ตอนพิเศษ 79-2 กรรมมาตามสนองแล้ว
องครักษ์เทพเห็นท่าทางไม่สะทกสะท้านนั้นแล้วก็ยิ่งเดือดดาล เดินเข้าไปถีบเขาให้ทีหนึ่งจนตัวกลิ้งไปกับพื้น หลังจากเขาขยับลุกขึ้นก็ใช้ด้ามแส้ทิ่มศีรษะเขา เอ่ยเยาะหยันว่า “คิดจะอู้งานอีกแล้วใช่หรือไม่ คิดว่าตนเองยังเป็นคุณชายรองจวนเมฆาอีกอย่างนั้นหรือ! ยามอยู่ต่อหน้าเขาเจ้ายังสู้หมาตัวหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
พูดจบองครักษ์เทพก็เก็บแส้ ปลดสายคาดกางเกง ยิ้มเยาะพลางฉี่รดหางงูของบุรุษผู้นั้นเพื่อระบายความโกรธ
ภายในทิวเขาที่ท้องฟ้ายามราตรีกำลังเข้าปกคลุม หลิงซิวก็เห็นฉากแสงที่อยู่เหนือศีรษะเช่นกัน ตอนเขาเห็นเสวี่ยหลันอีกำลังระเริงบทอัศจรรย์กับบุรุษคนหนึ่งนั้น เขาก็เดาได้ทันทีว่าคนนั้นต้องเป็นเทพเป่ยไห่ ทั้งๆ ที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก แต่ในใจเขากลับไม่มีระลอกคลื่นเลยสักนิด แต่พอเขาเห็นตนเองกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งในภาพ คนตัวใหญ่กับคนตัวเล็กเดินจูงมือกันหายไปตรงสุดถนน ในใจเขากับเกิดความรู้สึกที่ยากจะเอื้อนเอ่ย
อีกด้านหนึ่ง บัวน้ำแข็งน้อยได้เห็นหมิงซิวผ่านกระจก และได้เห็นพระจันทร์เสี้ยวสีทองบนใบหน้าของหมิงซิว
บัวน้ำแข็งน้อยกระโดดเข้าใส่กำแพง ใช้ส่วนช่อพรมจูบลงบนกระจุก
ทันใดนั้นภาพในแสงก็เปลี่ยนเป็นภาพของบัวน้ำแข็งน้อย
คนทั่วไปไม่รู้ว่านางคือใคร แต่หมิงซิวมองปราดเดียวก็รู้ทันที
หมิงซิวที่ใกล้ไปถึงวังของเทพเป่ยไห่พลันเปลี่ยนทิศทาง เหาะตรงไปยังที่มาของลำแสงทันที
…
เทพเป่ยไห่สะดุ้งตกใจจากความรู้สึกที่พาให้เนื้อตัวเต้นระรัว เขาฝึกวิชามานานปีเพียงนี้ยังไม่เคยรู้สึกควบคุมตนเองไมได้เช่นนี้มาก่อน เขาพยายามอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่อาจทำให้จิตใจสงบลงได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ธาตุไฟเข้าแทรก เขาตัดสินใจออกไปเดินรับลมสักหน่อย ไว้ให้จิตใจสงบลงแล้วค่อยกลับมาสร้างตราพญามารปลอมต่อ
เขาเก็บพลังปราณเทพกลับมา เดินออกจากห้องลับ พอเดินไปถึงระเบียงทางเดินก็เหลือบไปเห็นเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ไม่รู้ถูกใครโยนทิ้งไว้กับพื้น คิ้วเขาพลันขมวด สาวเท้าก้าวยาวๆ ไปทางห้องนอน!
บัวน้ำแข็งน้อยยืนอยู่บนกระจก จูบแล้วจูบอีกไม่ยอมเลิกรา จูบไปจูบมาจนเงาในกระจกก็หายไป
เอ๋?
บัวน้ำแข็งน้อยเอียงศีรษะ
แล้วทันใดนั้นมือใหญ่ข้างหนึ่งก็ยื่นมาคว้าตัวนางไว้!
บัวน้ำแข็งน้อยโกรธจัด ร่างกายขยายใหญ่ด้วยความรวดเร็ว เตรียมจะแปลงร่างเป็นพญาบัวทองคำ
“ชู่ว์ ข้าเอง” หมิงซิวเคาะใบบัวน้อยเบาๆ
บัวน้ำแข็งน้อยรีบย่อหดร่างบัวขนาดยักษ์ลงทันที เหลือเพียงบัวอันน้อยนิดประหนึ่งว่าท่าทางดุดันเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น จับกลีบดอกน้อยๆ ของตนด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูแล้วจึงแปลงร่างเป็นเผ่ามนุษย์ เป็นสตรีร่างกำยำแขนขาใหญ่ลำตัวหนา ก่อนจะเปลี่ยนอีกครั้งเป็นเด็กสาวเอวบางร่างน้อย แล้วทำเหมือนว่าไม่มีใครเคยทันเห็นสตรีร่างยักษ์คนก่อนหน้า เอามือปิดหน้าทำทางขัดเขินเอียงอายอย่างพยายามให้น่าเอ็นดู
มุมปากท่านเทพกระตุกไม่หยุด
ในตอนนั้นเทพเป่ยไห่ก็เข้ามาถึง
หมิงซิวอุ้มบัวน้ำแข็งน้อยแล้วเร้นกายไปหลบอยู่ในตู้เสื้อผ้า
กระจกปี้คงกำลังคว่ำลง หล่นลงไปอยู่ในกองเสื้อผ้าที่ระเกะระกะ
ภาพแสงบนท้องฟ้าพลันหายไป
เทพเป่ยไห่ยังไม่รู้เรื่องภาพแสงที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แต่ต่อให้ไม่รู้ แค่ได้เห็นข้าวของที่กระจายเกลื่อนอยู่เต็มพื้นก็ทำให้เขาโมโหจนหายใจไม่ออกแล้ว
บนพื้นมีเสื้อผ้ามากมายของเขากองอยู่ ในสระก็มียาลูกกลอนของเขาลอยละล่อง ลิ้นชักทั้งหมดของตู้ยาถูกคนดึงเปิด สภาพราวกับมีโจรขโมยเข้ามาที่นี่ กระจัดกระจายไม่เหลือชิ้นดี
เทพเป่ยไห่พอเห็นว่ายาลูกกลอนชั้นดีที่ตนบากบั่นหามาเก็บสะสมไว้ไม่เหลือดีเลยสักชิ้น ก็โกรธจนเส้นเลือดเต้นตุบๆ!
นั่นเป็นของที่เขาซ่อนไว้ไม่ให้จอมเทพรู้เชียวนะ กว่าจะได้มาแต่ละอย่าง เวลานี้กลับไม่เหลืออะไรเลย!
มันผู้ใดกันที่ใจกล้าเพียงนี้ บังอาจบุกรุกเข้ามาในถิ่นของเขา!
เทพเป่ยไห่หันขวับไปมองตู้เสื้อผ้าที่ปิดสนิทอยู่!
ภายในห้อง ลิ้นชักทุกอัน ประตูตู้ทุกบานถูกดึงเปิด มีเพียงตู้เสื้อผ้าที่ปิดแน่น…
เทพเป่ยไห่หรี่ตาลง เดินช้าๆ เข้าไปทางตู้เสื้อผ้า
หมิงซิวกลั้นหายใจ
บัวน้ำแข็งน้อยเห็นเขาทำเช่นนั้นก็กลั้นหายใจตามอย่างว่าง่าย
เอ่อ ไม่ใช่สิ นางเป็นบัวน้ำแข็ง นางไม่ต้องหายใจเสียหน่อย!
จิตตั้งต้นของหมิงซิวยังไม่สมบูรณ์พร้อม หากต้องสู้กันจริงๆ เขาอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทพเป่ยไห่
เทพเป่ยไห่ยื่นมือมาจับประตูตู้ไว้ ในขณะที่กำลังจะดึงเปิดนั้น ด้านนอกประตูก็มีเสียงร้อนรนของบุรุษหนุ่มดังขึ้น “ท่านเทพ ท่านเทพ แย่แล้ว! คนของตำหนักเทพเสวี่ยซานบุกมาถึงที่นี่แล้ว! ธิดาเทพเป็นคนนำพวกนางมา!”
ธิดาเทพ! เทพเป่ยไห่ขมวดคิ้วมุ่น นางไม่ได้รักษาแผลอยู่หรือ
เสวี่ยหลันอีเดิมทีกำลังสงบจิตใจรักษาบาดแผลอยู่จริงๆ ถึงแม้จะยังไม่ได้เลือดมังกร แต่เพื่อให้นางได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนด้วยใจที่สงบ เทพเป่ยไห่ได้ให้หลิงจือน้ำแข็งหมื่นปีกับนางไว้ดอกหนึ่ง หลิงจือนี้รักษาแผลนางให้หายไม่ได้ แต่กลับทำให้อาการไม่แย่ลงได้
นางนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียง ไม่กล้าขยับตัวสักนิดเพราะกลัวว่าหากไม่ระวัง แผลที่ท้องจะปริแตกอีก
นางเปิดหน้าต่างไว้บานหนึ่ง จากมุมของนางสามารถเห็นท้องฟ้าเผ่าเทพได้ครึ่งผืนพอดี เดิมทีคิดว่าคืนนี้จะเป็นเหมือนเช่นทุกคืนที่ผ่านมา ไหนเลยจะรู้ว่าแค่เพียงนางหันไป จะได้เห็นภาพแสงบนท้องฟ้านั้น…
ถึงอย่างไรเสวี่ยหลันอีก็เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเทพเป่ยไห่มาก่อน จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าในมือเขามีกระจกปี้คงอยู่ และจากจุดที่แสงนั้นพุ่งขึ้นมาก็เป็นจุดที่เขากับนางเคยมีสัมพันธ์กันพอดี
แน่นอนว่าเสวี่ยหลันอีไม่คิดว่านี่เป็นอุบัติเหตุ สำหรับเสวี่ยหลันอีแล้วนางคิดว่าเทพเป่ยไห่อาศัยโอกาสนี้ทำลายชื่อเสียงของนางเพราะนางไม่ยอมทำตามที่เทพเป่ยไห่ต้องการ
ไม่แปลกที่เสวี่ยหลันอีจะสงสัยเช่นนี้ เพราะภาพในแสงนั้นไม่ได้เปิดเผยให้เห็นว่าบุรุษในภาพคือเทพเป่ยไห่ หากไม่ใช่ฝีมือของเทพเป่ยไห่ ในภาพจะเผยให้เห็นเฉพาะนาง แต่ส่วนของตนกลับปิดบังเอาไว้เสียมิดชิดได้อย่างไร
เสวี่ยหลันอีไม่สนใจแผลฉกรรจ์บนตัว พาเอาร่างตัวเองมาที่นี่ ในมือถือกระบี่ธิดาเทพที่เป็นอาวุธชั้นเลิศของแดนเซียน วันนี้หากนางไม่ได้ตัดหัวบุรุษที่น่ารังเกียจผู้นี้ ก็อย่ามาเรียกนางว่าเสวี่ยหลันอี!