ตอนพิเศษ 78-1 บัวน้ำแข็งน้อยจอมแก่น
หมิงซิวออกจากดินแดนลับไปได้ไม่เท่าไรก็พบเห็นรอยเท้าตามพื้น เขาตามรอยเท้านั้นไปจนเจอกับจุดที่มารมังกรน้อยและลูกศิษย์ตำหนักเทพต่อสู้กัน พอมาถึงตรงนี้รอยเท้ามารมังกรน้อยก็หายไป หมิงซิวเจอเกล็ดมังกรเปื้อนเลือดแผ่นหนึ่งอยู่ในทุ่งหญ้า
บนพื้นยังมีศพของศิษย์หญิงตำหนักเทพห้าศพนอนเกลื่อนกลาดอยู่ที่พื้น ทุกคนล้วนขาดใจตายในกระบวนท่าเดียว
นี่ดูไม่เหมือนฝีมือของมารมังกรน้อย นางใช้อาวุธไม่เป็น ไม่มีทางกรีดเป็นปากแผลที่เฉียบคมเช่นนี้
แต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างหอคอยที่แตกละเอียดอยู่บนพื้นนั้น เห็นได้ชัดว่าเกิดจากการถูกมารมังกรน้อยนั่งทับ
หมิงซิวใช้วิชาเวทย์ประกอบชิ้นส่วนของหอคอยให้กลับมาเหมือนเดิม นี่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของตำหนักเทพเสวี่ยซาน ซึ่งสามารถปล่อยอาวุธลับและหมอกพิษออกมาได้ เมื่อใดที่มารมังกรน้อยมีบาดแผล หมอกพิษก็สามารถเล่นเข้าสู่กระแสเลือดผ่านทางปากแผลได้
ดูท่ามารมังกรน้อยคงจะถูกเจ้าสิ่งนี้ทำร้ายจนเกล็ดมังกรหลุดไป
เพียงแต่ตอนนั้นยังมีใครอีกคนหนึ่งอยู่ด้วย ซึ่งเป็นคนที่สังหารศิษย์หญิงแห่งตำหนักเทพเสวี่ยซานทั้งห้า และ “ช่วย” มารมังกรน้อยที่ถูกล้อมโจมตีไป
ระดับการฝึกตนของลูกศิษย์หญิงทั้งห้าไม่ถือว่าต่ำ คนที่สามารถสังหารพวกนางได้ในกระบวนท่าเดียวต้องมีระดับการฝึกที่ไม่ต่ำกว่าเขา ชื่อที่คุ้นเคยชื่อหนึ่งลอยเข้ามาในสมองของหมิงซิว… เทพเป่ยไห่!
…
บนเขาเขียวลูกหนึ่ง นกหลวนตัวเขื่องพาเทพเป่ยไห่กับมารมังกรน้อยโดยสารเหินเวหาเข้าไปในข่ายอาคมขาวขุ่น มุ่งหน้าไปยังราชวังที่ใหญ่โตโอ่อ่า นกหลวนร่อนลงเบาบนพื้นหยกขาวที่ใสจนสะท้อนเห็นเงาคน มันก้มหัวลงด้วยความเคารพ ใช้ปีกส่งตัวเทพเป่ยไห่กับมารมังกรน้อยลงจากหลัง
เทพเป่ยไห่ทำสัญญาณมือ นกหลวนโผบินจากไปอย่างรู้งาน เทพเป่ยไห่หันไปมองวังทางด้านหลัง แล้วอมยิ้มเอ่ยกับมารมังกรน้อยว่า “ชอบรึไม่?”
ขาวจั๊วะไปหมด ไม่ชอบ!
เทพเป่ยไห่โบกแขนเสื้อ ตัวตำหนักก็เปลี่ยนสีไปเป็นดำมืดราวกับราชวังของเผ่ามาร ดำทะมึนไปหมด ทั้งเคร่งขรึมและน่าเกรงขาม
มารมังกรน้อยส่ายหน้าราวกับตีกลอง!
เทพเป่ยไห่เลิกคิ้ว เปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงราวกับเปลวไฟ
มารมังกรน้อยดูครุ่นคิด
เทพเป่ยไห่เลยเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองอะร้าอร่าม
มารมังกรน้อยพลันตาเป็นประกาย
เทพเป่ยไห่เลยยกมุมปาก พับพัดหยกในมือพลางเดินนำมารมังกรน้อยเข้าไปในตำหนักนอนสีทองอร่ามนั้น
ที่นี่ไม่ใช่วังจริงๆ ของเทพเป่ยไห่ แต่เป็นที่พักของเทพเป่ยไห่ที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ คนที่พักอาศัยอยู่ที่นี่ล้วนเป็นคนสนิทของเขาทั้งสิ้น เมื่อเห็นเขากลับมา หญิงสาวในวัยแรกแย้มร่างเพรียวระหงสองคนก็เดินเข้ามาต้อนรับ คนหนึ่งสวมอาภรณ์สีชมพู อีกคนหนึ่งสวมอาภรณ์สีเขียว
สาวใช้ในอาภรณ์สีชมพูเป็นลูกท้อน้ำผึ้งบนหนึ่งบนต้น ถูกเทพเป่ยไห่นำมาร่ายมนต์เคี่ยวกรำจนมีร่างเป็นมนุษย์ จากนั้นก็ให้คอยรับใช้อยู่ที่ตำหนักแห่งนี้
สาวใช้ในอาภรณ์สีเขียวเป็นงูตัวเล็กใต้ต้นลูกท้อ เมื่อครั้งเทพเป่ยไห่ร่ายมนต์ใส่ลูกท้อน้ำผึ้ง มันได้รับพลังปราณเทพไปด้วยเล็กน้อย เมื่อหลายร้อยปีผ่านไปร่างของมันจึงกลายเป็นคนไปด้วย
ทั้งสองจงรักภักดีต่อเทพเป่ยไห่ สามารถเรียกใช้ได้ทุกเมื่อ
“ท่านเทพ” ทั้งสองทำความเคารพอย่างนอบน้อม แต่เมื่อเห็นมารมังกรน้อยข้างกายเทพเป่ยไห่ พวกนางทั้งสองก็อึ้งไปเล็กน้อย
เทพเป่ยไห่เอ่ยกับทั้งสองว่า “ท่านมังกรน้อยเป็นแขกคนสำคัญของข้า พวกเจ้าพาท่านมังกรน้อยไปชำระล้างร่างกายก่อน คืนนี้นางจะพักอยู่ที่นี่”
ท่านมังกรน้อย? เหตุใดถึงมีคำเรียกขานที่แปร่งหูเช่นนี้?
ทั้งสองสงสัยก็ส่วนสงสัย แต่ก็ยังตอบรับด้วยความเคารพ
เทพเป่ยไห่หันไปเอ่ยกับมารมังกรน้อยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เจ้าคิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านตัวเองได้เลย อยากกินอะไร อยากดื่มอะไร อยากเล่นอะไรไม่ต้องเกรงใจข้า อีกอย่างเจ้าวางใจได้ ก่อนฟ้าสางข้าจะต้องเอาตราพญาเทพมาให้เจ้าแน่นอน”
มารมังกรน้อยตามสาวใช้สองคนไป
พอทั้งสามไปแล้ว บุรุษหนุ่มในชุดเกราะเหล็กก็เดินเข้ามา เขาเป็นหนึ่งในสามจอมทัพเทพภายในอาณัติของเทพเป่ยไห่ หลังจากไป่ชวนสิ้นชีพไป เขาเข้ามาแทนตำแหน่งของไป่ชวน และกลายเป็นมือซ้ายมือขวาให้กับท่านเทพเป่ยไห่
เขาทำความเคารพเทพเป่ยไห่ก่อนเอ่ยถามด้วยความฉงน “ท่านเทพ พวกเราไม่ได้ไม่มีตราพญามารหรอกหรือ จะเอามาให้นางได้อย่างไร”
เทพเป่ยไห่หัวเราะเสียงเย็น “ไม่มีของจริงแล้วทำของปลอมขึ้นมาสักอันไม่ได้หรือ นางไม่เคยเห็นเสียหน่อยว่าตราพญามารของจริงหน้าตาเป็นเช่นไร”
“แต่หากว่า…เจ้าตำหนักจวนเมฆาเคยบอกนางเล่า” บุรุษหนุ่มเอ่ยถาม
เทพเป่ยไห่เอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “เช่นนั้นแล้วอย่างไร ก็แค่มังกรสมองน้อยตัวหนึ่งเท่านั้น เจ้าคิดว่าข้าจะหลอกนางไม่ได้จริงๆ หรือ”
“ท่านเทพช่างปรีชา” บุรุษหนุ่มประสานมือขณะบอก พอคิดอะไรได้ก็ถามอีกว่า “ท่านเทพ ในเมื่อนางเป็นมังกรของท่านเทพแห่งตำหนักเมฆา เหตุใดพวกเราถึงไม่ปลิดชีพนางไปเสียเล่า หากนางไม่อยู่ ท่านเทพแห่งตำหนักเมฆาก็มีตัวช่วยน้อยลงไปส่วนหนึ่ง”
เทพเป่ยไห่ทำเสียงหึเย็นๆ “เมื่อไม่มีเขามังกรแล้ว เจ้าคิดว่านางจะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกหรือ”
เขามังกรเป็นสัญลักษณ์แห่งฐานะ เมื่อไม่มีเขามังกรนางก็จะขาดคุณสมบัติการเป็นมังกรไป ชีวิตที่เหลือของนางจะต้องอยู่กับความเสียใจ เคียดแค้นและไร้ซึ่งความสุข ไม่มีมังกรตัวใดทนรับความเสียใจเช่นนี้ได้
บุรุษหนุ่มพลันกระจ่าง “ที่แท้ที่ท่านเทพต้องการเขามังกรของนางก็เพื่อจะเอาชีวิตนางนี่เอง”
ท่านเทพเป่ยไห่ส่ายหน้า “หาใช่เช่นนั้น นางจะอยู่หรือตายไม่สำคัญ ที่สำคัญคือข้าจะต้องได้เขามังกรของนางมาให้ได้”
บุรุษหนุ่มยังดูมีจุดที่ไม่เข้าใจ “เขามังกรนี้มีประโยชน์อะไรพิเศษหรือขอรับ ท่านเทพอยากได้เขามังกร จำเป็นต้องลงทุนลงแรงมากเพียงนี้เชียวหรือ ข้าน้อยสามารถเหาะไปเผ่ามังกรแล้วหักเขามังกรของพวกมันมาให้ท่านเทพเดี๋ยวนี้เลยก็ยังได้!”
ท่านเทพเป่ยไห่คลี่ยิ้มบาง “เจ้าคิดว่าข้าแค่อยากได้เขามังกรอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ ตอนนั้นข้าแค่เพียงให้เลือดมารมังกรกับธิดาเทพไปเพียงหยดเดียว ธิดาเทพก็สามารถหล่อร่างจริงของอวิ๋นเชียนรั่วได้แล้ว หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็มารมังกรก็คือทายาทของมังกรโบราณจู๋หลง ต่อให้ข้าคิดอยากสังหารนางก็คงไม่ง่ายเพียงนั้น แต่หากนางยอมเป็นฝ่ายมอบเขามังกรให้ข้า ก็คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
บุรุษหนุ่มนิ่งคิด “ข้าได้ยินว่าในชีวิตมังกรตัวหนึ่งจะมีเขาเพียงคู่เดียว เขามังกรสามารถนำไปทำเป็นยา สามารถหลอมเป็นอาวุธ สามารถเรียกสายฟ้าได้ เป็นสิ่งที่ทรงอานุภาพที่สุดในโลกและสวรรค์ เขามังกรทั่วไปยังเป็นเช่นนั้น เขามังกรของทายาทมังกรจู๋หลงนี้คงจะทรงอานุภาพยิ่งกว่านับร้อยเท่าเลยใช่หรือไม่”
เทพเป่ยไห่ยิ้มอย่างมีลับลมคมใน “ถูกต้อง มังกรจู๋หลงมีพละกำลังที่สามารถแยกฟ้าแยกแผ่นดินได้ ขอเพียงข้าได้เขามังกรจู๋หลงมา ก็จะสามารถเรียกพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแดนทั้งหกได้แล้ว ถึงเวลานั้น…”
เทพเป่ยไห่ไม่ได้พูดต่อ
บุรุษหนุ่มเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ถึงเวลานั้นท่านเทพก็จะเรียกได้ว่าเป็นเทพผู้ทรงอำนาจ รวบการปกครองทั้งหกแดน!”
…
มารมังกรน้อยหลังจากกินอาหารของห้องครัวตำหนักนอนจนหมดเกลี้ยงแล้ว นางก็กระโดดลงสระน้ำพุร้อนท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน
มารมังกรน้อยยามแช่น้ำไม่ชอบให้คนมาจับจ้อง จึงใช้หางลากผ้าม่านมาปิด
สาวใช้ในอาภรณ์สีชมพูและสีเขียวจึงถอยออกไปอย่างรู้งาน
สาวใช้ในอาภรณ์สีชมพูยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ “ท่านมังกรน้อย พวกข้าคอยรับใช้อยู่ด้านนอก หากท่านมีสิ่งใดต้องการเรียกใช้ สามารถเรียกพวกเราได้ทันที”
มารมังกรน้อยไม่สนใจพวกนาง นางว่ายไปว่ายมาอยู่ในสระ
พอว่ายไปได้ครึ่งทางตัวของมันก็พลันหมุนวนกลายเป็นดอกบัวน้ำแข็งขนาดใหญ่ประมาณปากชาม
บัวน้ำแข็งดอกเล็กพ่นน้ำออกมา ว่ายจากตะวันออกไปตะวันตก จากตะวันตกไปเหนือ ว่ายไปว่ายมาก็ไปถึงทางส่งน้ำ
ตรงนั้นเป็นหัวมังกรขนาดใหญ่ น้ำแร่จากธรรมชาติไหลโกรกลงมาในสระ
บัวน้ำแข็งดอกน้อยมองเข้าไปด้านในด้วยความสงสัย บิดตัวดอกบัวอวบอั๋นเล็กน้อยก่อนจะมุดสวบเข้าไปในกระแสน้ำ!
ส่วนในอีกด้านหนึ่ง หลังจากเทพเป่ยไห่กลับไปยังตำหนักนอนของตนแล้ว ก็แช่น้ำบ่อน้ำแร่ด้วยความสบายใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะขึ้นมาคลุมเสื้อคลุมผ้าไหมตัวโคร่งแล้วเข้าห้องส่วนตัวพร้อมสั่งองครักษ์ที่อยู่หน้าประตูว่า หากไม่มีคำสั่งเขา ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเข้ามารบกวนการฝึกตนของเขา