ตอนพิเศษ 82-2 พี่น้องพบหน้า
หมิงซิวจับหน้าผากที่ความคิดสับสนไปหมด “ดูเหมือนจะคิดอะไรได้ แต่อยู่ๆ ก็หายไป”
ไห่คงจื่อจึงบอกว่า “ท่านเทพคงจะเหน็ดเหนื่อยเกินไป หลายวันนี้ไม่ค่อยได้พักผ่อนเลย ทางด้านคุณชายรองให้ข้าเป็นผู้ดูแลก็แล้วกัน ผนึกในกายเขาข้าก็จะลองหาทางดู”
หมิงซิวส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก เรื่องผนึกให้เป็นหน้าที่ของข้าแล้วกัน เจ้าออกไปสืบข่าวเรื่องเทพเป่ยไห่กับธิดาเทพที”
“ขอรับ” ไห่คงจื่อพอตอบรับเสร็จก็พาลูกน้องที่ใช้การได้มุ่งหน้าไปยังตำหนักเสวี่ยซาน
หมิงซิวไปที่ห้องของอวิ๋นเยี่ย
อวิ๋นเยี่ยตื่นแล้ว เร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้เล็กน้อย
อวิ๋นเชียนรั่วประคองเขาลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง
อวิ๋นเชียนรั่วในมือถือยาทาที่ไม่รู้หยิบมาจากที่ใด ใช้ปลายนิ้วถูยาแล้วเอามาทาแผลตรงหลังมือกับแขนในเขาอย่างเบามือ
อวิ๋นเยี่ยนิ่งมองน้องสาว สาวตาเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเอ็นดู
“เจ้าเจ็บหรือไม่นี่ ถ้าเจ็บก็ร้องออกมานะ รู้หรือไม่” อวิ๋นเชียนรั่วทายาพลางเป่าแผลให้เขา
อวิ๋นเยี่ยระบายยิ้มบาง “แรงเจ้ามีเท่านี้ ไม่ต่างอะไรกับจั๊กจี๋ ข้าจะเจ็บได้อย่างไร”
อวิ๋นเชียนรั่วส่งเสียงหึทีหนึ่ง “รังเกียจที่ข้าแรงน้อยหรือ พลังฝึกตนของข้ารุดหน้าขึ้นไม่น้อยเลยนะ อีกไม่กี่ปีข้าก็จะกลายเป็นท่านเทพได้แล้ว! เจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอก!”
“เช่นนั้นหรือ” อวิ๋นเยี่ยยิ้มน้อยๆ
อวิ๋นเชียนรั่วป้ายยาขึ้นมาอีก แล้วทาลงบนแขนเขา “ไม่เชื่อก็แล้วไป!”
อวิ๋นเยี่ยยื่นมือเรียวที่ถลอกปอกเปิกมาหยิกแก้มนางด้วยความมันเขี้ยว
อวิ๋นเชียนรั่วเจ็บจนร้องลั่น “โอ้ย เจ็บๆๆๆๆ!”
อวิ๋นเยี่ยยิ่งยิ้มกว้างขึ้น
“อาเยี่ย” หมิงซิวเดินเข้ามา
มืออวิ๋นเยี่ยพลันชะงัก รอยยิ้มจางลงไป
หลังจากเขาชะงักไปแล้ว แก้มของอวิ๋นเชียนรั่วก็ได้รับอิสระเสียที นางจับแก้มที่ถูกหยิกจนแดง ถลึงตาดุใส่อีกฝ่าย “ทำดีไม่ได้ดี ไม่ทายาให้เจ้าแล้ว!”
พูดจบนางก็วางยาทาลงบนหัวเตียงโดยแรง แล้วเดินกระฟัดกระเฟียดออกไป!
นางนิสัยเป็นเด็ก หมิงซิวจึงไม่ได้ขวางนาง เดินไปตรงหัวเตียงแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่อวิ๋นเชียนรั่วยกมาวาง
“อาเยี่ย” เขาเอ่ยเรียกน้องชาย
อวิ๋นเยี่ยท่าทางเรียบเฉย ต่างกับเวลาอยู่กับอวิ๋นเชียนรั่วโดยสิ้นเชิง “อย่าเรียกข้าว่าอาเยี่ย เจ้าไม่คู่ควร”
หมิงซิวเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด “ข้ารู้ว่าหลายปีนี้เจ้าลำบากไม่น้อย เป็นเพราะข้าเองไม่ได้รักษาตราพญามารเอาไว้ให้ดี คนที่ประสงค์ร้ายถึงได้ขโมยมันไปได้ ทำร้ายคนทั้งตำหนักเมฆา ที่เจ้าเป็นอย่างวันนี้ล้วนเป็นเพราะข้า แต่เจ้าจงเชื่อข้า ข้าไม่ได้ขโมยตราพญามารไป”
อวิ๋นเยี่ยเบือนหน้าหนีประหนึ่งไม่อยากเห็นหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ “แน่นอนว่าเจ้าไม่ได้ขโมยมันไป”
หมิงซิวเอ่ยว่า “เจ้ามีเหตุผลทั้งมวลให้กล่าวโทษข้า ไม่เป็นไร”
อวิ๋นเยี่ยเอ่ยว่า “แน่นอนว่าไม่เป็นไร ที่ตำหนักเมฆาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ต้องขอบคุณที่เจ้าให้ทั้งสิ้น”
หมิงซิวเหลือบมองน้องชายด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาไม่เข้าใจว่าอาเยี่ยหมายความว่าอะไร ในเมื่ออาเยี่ยเชื่อว่าเขาไม่ได้ทำผิด เหตุใดถึงยังบอกว่าที่ตำหนักเมฆาเดือดร้อนก็เพราะเขา หรือเป็นเพราะเขาไม่อาจรักษาตราพญามารเอาไว้ได้อย่างนั้นหรือ
แน่นอนว่าเขายากจะปัดความรับผิดชอบ
แต่เขาก็เป็นผู้รับเคราะห์เช่นกัน เขาไม่อยากให้เป็นเช่นนี้มากกว่าใครทั้งหมด
ตำหนักเมฆาเป็นบ้านของเขา หากเทียบกับการรักษาตราพญาเทพแล้ว เขาอยากปกป้องจวนเมฆาทั้งหมดเสียยิ่งกว่า
หมิงซิวเอ่ยว่า “ก่อนท่านแม่จะจากไป ท่านแม่ให้ข้าดูแลเจ้ากับรั่วเอ๋อร์ให้ดี”
อวิ๋นเยี่ยยิ้มเยาะ “ท่านแม่? ช่างน่าแปลกที่เจ้ายังจำนางได้”
หมิงซิวมองหน้าน้องชาย “เหตุใดข้าถึงไม่ควรจำนางได้”
อวิ๋นเยี่ยส่งเสียงหึด้วยความดูแคลน ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ท่าทางของอวิ๋นเยี่ยทำให้หมิงซิวรู้สึกไม่ดี แต่เมื่อคิดถึงความลำบากตลอดหลายปีที่อวิ๋นเยี่ยต้องเจอมา หมิงซิวก็ยังสงสารเขา และทำใจต่อว่าเขาไม่ได้ “ข้าจากไปนานเกินไป มีหลายเรื่องมากจริงๆ ที่ข้าจำไม่ได้แล้ว แต่เรื่องท่านพ่อ ท่านแม่ เจ้ากับรั่วเอ๋อร์ ข้าไม่มีทางลืม”
“เช่นนั้นเจ้าจำได้รึไม่ ว่าตราพญาเทพหายไปได้อย่างไร” อวิ๋นเยี่ยถาม
หมิงซิวตอบว่า “อาเยี่ย เจ้าช่างถามได้ประหลาดนัก ข้าไม่ได้เป็นคนขโมยไปแล้วจะจำได้ได้อย่างไร”
อวิ๋นเยี่ยหัวเราะประชดทีหนึ่ง “ข้าเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อน เจ้าไปเถิด”
หมิงซิวรู้สึกว่าอวิ๋นเยี่ยรู้เรื่องบางอย่างที่เขาไม่รู้ เช่นว่าความจริงในตอนนั้น และเช่นว่าร่องรอยของตราพญาเทพ
หมิงซิวเอ่ยด้วยความหนักใจ “อาเยี่ย เวลานี้มีเพียงตราพญาเทพเท่านั้นที่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้ากับตำหนักเมฆาได้ หากเจ้าพอจะรู้อะไร…”
อวิ๋นเยี่ยเอ่ยประชด “ข้ารู้แล้วอย่างไร เจ้าทำใจเอาตราพญามารมาคืนได้อย่างนั้นหรือ”
ดูพูดเข้า! ราวกับว่าตราพญามารอยู่ในมือเขากระนั้น!
หมิงซิวนิ่งคิด ก่อนจะคิดว่าอาเยี่ยไม่น่าหมายความเช่นนั้น “เจ้ากำลังกลัวว่าหากข้าตามหาตราพญาเทพเจอแล้ว จะไม่ยอมส่งคืนให้ศาลเทพสวรรค์ แต่อยากเก็บเอาไว้เองอย่างนั้นหรือ”
อวิ๋นเยี่ยขยับนั่งตัวตรง หันไปมองหน้าหมิงซิวแล้วเอ่ยออกไปว่า “มิได้ ข้าแค่กลัวว่าเจ้า…”
เขาเอ่ยไปได้ครึ่งทาง ไห่คงจื่อก็กระวีกระวาดเข้ามา “ท่านเทพ!”
หมิงซิวหันไปมองอวิ๋นเยี่ยที่นั่งอยู่ อวิ๋นเยี่ยถูกขัดจังหวะ จึงไม่อยากพูดต่ออีก เขาดึงผ้าห่มขึ้นห่อตัว ขยับนอนหันหลังให้หมิงซิว
หมิวซิวถอนหายใจด้วยความจนใจ
ไห่คงจื่อเดินเข้ามาพร้อมเหงื่อที่เปียกปอน
หมิงซิวหันไปเอ่ยกับเขา “เหตุใดถึงรวดเร็วเพียงนี้ ได้ข่าวเทพเป่ยไห่กับธิดาเทพแล้วหรือ”
ไห่คงจื่อจึงตอบว่า “เขาลือกันไปทั่วทั้งแดนเซียนแล้ว ยังมีติดประกาศออกมาแล้วด้วยว่าธิดาเทพกระทำผิดกฎตำหนัก ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งธิดาเทพ ยึดคืนพลังฝึกตนสองหมื่นปี เวลานี้กำลังถูกลงทัณฑ์ด้วยสายฟ้าเก้าพันเก้าร้อยแปดสิบเอ็ดชั้นของตำหนักเทพเสวี่ยซานอยู่”
ทัณฑ์สายฟ้าไม่ใช่ของเล่น ในช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุดของธิดาเทพยังไม่แน่ว่าจะทนรับทัณฑ์สายฟ้าครึ่งหนึ่งนี้ได้ เวลานี้เพื่อเหลือเพียงร่างกายเยี่ยงคนธรรมดา… เช่นนี้เท่ากับหมายจะเอาชีวิตธิดาเทพชัดๆ
จิตใจของหมิงซิวสงบนิ่งผิดธรรมดา “เทพเป่ยไห่เล่า”
ไห่คงจื่อเอ่ยด้วยท่าทางลังเล “เทพเป่ยไห่เป็นน้องชายร่วมอุทรของจอมเทพ จอมเทพจึงไม่ได้บอกให้ผู้อื่นรู้ว่าบุรุษที่ระเริงรักของธิดาเทพเป็นเขา…”
หมิงซิวเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “อย่าอมพะนำอยู่เลย อยากพูดอะไรก็พูดมา”
ไห่คงจื่อกลั้นใจเอ่ยเสียงขรึมว่า “เวลานี้คนทั้งแดนเทพต่างคิดกันว่าท่านเทพที่ทำให้ธิดาเทพต้องแปดเปื้อนคือท่าน จอมเทพมีคำสั่งให้จับตัวท่านแล้ว ผู้ใดสามารถสังหารท่านได้ คนผู้นั้นก็จะเป็นท่านเทพคนต่อไป”