของเจ้าเล่า เขาไปที่ใดแล้ว”
อวิ๋นเยี่ยตอบเสียงเย็นชา “มิใช่เรื่องของเจ้า!”
เทพเป่ยไห่หัวเราะเยาะหยัน “คนที่สวมรอยมาแทนพี่ใหญ่ของเจ้า มีค่าอันใดให้เจ้าปกป้องด้วยหรือ มิสู้พวกเราแลกเปลี่ยนกัน เจ้าส่งเจ้าตัวปลอมคนนั้นมา ข้าคืนตำหนักเมฆาให้เจ้า นับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าก็คือเจ้าตำหนักเมฆาอย่างสง่าผ่าเผย!”
สิ่งที่ตอบกลับเทพเป่ยไห่กลับเป็นกระบวนท่าสังหารที่ไม่ยั้งมือสักนิดของอวิ๋นเยี่ย เพลิงโทสะที่สั่งสมมาสองหมื่นปีคล้ายกับได้ระเบิดออกมาจนสิ้นในห้วงเวลานี้
เทพเป่ยไห่สบถด่า “ไอ้คนโง่เง่าเต่าตุ่น”
เขาเร่งเร้าพลังปราณลมรอบด้านเข้าสัประยุทธ์อย่างดุเดือดกับอวิ๋นเยี่ย พลังอันแข็งแกร่งสองสายปะทะกันอย่างรุนแรงเหนือคูเมืองสวรรค์ แต่เดิมเทพเป่ยไห่ไม่เห็นอวิ๋นเยี่ยอยู่ในสายตา ทว่าหลังจากประมือมาสิบกว่ากระบวนท่า บนร่างเขากลับเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว ขณะที่อวิ๋นเยี่ยไม่เป็นอะไรสักนิด
ไม่เพียงเท่านั้นพลังจากสายเลือดเทพธิดาหนี่ว์วาของอวิ๋นเยี่ยดูเหมือนจะมีไม่หมดไม่สิ้น แต่ละกระบวนท่าของเขามีแต่จะทรงพลังมากกว่าเดิม เมื่อปะทะกันอีกครั้ง ตรีศูลของอวิ๋นเยี่ยก็ทำลายเกราะสายลมของเขา มันพุ่งเข้ามาเสียบทะลุหน้าอกปักร่างเขาตรึงไว้กับก้อนหินริมฝั่ง!
เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งตนเองจะพ่ายแพ้ให้แก่อวิ๋นเยี่ย
อวิ๋นเยี่ยชักตรีศูลออกมาแล้วหมายแทงซ้ำลงไปที่ศีรษะ!
ทว่าในตอนที่ตรีศูลอยู่ห่างจากหว่างคิ้วของเทพเป่ยไห่เพียงหนึ่งชุ่นนั่นเอง ร่างของอวิ๋นเยี่ยก็ชะงักค้างนิ่งไปอย่างที่ตัวเขาเองควบคุมไม่ได้ ไม่ใช่แค่เขา แม้แต่องครักษ์เทพหมื่นองค์ที่ถูกมังกรมารน้อยป่วนจนโกลาหลก็ถูกตรึงนิ่งอยู่กับที่พร้อมกัน พลังผนึกสีทองที่กำลังไหลทะลักเข้าไปหาหมิงซิวก็เชื่องช้าลงจนแทบจะหยุดนิ่ง
มังกรมาน้อยร่วงลงมากลิ้งหลุนๆ ดวงตากลมดิกทั้งคู่เบิกโตจับจ้องคนที่มาเยือนตาไม่กะพริบ
คนผู้นั้นสวมอาภรณ์ตัวยาวสีม่วงเข้ม เรือนผมสีเงินดุจหิมะ เขาเยื้องย่างแช่มช้าเข้ามาหาทุกคน
ยามเขาเดินผ่านน้ำแข็งใต้พิภพ น้ำแข็งพลันละลาย
ยาวเขาก้าวผ่านอวิ๋นเยี่ย อวิ๋นเยี่ยพลันล้มลงกับพื้น
ยามเขาย่างเท้าผ่านมังกรมารน้อย…
มังกรมารน้อยก็ชิงเปิดแน่บ!
ทว่าเขายกมือขึ้นอย่างไม่รีบร้อน ทันใดนั้นมังกรมารน้อยที่วิ่งหนีไป ยิ่งวิ่งก็ยิ่งถอยหลัง ในที่สุดมันก็ถูกเขาจับไว้ในมือ
มังกรมารน้อยกระดิกตัวไม่ได้แล้ว
มือซ้ายของเขาจับตัวมังกรมารน้อย ส่วนมือขวายื่นลงไปในวังน้ำวน พลังอันแข็งแกร่งสองสายหลั่งไหลเข้ามาในร่างเขาอย่างบ้าคลั่ง
จู๋อีที่พาอวิ๋นเชียนรั่วไปหลบอยู่ก้นทะเลสาบตกตะลึง “แย่แล้ว เขากำลังดูดพลังของตราพญาเทพกับมังกรโบราณจู๋หลง!”