ตอนพิเศษ 77 มารมังกรน้อยได้รับความช่วยเหลือ ท่านเทพมาแล้ว
จู๋อีไหนเลยจะคิดว่ามังกรน้อยจะใจกล้าเพียงนี้ ถึงขั้นหนีออกจากบ้านเชียวหรือ ยิ่งไปกว่านั้นด้านนอกดินแดนลึกลับยังมีข่ายอาคมที่ท่านเทพกางเอาไว้อีก อย่าว่าแต่มังกรน้อยตัวนั้นเลย ต่อให้เป็นเทพเป่ยไห่ก็ยังไม่อาจเข้ามาได้อย่างอิสระโดยไม่ทำให้ท่านเทพรู้ตัว มังกรน้อยตัวนั้นทำได้อย่างไร
จู๋อีก้มหน้าลง อยากหารูมุดหนีไปใจแทบขาด
หมิงซิวมองนางดุๆ “ไว้ข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้า!”
จู๋อีหันไปมองไห่คงจื่อด้วยสายตาวิงวอน
ไห่คงจื่อก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เกิดเรื่องใหญ่เพียงนี้ท่านเทพไม่พาลมาถึงเขาด้วยก็นับว่าจุดธูปขอพรมากแล้ว เขายังจะปกป้องจู๋อีได้อย่างไร
ไห่คงจื่อหันไปเอ่ยกับหมิงซิวว่า “ดวงจิตของท่านเทพตามหานางไม่พบ หรือว่านางหนีไปไกลแล้ว”
หมิงซิวเอ่ยเสียงเรียบว่า “ไม่รู้สิ ต่อให้ยังไปไม่ไกล ดวงจิตของข้าก็ตามหาร่องรอยของนางไม่พบอยู่ดี”
ไห่คงจื่อตกใจยิ่งนัก นี่คือท่านเทพเชียวนะ ถึงแม้พลังฝึกตนของเขาจะยังไม่ฟื้นกลับมาสมบูรณ์ แต่ก็คงไม่ถึงขั้นสัมผัสไม่ได้ถึงมังกรน้อยตัวหนึ่งกระมัง
หมิงซิวหรี่ตาเอ่ยว่า “แต่นี่ก็เป็นเรื่องดี ดวงจิตของข้าสัมผัสไม่ได้ ดวงจิตของคนอื่นก็สัมผัสไม่ได้เช่นกัน ใครจะตามหานางเจอก่อน อาศัยได้แค่โชคชะตาแล้ว”
ท่านเทพกล่าวได้มีเหตุผล ความสัมพันธ์ระหว่างมังกรน้อยกับท่านเทพปิดไว้ไม่อยู่ เวลานี้ทั่วทั้งเผ่าเทพกำลังตามจับท่านเทพอยู่ แต่ท่านเทพจัดการได้ไม่ง่ายเพียงนั้น เมื่อพวกเขาเล่นงานท่านเทพไม่ได้ ย่อมต้องเล่นงานคนข้างกายท่านเทพแทน
เมื่อใดก็ตามที่มังกรน้อยออกจากการปกป้องของท่านเทพ ก็จะไปเผยตัวอยู่ใต้สายตาคนที่มีใจคิดประสงค์ร้าย แต่หากอีกฝ่ายก็สัมผัสไม่ได้ ก็คงไม่รู้ว่ามังกรน้อยหนีไปแล้ว เรื่องนี้สำหรับมังกรน้อยแล้วถือว่าเป็นประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อความคิดนี้แวบเข้ามา ไห่คงจื่อกลับนึกโล่งอก
หมิงซิวเอ่ยว่า “พวกเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปตามหามังกรน้อย”
หากออกไปตามหากันเป็นคณะ คนอื่นคงคาดเดาได้ง่ายว่ามังกรน้อยหายไปแล้ว ถึงเวลานั้นมังกรน้อยคงตกอยู่ในอันตราย
แต่การอยู่ที่นี่เฉยๆ จะไม่เสียกำลังคนไปเปล่าๆ หรือ
ไห่คงจื่อประสานมือเอ่ยว่า “ท่านเทพ มิสู้ท่านไปตามหามังกรน้อย ส่วนพวกเราไปเฝ้าที่หอคอยผนึกปีศาจกับจวนของเทพเป่ยไห่เพื่อสืบข่าวของคุณชายรองดูดีหรือไม่”
หมิงซิวพยักหน้า ถอนข่ายอาคมแล้วพาทุกคนออกจากดินแดนลับ
หมิงซิวไม่ได้ไปตามหาไกลนัก หากมังกรน้อยแค่เพียงงอนเขา ก็น่าจะไปไหนไม่ไกล
หมิงซิวคาดเดาได้ถูกต้อง มารมังกรน้อยวนเวียนอยู่ไม่ไกลจริงๆ เดินสามก้าวหันไปมองทีหนึ่ง เดินห้าก้าวกระทืบเท้าทีหนึ่ง เดินอย่างเชื่องช้าอยู่ครึ่งชั่วยามก็ไปได้เพียงไม่ถึงห้าลี้เท่านั้น แต่สวรรค์ไม่ยอมให้เป็นดั่งใจคนก็คือ มารมังกรน้อยไปเจอกับลูกศิษย์หญิงของตำหนักเทพเสวี่ยซานเข้า
ลูกศิษย์หญิงหลายคนนี้ได้รับคำสั่งจากเสวี่ยหลันอีให้ไปยังบ้านเทพโอสถเพื่อตามหายาวิเศษมารักษาเสวี่ยหลันอี แต่ใครจะคิดว่าระหว่างทางดันมาเจอกับมารมังกรน้อยที่น่าจะได้ผลดียิ่งกว่ายาวิเศษ
เลือดมารมังกรก็สามารถรักษาบาดแผลของธิดาเทพได้เช่นกัน นี่ช่างเรียกได้ว่ายามหาเดินหาเท่าไรก็ไม่พบ บทจะเจอก็เจอเอาเสียง่ายๆ!
พวกนางติดตามมารมังกรน้อยไปอย่างรวดเร็ว
มารมังกรน้อยไม่ได้หันไปมอง ยังคิดว่าเป็นหมิงซิวที่ตามมา จึงกระโดดดึ๋งดั๋งด้วยความยินดี ก่อนจะก้าวเท้ายาววิ่งหนีไปด้วยท่าทางประหลาด!
นางรวดเร็วจนน่าอัศจรรย์ แค่เพียงพริบตาก็ไปไกลเป็นร้อยลี้แล้ว
ลูกศิษย์หญิงเหล่านั้นคิดว่านางรู้ตัวแล้วเลยคิดที่จะหนี พวกนางจึงไม่พูดพร่ำทำเพลง เสกอาวุธวิเศษของตนออกมาแล้วเข้าไปประมือกับมารมังกรน้อยอย่างดุดัน
มารมังกรน้อยถึงได้รู้ตัวว่าตน “ติดกับ” เสียแล้ว นางคิดจะวิ่งกลับไปยังดินแดนลับ แต่กลับถูกพวกนางเข้ามาล้อมไว้
หากว่ากันด้วยเรื่องระดับการฝึกตน พวกนางล้วนอยู่ในขั้นองค์เทพด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ได้ถือว่าเก่งกาจมากนัก แต่ที่ลำบากคืออาวุธวิเศษของพวกนางมีมาก ไม่ว่าจะเสกอาวุธใดออกมาก็สามารถสังหารแม่ทัพเทพคนหนึ่งได้ทั้งสิ้น
มารมังกรน้อยมาตอนนี้ก็เริ่มเสียใจที่ตนไม่ยอมตั้งใจหลอมเม็ดเนี่ยตัน มิเช่นนั้นด้วยความสามารถของระดับพญาเทพ นางจะต้องกินพวกนางเข้าไปได้แน่!
“ดาบจันทร์มรกต!” ลูกศิษย์หญิงคนหนึ่งเสกหอคอยเทียนจีออกมา หอคอยหมุนติ้วด้วยความเร็ว พุ่งตรงมาทางมารมังกรน้อยด้วยความเร็วราวกับคมมีด
คมดามทิ่มถูกตัวมังกร จึงเกิดเป็นประกายไฟสีทองตอนกระทบกับเกล็ดมังกร หนึ่งในนั้นมีเกล็ดมังกรชิ้นหนึ่งที่ถูกกระแทกหลุดออกมา มารมังกรน้อยเจ็บจนร้องโอดโอยไม่หยุด!
ลูกศิษย์หญิงอีกคนหนึ่งเห็นเกล็ดมังกรที่เปื้อนเลือดตรงพื้น สายตาก็เป็นประกาย “มันบาดเจ็บแล้ว ศิษย์พี่หญิง ปล่อยหมอกพิษ!”
หมอกพิษทั่วไปต้องสูดดมเข้าร่างกายถึงจะได้ผล แต่หมอกพิษในมือพวกนางสามารถแทรกซึมเข้าร่างกายผ่านปากแผลได้ เนื้อตัวของมารมังกรน้อยแข็งแกร่ง ใช้อาวุธวิเศษที่สามารถสังหารแม่ทัพเทพได้แล้วก็ยังแค่ตัดเกล็ดมังกรของมันได้ชิ้นเดียวเท่านั้น หากยังฝืนสู้ต่ออาจทำให้มันหนีไปได้
เพียงแต่หมอกพิษจะทำให้เลือดมารมังกรถูกพิษไปด้วย หากธิดาเทพใช้เลือดมังกรที่มีพิษ ตนเองก็จะพลอยถูกพิษไปด้วย
ลูกศิษย์หญิงที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่หญิงมีท่าทีลังเล
ศิษย์น้องเลยบอกว่า “จับกลับไปให้ได้ก่อน แล้วค่อยแก้พิษให้มันทีหลัง!”
แก้พิษนั้นมีทางอยู่หรอก แต่การแก้พิษนั้นยุ่งยากมาก ธิดาเทพรอจนแก้พิษให้มันเสร็จไม่ไหวด้วยซ้ำ วิธีการที่เร็วที่สุดก็คือให้ธิดาเทพใช้เลือดที่มีพิษไปก่อน เสร็จแล้วค่อยแก้พิษอีกที ถึงแม้จะทำลายพลังการฝึกไปบ้าง แต่อย่างไรก็ดีกว่าสิ้นชีพมากนัก
เมื่อคิดเช่นนี้ศิษย์พี่หญิงที่เป็นหัวหน้าจึงหายลังเล นางบังคับหอคอยที่ลอยอยู่กลางฝ่ามือให้หมุนติ้วพลางดึงพลังปราณเทพออกมาจากหว่างคิ้วเพื่อปิดจมูกตนเอง
คนอื่นๆ ที่เหลือเห็นเช่นนั้นก็ต่างถอยห่างกันไปหนึ่งร้อยฉื่อ
หมอกสีดำอันหนาแน่นลอยอวลออกมาจากหอคอยไม่หยุด รอบด้านกลายเป็นสีดำมืดไปทั่ว หมอกดำส่วนหนึ่งลอยไปตรงหน้ามารมังกรน้อย มารมังกรน้อยยกกรงเล็บข้างหนึ่งขึ้นปัดหมอกดำเหล่านั้น
หมอกดำถูกปัดกระจายไปจริงๆ ไหนเลยจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวหมอกเหล่านั้นจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
หมอกดำกลุ่มใหญ่ทิ้งตัวลงบนเขามังกรของนาง นางใช้กรงเล็บเช็ดเขามังกร
หมอกดำก็ลอยตัวขึ้นโอบล้อมหางมังกรของนางไว้
นางกวัดแกว่งหางมังกร แต่ยิ่งปัด หมอกดำก็ยิ่งขยับเข้าใกล้มากขึ้น หลังจากนั้นตัวมังกรทั้งตัวของนางก็ถูกปกคลุมไว้จนมิด
ในขณะที่หมอกดำกำลังจะแทรกซึมเข้าไปในปากแผลของนาง ทันใดนั้นลมระลอกหนึ่งก็พัดโหมเข้ามาราวกับคลื่นสูง หมอกดำจำนวนนับไม่ถ้วนถูกพัดกลับเข้าไปยังหอคอย
ศิษย์พี่หญิงที่เป็นหัวหน้าถูกพลังสะท้อนกลับ ตัวชะงักค้างก่อนจะกระอักเลือดออกมาคำโต!
“ศิษย์พี่หญิง!” อีกสี่คนที่เหลือพลันหน้าถอดสี
ศิษย์พี่ที่เป็นหัวหน้าเอามือจับหน้าอกที่เจ็บเสียด มองไปรอบๆ ด้วยความระแวดระวัง “ผู้ใดกัน”
คำตอบที่นางได้คือใบมีดลมที่รูปร่างเป็นพระจันทร์เสี้ยว ใบมีดลมนั้นพุ่งมาด้วยความเร็วสูงจนทั้งห้าไม่ทันได้ตั้งตัว ถูกใบมีดลมที่หมุนติ้วเฉือนคอทันที
ทั้งห้าล้มลงไปตายตาไม่หลับกันอยู่ที่พื้น ดวงจิตตั้งต้นลอยออกจากร่างเตรียมจะหลบหนี ไหนเลยจะคิดว่าจะมีมือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นมาสะบัดตบดวงจิตตั้งต้นของพวกนางจนแหลกสลาย!
มารมังกรน้อยกะพริบตาด้วยความแปลกใจ หันมองไปรอบๆ
“ไม่ต้องหาแล้ว ข้าอยู่นี่”
นั่นเป็นน้ำเสียงบุรุษที่แสนจะรื่นหู ถึงแม้จะน่าหลงใหลสู้เสียงขอท่านเทพไม่ได้ แต่กลับให้ความรู้สึกเป็นกันเอง
มารมังกรน้อยเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงก็เห็นบุรุษในชุดสีม่วงคนหนึ่ง มือถือพัดพับหยก กำลังลอยตัวลงมาอย่างสง่าผ่าเผย
ตัวเขารูปร่างสูงใหญ่ แขนเสื้อกว้าง เส้นผมดำขลับดกหนามัดรวบอยู่ด้านหลังท้ายทอย ส่วนปลายทอดยาวไปถึงพื้น
เขาใช้พัดบังใบหน้าครึ่งหนึ่งของตนไว้ เผยให้เห็นเพียงดวงตาที่สามารถล่อลวงวิญญาณได้
ดวงตาคู่นั้นระยิบระยับแพรวพราวราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า มากล้นด้วยแรงดึงดูดจนคล้ายว่าสามารถชักพาเอาวิญญาณของคนที่พบเห็นไปได้
มารมังกรน้อยเอียงคอมอง “หือ?”
“ไม่ถูกมอมเมาเลยหรือนี่” บุรุษผู้นั้นพึมพำด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเดินช้าๆ เข้าไปหามารมังกรน้อย
มารมังกรน้อยดันพัดเขาออกจึงเห็นใบหน้าที่หล่อเหลากระชากวิญญาณ
ท่านเทพเป่ยไห่หรี่ตารูปดอกเถาคู่งาม “พอใจกับสิ่งที่เจ้าได้เห็นรึไม่”
มารมังกรน้อยก้าวถอยหลังอย่างระวังตัว สีหน้าฉายแววอันตราย แยกเขี้ยวยิงฟันขณะถลึงตามองเขา
หน้าตามารมังกรน้อยยังคงเต็มไปด้วยความระวังเนื้อระวังตัว
เทพเป่ยไห่เดินยิ้มเข้าไปหา ยื่นมือที่เรียวยาวประหนึ่งหยกไปจะลูบศีรษะมารมังกรน้อย มารมังกรน้อยปัดทิ้งทันที!
มือของเทพเป่ยไห่แข็งค้างอยู่กลางอากาศ แต่กลับไม่ขุ่นเคือง แค่เพียงแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ “เจ้าไม่ต้องระวังตัวเพียงนี้ ข้ามาเพื่อช่วยเจ้า ข้าไม่กลัวที่จะบอกเจ้าด้วยว่าข้านี่แหละ คือเทพเป่ยไห่”
ศัตรูของเสี่ยวซิว!
ตามตัวมารมังกรน้อยพลันมีไอสังหารอันรุนแรงแผ่ออกมา!
เทพเป่ยไห่ยกมุมปากขึ้น “เรื่องระหว่างข้ากับเขาไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด ในใจข้าแล้วไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับเขา แต่ข้าไม่มีทางเลือก ศาลเทพสวรรค์ต้องการจับตัวเขา ต่อให้ข้าไม่ไปก็ต้องมีคนอื่นไปจับเขาอยู่ดี หากเป็นคนอื่นก็ไม่แน่ว่าจะยั้งมือเช่นข้า”
เหอะ นี่เจ้ายังยั้งมือด้วยหรือ เจ้าจับตัวน้องชายของเสี่ยวซิวไป เวลานี้ยังจะมาหลอกล่อมังกรน้อยของเสี่ยวซิวไปอีก!
ช่างกล้าพูดนะ!
มารมังกรน้อยหันหน้าหนีด้วยความขุ่นเคือง!
เทพเป่ยไห่ประหนึ่งว่าเข้าใจความคิดอ่านของนาง ผายมือออกด้วยความจนใจ “เจ้าไม่เชื่อข้าก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เจ้าฉลาดเพียงนี้น่าจะมองออกว่า ด้วยความสามารถของข้า หากคิดจะจับตัวคุณชายใหญ่ตำหนักเมฆาที่ดวงจิตตั้งต้นไม่สมบูรณ์คนหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย”
มารมังกรน้อยเชิดหน้าขึ้น ใช่แล้ว! ข้าฉลาดมากจริงๆ!
เทพเป่ยไห่เอ่ยว่า “เพราะงั้นเจ้าดูสิ ภายนอกข้าเหมือนตามจับพวกเจ้า แต่เอาเข้าจริงข้าคอยปกป้องพวกเจ้าอย่างลับๆ มาตลอด”
มารมังกรน้อยหันมองศพบนพื้น ปากมังกรยื่นเล็กน้อย ไม่ส่งเสียงตอบ
เทพเป่ยไห่เอ่ยถาม “เจ้าชอบเจ้าตำหนักเมฆาหรือไม่”
ชอบสิ แต่เขาไม่ชอบข้า
แววตามารมังกรน้อยดูเศร้าลง หันหลังไปกอดหางน้อยๆ ของตนอย่างน่าสงสาร
เทพเป่ยไห่มองแผ่นหลังของนางพลางเอ่ยเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “เจ้าดีกับเขามากเขา เขาย่อมชอบเจ้าเอง อันที่จริงข้าไร้หนทางลบล้างความผิดให้เจ้าตำหนักเมฆา แต่ข้าจำเป็นต้องได้ของบางอย่างจากตัวเจ้า”
ของอะไร
มารมังกรน้อยหันกลับไปด้วยความฉงน