ตอนพิเศษ 75-1 ทำร้ายธิดาเทพ มารมังกรน้อยภูมิใจ (1)
ภาพที่เลือดสาดนี้ทำให้ลูกตาทุกคนเกือบถลนออกมา ไม่ใช่ว่าพวกเขานึกกลัวสักเท่าไร แต่พวกเขาตกใจเกินไป ความน่าเกรงขามของธิดาเทพในเผ่าเทพแทบจะเทียบเคียงกับจอมเทพได้ นางยิ่งใหญ่ถึงขั้นแค่เอ่ยชื่อก็สามารถทำให้คนเผ่าเทพรู้สึกหวาดกลัวได้ ไม่มีใครคาดดิดว่าอยู่มาวันหนึ่งธิดาเทพจะถูกคนทำร้ายจนล้มลงต่อหน้าพวกเขา และผู้ที่ทำร้ายธิดาเทพก็เป็นมังกรน้อยตัวหนึ่งเสียด้วย
เหตุใดมังกรน้อยต้องทำร้ายนาง
ทุกคนถูกวิหคเฟิ่งทองสะบัดตกไปหมดแล้ว เวลานี้มีพลังปราณเทพของท่านเทพโอบอุ้มเอาไว้
ในตอนที่มารมังกรน้อยโจมตีใส่เสวี่ยหลันอี หมิงซิวเอามือปิดตาอวิ๋นเชียนรั่วไว้ อวิ๋นเชียนรั่วไม่เข้าใจสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น นางได้ยินเพียงเสียงร้องโหยหวนของเสวี่ยหลันอี นางจึงถามด้วยความเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้นกับพี่หญิงเสวี่ยหรือ”
หมิงซิวไม่ได้ตอบนาง
ทุกคนจึงยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ ท่านเทพกับธิดาเทพมีความสัมพันธ์ต่อกันเพียงบางเบาอย่างนั้นหรือ เหตุใดเขาถึงเมินเฉยต่อเหตุการณ์ตรงหน้าได้
มีเพียงสีหน้าจู๋อีที่พอจะมีแวววูบไหวอยู่บ้าง
ไห่คงจื่อเหลือบมองจู๋อีที่อยู่ข้างกายด้วยสีหน้าเรียบเฉย ชั่วขณะนั้นเขาดูเหมือนจะเข้าใจบางอย่าง
เสวี่ยหลันอีบาดเจ็บหนักมาก นี่ยังเป็นเพราะตอนมารมังกรน้อยสู้กับสัตว์น้ำวิเศษ นางใช้พลังปราณมากเกินไป มิเช่นนั้นกรงเล็บที่ตวัดเข้าใส่เมื่อครู่คงทำให้ร่างเสวี่ยหลันอีแหลกเป็นสองท่อนไปแล้ว แต่กระนั้นสภาพของเสวี่ยหลันอีในเวลานี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าขาดสองท่อนสักเท่าไร ท้องของนางแทบจะไม่เหมือนของตนเองแล้ว
คราแรกนางยังรู้สึกผิดที่ตนทำร้ายเฉียวเวยเวย เวลานี้ดูแล้ว นางคิดมากเกินไปเองจริงๆ นางจะรู้สึกผิดไปไย นางแค่เพียงโกรธตนเองที่ไม่สามารถสังหารนางได้ในคราเดียว!
เสวี่ยหลันอีอดทนกับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่คล้ายจะเอาชีวิตนาง นางจับท้องไส้ที่ทะลักออกมากลับเข้าท้องตน นางรวดร้าวแทบจะสิ้นลม “วิหคทอง ฆ่านางเสีย!”
วิหคทองเป็นเจ้าแห่งเวลา การจะเล่นงานมังกรน้อยที่แทบไม่เหลือพลังปราณอยู่แล้วจึงนับว่าง่ายราวกับปลอกกล้วย
แต่กระนั้นที่ทำให้เสวี่ยหลันอีประหลาดใจก็คือ วิหคเฟิ่งทองห้าสีกลับไม่ขยับตัว
“วิหคทอง ข้าสั่งให้เจ้าฆ่านาง!” นางเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงดุดันอีกครั้ง
วิหคเฟิ่งทองกลับยังคงไม่ลงมือกับเฉียวเวยเวยเสียที
“นี่เป็นเพราะเหตุใดกัน” ไห่คงจื่อนึกฉงน
หมิงซิวเอ่ยด้วยสีหน้าสบายๆ ว่า “ในตัวนางมีเลือดของนกเฟิ่งหวง วิหคเฟิ่งทองได้กลิ่นอายของพวกเดียวกัน จึงทำใจลงมือกับนางอย่างโหดร้ายไม่ได้”
มังกรน้อยตัวนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ถึงได้มีเลือดของนกเฟิ่งหวงอยู่ในตัวได้
วิหคเฟิ่งทองสังหารมารมังกรน้อยไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้มารมังกรน้อยสังหารผู้เป็นนายของตนเช่นกัน มันส่งเสียงร้องด้วยความลำบากใจ กระพือปีกพาเสวี่ยหลันอีที่หายใจรวยรินออกไปจากตรงนั้น
มารมังกรน้อยคำรามเสียงก้อง คิดจะไล่ตามเสวี่ยหลันอีไป
หมิงซิวเหาะเข้ามา คว้าหางเล็กๆ ของนางไว้ “อย่าไล่ตามคนที่หมดทางสู้”
มารมังกรน้อยไม่ยอม กรงเล็บทั้งสี่ตะกายไม่หยุด คิดจะสลัดให้หลุดจากมือของหมิงซิว
หมิงซิวเคาะหน้าผากเล็กๆ ของนาง “ธิดาเทพถูกกฎเกณฑ์ในคูเมืองสวรรค์กดพลังฝึกตนเอาไว้ เมื่อใดก็ตามที่ออกจากคูเมืองสวรรค์ พลังฝึกตนของนางก็จะฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว ถึงเวลานั้นอย่าว่าแต่เจ้าเลย น่ากลัวว่ากระทั่งข้าก็คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง”
มารมังกรน้อยเก็บศีรษะและกรงเล็บของตนกลับมา ตัวห่อเหี่ยวอย่างไม่ยินยอม
คูเมืองสวรรค์เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่เพียงสัตว์น้ำวิเศษที่ตายแล้ว ผิวน้ำยังถูกแช่แข็งอีก เชื่อว่าอีกไม่นานเทพเป่ยไห่จะได้รู้ข่าวนี้และรีบตามมาที่นี่
หมิงซิวหันไปเพ่งมองทางหอคอยผนึกปีศาจ สายตาค่อยๆ เยือกเย็นลง “พวกเรากลับกันก่อน วันหน้าค่อยมาช่วยอาเยี่ยอีกที”
แผนการช่วยอาเยี่ยจึงเป็นอันต้องพับไป หมิงซิวให้มารมังกรน้อยแปลงร่างพาทุกคนออกไปจากคูเมืองสวรรค์ มารมังกรน้อยไม่ยอม กรงเล็บน้อยๆ เกาะอยู่ที่คอหมิงซิวแน่น
หมิงซิวทำอะไรไม่ได้ จำต้องใช้พลังปราณเทพพาทุกคนเหาะออกไปจากคูเมืองสวรรค์เอง
คนของเทพเป่ยไห่ไม่ได้ไล่ตามมา
พอออกจากคูเมืองสวรรค์ มารมังกรน้อยก็ไม่ต้องการหมิงซิวอีก ไม่ว่าหมิงซิวจะงอนง้ออย่างไรก็ไม่สนใจ
มุมปากหมิงซิวกระตุกไม่หยุด นิสัยใช้ประโยชน์เสร็จก็โยนทิ้งเช่นนี้…ใครสอนกัน
หลังออกจากคูเมืองสวรรค์ หมิงซิวพาทุกคนไปยังดินแดนลับในป่าลึกที่เขาค้นพบโดยบังเอิญเมื่อสองหมื่นปีก่อน ทางเข้าของดินแดนลับแห่งนี้เป็นหนองน้ำที่ปกคลุมด้วยไอพิษหนาแน่น เมื่อดำลงไปในหนองน้ำแล้วก็จะถึงแดนสวรรค์ที่เต็มไปด้วยพลังปราณอันอุดมสมบูรณ์
หลังจากเฉียวเวยเวยกินสัตว์น้ำวิเศษเข้าไปแล้ว พละกำลังนางก็ดีขึ้นมาก แต่เม็ดเน่ยตันของสัตว์น้ำวิเศษยังไม่ถูกดูดซับไปจนหมด ไว้รอให้ดูดซับจนหมดแล้ว บาดแผลของนางก็จะหายดี
หมิงซิวเตรียมห้องที่เงียบสงบให้กับนาง ให้นางได้หลอมเอาเม็ดเน่ยตันของสัตว์วิเศษน้ำเงียบๆ
หมิงซิวปิดประตูให้นาง ในขณะที่กำลังจะกลับห้องไปดูอวิ๋นเชียนรั่วนั้น ไห่คงจื่อก็เข้ามาหา
“ท่านเทพ” ไห่คงจื่อทำความเคารพอย่างนอบน้อม
หมิงซิวเหลือบมองประตูที่ปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง เสียงที่เปล่งออกมากดให้เบาลงเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว “มีเรื่องอะไร”
ไห่คงจื่อทำมือบอก “ท่านเทพ ขอเชิญหลบออกมาหน่อย”
หมิงซิวไปที่ลานกับเขา แต่ไม่ได้เดินไปไกลนัก ตั้งใจยืนอยู่ในจุดที่เฉียวเวยเวยลืมตาขึ้นมาแล้วต้องมองเห็นแผ่นหลังของเขา
“มีเรื่องะไรกันแน่” เขาถามไห่คงจื่อ
ไห่คงจื่อ “ข้าอยากถามตั้งแต่ตอนอยู่ที่คูเมืองสวรรค์แล้ว ท่านเทพบอกว่ายอดฝีมือที่ถูกขังอยู่ใต้คูเมืองสวรรค์ไม่ใช่สัตว์น้ำวิเศษ แต่เป็นอีกคนหนึ่ง เรื่องนี้ดูเหมือนกระทั่งธิดาเทพก็ยังไม่รู้ ท่านเทพรู้ได้อย่างไร”
หมิงซิวเอ่ยอย่างใช้ความคิด “นึกขึ้นมาได้ระหว่างทางไปคูเมืองสวรรค์”
ไห่คงจื่ออึ้งไป “นึกขึ้นมาได้ที่ความหมายคือ… ท่านเทพรู้อยู่ก่อนแล้ว?”
หมิงซิวส่ายหน้า “หามิได้ เมื่อเช้าตอนวางแผนจะช่วยอาเยี่ย ข้าก็เหมือนกับพวกเจ้าที่คิดว่าสิ่งที่ถูกผนึกอยู่ใต้คูเมืองสวรรค์คือสัตว์น้ำวิเศษตัวหนึ่ง แต่ตอนที่ข้าสลัดองครักษ์เทพกลุ่มนั้นหลุดและกำลังรีบจะไปรวมตัวกับพวกเจ้านั้น จู่ๆ ในหัวข้าก็มีเรื่องนี้ผุดขึ้นมา”
“คนผู้นั้นเป็นใครหรือ” ไห่คงจื่อถามต่อ
หมิงซิวส่ายหน้า “ไม่รู้ ข้าจำไม่ได้แล้ว”
ไห่คงจื่อคาดเดาว่า “บางทีอาจเพราะท่านเทพจากไปนานเกินไป จึงมีหลายเรื่องที่จำไม่ได้แล้ว”
หมิงซิวพยักหน้า “ก็อาจจะเป็นเช่นนั้น ตอนข้ากลับมายังเผ่าเทพแรกๆ กระทั่งตราพญาเทพคืออะไรข้าก็ยังนึกไม่ออก ต้องรู้ก่อนว่า ตราพญาเทพเป็นสิ่งที่ตำหนักเมฆาของพวกเราเก็บรักษากันมารุ่นสู่รุ่น”
ไห่คงจื่อรู้ว่าท่านเทพถูกคนไล่ทำร้ายก็เพราะตราพญาเทพอันนี้ หากคิดจะทำให้ท่านเทพพ้นผิด ก็จำเป็นต้องหาตราพญาเทพที่สูญหายไปสองหมื่นปีให้เจอ แต่ด้วยนิสัยของท่านเทพดูเหมือนจะรีบร้อนอยากช่วยน้องชายของตนมากกว่า