ตอนพิเศษ 75-2 ทำร้ายธิดาเทพ มารมังกรน้อยภูมิใจ (1)
แต่ไห่คงจื่อไม่ได้สวามิภักดิ์ต่อท่านเทพเพราะต้องการช่วยน้องชายเขา เขาอยากลบล้างมลทิน อยากเดินอยู่ในแดนเทพได้อย่างผ่าเผย ในใจของเขา การทำให้ท่านเทพพ้นผิดต่างหากที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
พอคิดอะไรได้ไห่คงจื่อก็เอ่ยต่อว่า “ใช่สิ ท่านเทพ ข้ายังมีอีกเรื่องที่ไม่เข้าใจ”
“เรื่องอะไร” หมิงซิวถาม
ไห่คงจื่อ “พวกเราทุกคนล้วนถูกกฎของคูเมืองสวรรค์กดพลังฝึกตนไว้ แล้วเหตุใดท่านถึงสามารถใช้พลังปราณเทพได้”
หมิงซิวเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “กฎเกณฑ์นั้นดูเหมือนจะไม่เป็นผลกับข้า”
ไห่คงจื่อสูดหายใจเฮือก “เมื่อก่อนก็ไม่เป็นผลหรือ”
หมิงซิวส่ายหน้า “เมื่อก่อนข้าไม่เคยลอง เลยไม่แน่ใจ”
อีกด้านหนึ่งมารมังกรน้อยไม่ยอมหลอมเม็ดเน่ยตันดีๆ นางยื่นศีรษะออกมาจากซอกประตูเพื่อชะเง้อมองเข้ามาในลาน
หมิงซิวเอ่ยกับไห่คงจื่อว่า “ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่”
ไห่คงจื่อเห็นว่าบนใบหน้าของหมิงซิวเริ่มมีแววลุกลน ก็รู้ว่าเขาคิดจะจับตัวมังกรน้อยกลับไปฝึกต่อ จึงไม่รั้งตัวเขาไว้อีกจึงเอ่ยว่า “ไม่มีแล้ว ข้าขอตัวก่อน” เสร็จก็ยกเท้าเดินออกจากเรือนไป
พอเดินไปถึงหน้าประตูเขาก็หยุดฝีเท้าลงอีกครั้ง เขาหันมาเรียหมิงซิวที่กำลังจับหางมารมังกรขึ้นมา “ท่านเทพ มีเรื่องที่เกี่ยวกับธิดาเทพ”
หมิงซิวโยนมารมังกรน้อยกลับขึ้นเตียง ส่วนตนสาวเท้าเข้ามาหาไห่คงจื่อ “มีเรื่องอะไร”
ไห่คงจื่อบอกว่า “เมื่อสองหมื่นปีก่อน ตอนเกิดเรื่องกับท่าน นางยังไม่ใช่ธิดาเทพ เรื่องนี้ท่านคงยังจำได้”
หมิงซิวตอบอื้อคำหนึ่ง “ข้าจำได้ แล้วอย่างไร”
ไห่คงจื่อพูดต่อว่า “เช่นนั้นท่านรู้หรือไม่…ว่าเหตุใดนางถึงได้มาเป็นธิดาเทพ”
“เพราะเหตุใด”
“เทพเป่ยไห่”
…
ในตำหนักที่เต็มไปด้วยเพชรพลอย ไอปราณอุดมสมบูรณ์และอบอวลด้วยไอเทพ
เสวี่ยหลันอีนอนด้วยความเจ็บปวดอยู่บนเตียงหยกสีนิลที่สามารถรักษาบาดแผลได้ เดิมทีบาดแผลภายนอกเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เตียงหยกสีนิล ตนก็สามารถรักษาให้หายเองได้ แต่วันนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น บาดแผลที่เหวอะหวะคล้ายต้องคำสาป ทำอย่างไรก็ไม่ยอมหาย!
นางเจ็บจนเครื่องในแทบจะฉีกขาด
นางเคลื่อนพลังปราณเทพ ตั้งใจจะรักษาบาดแผลให้ตนเอง แต่ก็ยังคงไม่เป็นผล นางหยิบขวดยาเซียนมาเทยาเข้าปากไปเม็ดหนึ่ง แต่ก็ยังคงไม่ส่งผลใดๆ เช่นเดิม
“ไม่ต้องลองแล้ว ไม่หายหรอก”
น้ำเสียงที่แสนเย้ายวนใจดังขึ้นด้านหลังเสวี่ยหลันอี
น้ำเสียงนี้คุ้นหูเป็นอย่างยิ่ง หัวใจของเสวี่ยหลีนอีพลันกระตุก หันขวับไปมองก็เห็นบุรุษในอาภรณ์หรูหราสีม่วง มือถือพัดเล่มหนึ่ง เดินเข้ามาหาทางพร้อมลมที่พัดโชยอ่อน
บุรุษผู้นั้นแย้มยิ้มเล็กน้อย “ทำไม ไม่ได้พบหน้าไม่กี่วันก็จำข้าไม่ได้แล้วหรือ วันนี้เจ้าไม่ได้คิดจะไปเยี่ยมคารวะแล้วล่อข้าออกไปจากหอคอยผนึกปีศาจหรือ เหตุใดถึงเงียบเสียแล้ว ข้าพูดถูกสิท่า”
เสวี่ยหลันอีเอ่ยเสียงแข็งว่า “ท่านเทพเป่ยไห่ นี่เป็นตำหนักนอนของธิดาเทพ ท่านโปรดสำรวมด้วย อย่าได้บุกเข้ามาโดยพลการ!”
เทพเป่ยไห่เอ่ยเยาะหยันนาง “เจ้าว่าคุ้มหรือไม่ที่ทุ่มเททำเพื่อเขาแต่สุดท้ายเจ้าได้อะไร เจ้ารู้จักเขามานับหมื่นๆ ปี เขาเพิ่งรู้จักมังกรน้อยนั่นได้กี่เดือน ชั่วเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือนเขาก็ลืมเจ้าไปหมดแล้ว ข้าล่ะเสียใจแทนเจ้าจริงๆ”
เสวี่ยหลันอีกำหมัดแน่น “หากเจ้าต้องการมาเยาะเย้ยข้า เช่นนั้นตอนนี้เจ้ากลับไปได้แล้ว”
เทพเป่ยไห่ค่อยๆ ก้าวเข้ามาหานาง “เจ้าทนรออยู่สองหมื่นปี แต่กลับไม่รู้เลยว่าเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ในแดนล่าง”
คำพูดแต่ละทำของเทพเป่ยไห่ทิ่มแทงเข้าที่หัวใจ สีหน้าเสวี่ยหลันอีดูย่ำแย่เต็มที “เจ้ามาทำอะไรกันแน่!”
เทพเป่ยไห่เอ่ยกลั้วหัวเราะ “ข้ามารักษาแผลให้เจ้าอย่างไร ถึงแม้ตอนนั้นเจ้าจะปฏิเสธข้า หนำซ้ำเพื่อหลบเลี่ยงการแต่งงานกับข้า เจ้ายังมาเป็นธิดาเทพที่ไม่อาจแต่งงานได้ตลอดชีวิต แต่ไม่เป็นไร ข้ามีความอดทนพอที่จะรอเจ้า”
เสวี่ยหลันอีมองเขาด้วยสายตาดุดัน
เทพเป่ยไห่เอ่ยด้วยสีหน้าใสซื่อ “อย่ามองข้าเช่นนี้ ข้ามาช่วยเจ้าด้วยใจจริง แผลที่เจ้าถูกมังกรน้อยนั่นทำร้าย มังกรน้อยกลืนกินสัตว์น้ำวิเศษลงไป ซ้ำยังผสมกับเลือดของท่านเทพกับวิหคเฟิ่งหวงเข้าไปอีก แผลที่เกิดจากนาง เจ้าไม่อาจใช้วิชาเวทย์รักษาได้”
เสวี่ยหลันอีเอ่ยอย่างหยิ่งผยอง “ธิดาเทพอย่างข้าใช้วิชาเวทย์รักษาไม่ได้ แล้วเจ้าทำได้หรือ”
เทพเป่ยไห่นั่งลงที่ข้างเตียงนาง นางมองอีกฝ่ายด้วยความระแวดระวัง เขาคลี่ยิ้มบาง หยิบขวดหยกสีแดงสดออกมาอันหนึ่ง “เจ้ายังจำเรื่องเมื่อสองร้อยปีก่อนได้หรือไม่ เมื่อครั้งเจ้าก่อร่างใหม่ให้รั่วเอ๋อร์เจ้าเคยใช้โลหิตมารมังกรใช่หรือไม่ ตอนนั้นเจ้าใช้ไปเพียงครึ่งหยด ยังเหลืออีกครึ่งหยดอยู่กับข้า”
เสวี่ยหลันอีกำมือแน่น “เจ้าอยากได้อะไร”
เทพเป่ยไห่เอ่ยออกไปตรงๆ “ค่ำคืนยามวสันต์ช่างล้ำค่า หากธิดาเทพตอบตกลง ข้าก็จะเอาโลหิตมารมังกรนี้ให้ธิดาเทพ”
นัยน์ตาเสวี่ยหลันอีฉายแววรังเกียจอย่างรุนแรง “ข้าสังหารเจ้ามังกรจิ๋วนั่นได้ ก็จะได้โลหิตมารมังกรมาเช่นกัน!”
“เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเจ้าจะฆ่าได้หรือไม่” เทพเป่ยไห่เก็บขวดหยกนั้นกลับไป ปลายนิ้วแตะเบาๆ ที่ปลายคางงามพลางเอ่ยกลั้วหัวเราะอย่างมีนัยยะ “วันใดที่คิดได้แล้ว เจ้ารู้ว่าต้องไปหาข้าที่ไหน แต่ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อน เลือดของข้านั้นรอได้ แต่แผลของเจ้ารอไม่ได้ ตัดสินใจเร็วๆ หน่อยก็แล้วกัน ถึงอย่างไร… ก็ไม่ใช่ครั้งแรกอยู่แล้ว”
…
ภายในเรือนหลักของดินแดนลับ มารมังกรน้อยถูกคว้าตัวไว้อีกครั้ง ขั้นตอนในการหลอมเม็ดเน่ยตันนั้นยากเย็นแสนเข็ญเสียยิ่งกว่าอะไร สำหรับมารมังกรน้อยที่ไม่เคยฝึกตนมาก่อนแล้วเรียกได้ว่าเป็นการทรมานอย่างหนึ่งเลยทีเดียว
แต่จะไม่หลอมออกมาก็ไม่ได้ เม็ดเน่ยตันของสัตว์น้ำวิเศษไม่ใช่สิ่งที่ตัวมารมังกรน้อยสามารถดูดซับเองได้ พลังฝึกตนของมันอยู่เหนือกว่ามารมังกรน้อยมาก มารมังกรน้อยจำเป็นต้องหลอมออกมาก่อนถึงจะดูดซับมันได้
หมิงซิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งครัด “ตั้งใจหลอมหน่อย”
มารมังกรน้อยกรอกตาขึ้นฟ้า กวัดไกวหางตนเองด้วยท่าทางไม่ยี่หร่ะ
หมิงซิวถอนหายใจ “เชื่อฟังหน่อย ดูดซับพลังฝึกตนของมันเสีย แผลภายในของเจ้าจะได้หายดี ไม่เพียงเท่านั้น เจ้ายังจะเก่งกาจกว่าแต่ก่อนด้วย”
เดิมทีนางก็เก่งกาจมากอยู่แล้วหรอก!
มารมังกรน้อยไม่อินังขังขอบ
ท่านเทพถึงกับก่ายหน้าผาก เจ้ามารมังกรน้อยตัวนี้จะทำให้เขาโมโหตายจริงๆ
“เจ้ารู้หรือไม่หากเป็นคนอื่นกินเม็ดเน่ยตันของสัตว์น้ำวิเศษโบราณเข้าไป ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ร่างกายของพวกเขาจะทนรับพลังที่แข็งแกร่งเพียงนี้ไม่ได้ จะร่างระเบิดแตกและแหลกสลายไปเดี๋ยวนั้น เจ้าดูสิว่าเจ้าเก่งกาจเพียงใด หือ?”
มารมังกรน้อยชูหางด้วยความภูมิใจ