ตอนพิเศษ 74-1 โหดร้ายเช่นนี้เอง! ธิดาเทพใจโฉด
ชั่วขณะที่เฉียวเวยเวยตกลงไปจริงๆ นั้น หน้าอกของเสวี่ยหลันอีคล้ายถูกท่อนไม้ขนาดใหญ่กระแทกเข้าอย่างจัง จากนั้นนางก็พลันได้สติ มองแขนเสื้อที่ฉีกขาดอย่างไม่อยากเชื่อ แล้วหันกลับไปมองเฉียวเวยเวยที่ตกลงสู่วังน้ำวันอีกครั้ง ความรู้สึกผิดอย่างรุนแรงประดังประเดเข้ามาในจิตใจ
นางไม่อยากเชื่อว่าตนถึงขั้นก่อกรรมทำเข็ญกับเด็กสาวที่ไร้พิษสงคนหนึ่ง นางเป็นธิดาเทพแห่งเผ่าเทพ เป็นที่พึ่งของคนทั้งเผ่าเทพ เหตุใดนางถึง เหตุใดถึง…
นางต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!
เสวี่ยหลันอีหน้าซีดไปหมด
ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ นางหันขวับไปมองทางจู๋อีกับอวิ๋นเชียนรั่ว อวิ๋นเชียนรั่วถูกจู๋อีบังไว้จนมิด ส่วนจู๋อีก็กำลังก้มหน้า ประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นกระนั้น
เสวี่ยหลันอีสายตาพลันเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว พุ่งตัวตามเฉียวเวยเวยที่ตกลงไปด้วยความเร็วสูง
แต่แทบจะในชั่วขณะเดียวกัน เฉียวเวยเวยตกลงไปในคูเมืองสวรรค์ และถูกน้ำวนกลืนตัวไปอย่างไร้ปราณี
เสวี่ยหลันอีพุ่งตัวลงไปไม่ได้ จู๋อีเหวี่ยงตัวอวิ๋นเชียนรั่วขึ้นไปบนหลังวิหคเฟิ่งหวง แล้วยื่นมืออีกข้างไปคว้านางไว้
คว้ามองจู๋อีด้วยความอึ้งงัน
จู๋อีหลุบตาลง “ช่วยไม่ได้หรอก สายน้ำของคูเมืองสวรรค์ กระทั่งน้ำหนักของขนนกสักเส้นยังทนรับไม่ได้ ท่านไม่มีพลังฝึกตนแล้ว ลงไปมีแต่ตายกับตาย เกิดเรื่องไปคนหนึ่งแล้ว อย่าให้มีคนที่สองอีกเลย”
เสวี่ยหลันอีตะลึงค้าง ไม่รู้ตกใจที่นักโทษหญิงจากหุบเขาซือกั้วคนหนึ่งจะรู้เรื่องมากเพียงนี้ หรือว่าตกใจที่ในสถานการณ์ระหว่างความเป็นความตายเช่นนี้ นางยังเยือกเย็นและสงบนิ่งได้เพียงนี้
ส่วนอีกด้านหนึ่ง พวกไห่คงจื่อก็ได้ยินเสียงบางอย่างตกน้ำเช่นกัน
ไห่คงจื่อเป็นคนแรกที่จับขาวิหคเฟิ่งหวงไว้ได้ ด้านล่างเขามีคนเกาะอยู่อีกนับสิบคน เขาขยับตัวไม่ได้
กลับเป็นหูซื่อไห่ที่โก่งคอตะโกนว่า “ใคร ใครตกลงไป”
คนที่เกาะอยู่ด้านล่างสุดบอกว่า “ไม่ใช่ข้า ไม่ใช่ฝั่งพวกเรา!”
ไม่ใช่พวกเขา หรือว่าจะเป็นทางสตรีเหล่านั้น
หูซื่อไห่เรียกเสียดัง “จู๋อีตกลงไปใช่หรือไม่ หากเป็นนางตกลงไปข้าก็เบาใจแล้ว!”
นอกจากจู๋อี อีกสามคนที่เหลือเป็นบุคคลสำคัญกันทั้งสิ้น ไม่ว่าใครก็ตกลงไปไม่ได้
จู๋อีโมโหจนอยากหัดเขาให้สักที “ตกบ้านป้าเจ้าสิ! ข้าอยู่ของข้าดีๆ! เวยเวยต่างหากที่ตกลงไป!”
เวยเวย… สหายคนสนิทของใต้เท้าเทพ?!
ทุกคนพากันเย็นวาบ
พวกเขาไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับเสวี่ยหลันอี รู้เพียงว่าเจ้าสัตว์วิเศษตัวนั้นดุดันและอันตรายเกินไป ถึงกับซัดแม่นางคนหนึ่งจนตกลงไปทั้งอย่างนั้น
ในขณะที่ทุกคนกำลังใช้ความคิดแต่ยังหาทางช่วยแม่นางน้อยขึ้นมาไม่ได้นั้น บุรุษร่างกำยำก็ร้องตะโกนขึ้นมา “อ๊ากๆๆ… องครักษ์เทพตามมาแล้ว!”
ทุกคนมองตามเสียงไป แล้วก็ได้เห็นนกเหยี่ยวในชุดเกราะโผบินออกมาจากหมู่เมฆดำ แน่นอนว่านี่ย่อมไม่ใช่นกเหยี่ยวทั่วไป แต่เป็นนกเหยี่ยวเทพที่อยู่ทางเหนือของเป่ยไห่ หลังจากถูกล่ามาทำให้เชื่องแล้ว ก็มามาเป็นพาหนะให้กับเหล่าเทพ
องครักษ์เทพเหยี่ยวมักไม่ออกมาปฏิบัติการตัวเดียว
ชายร่างกำยำกระตุกแขนเสื้อหูซื่อไห่ หน้าตาเหลอหลา “เอ๋? มีนกเหยี่ยวตัวเดียวหรือ มีแค่องครักษ์เทพมาเพียงคนเดียวงั้นหรือ”
ไห่คงจื่อพลันตาเป็นประกาย “ไม่ใช่องครักษ์เทพ นั่นคือใต้เท้าเทพ!”
หมิงซิวหลังจากล่อองครักษ์เทพกลุ่มนั้นไปแล้วเขาก็จัดการคนหนึ่งตกลงไปสำเร็จแล้วแย่งพาหนะของเขามา แล้วพาบินทะยานมายังคูเมืองสวรรค์
ความเร็วในการหลีกหนีออกมาของเขาทำให้ทุกคนพูดไม่ออก ดูท่าคงยังไม่เจอกับท่านเทพเป่ยไห่ ถึงได้รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
เสวี่ยหลันอีมองเขาด้วยความละอายใจ ไม่รู้จะอธิบายให้เขาฟังอย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฉียวเวยเวย แต่ครั้นสายตาคมกล้าของเขากวาดมองมาที่นาง นางก็แทบจะเอ่ยออกไปตามสัญชาตญาณว่า “เวยเวยตกลงไปแล้ว! ข้าไม่ดีเอง! ข้าจับนางไม่อยู่! ข้าจะไปช่วยนางเดี๋ยวนี้! ต่อให้ข้าร่างแหลกกระดูกหักเป็นชิ้นๆ ข้าก็จะต้องช่วยนางขึ้นมาให้ได้!”
เสวี่ยหลันอีเอ่ยจบก็จะกระโดดลงน้ำไปอีกครั้ง แต่กระนั้นครั้งนี้นางก็ยังถูกคนคว้าตัวเอาไว้อีก คนที่คว้าตัวนางไว้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นท่านเทพที่สีหน้าเย็นยะเยือกนั่นเอง
สีหน้าของท่านเทพเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกจนแทบจะแช่แข็งสัตว์วิเศษตัวหนึ่งได้ตั้งแต่ชั่วขณะที่หาตัวเฉียวเวยเวยไม่เจอแล้ว เขาไม่พูดอะไรสักคำ แค่เพียงจับข้อมือเสวี่ยหลันอีไว้แน่น
เสวี่ยหลันอีพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นในหัวใจ เขาเป็นห่วงนาง เขาทำใจเห็นนางเอาชีวิตเข้าแลก…
ในตอนนั้นทุกคนที่ห้อยต่องแต่งอยู่ด้านล่างตัววิหคเฟิ่งหวงกำลังปีนขึ้นมาบนหลังนกทีละคน บุรุษร่างกำยำก้มลงไปมอง พอเห็นบางอย่างก็ร้องตะโกนขึ้นทันที “อ๊า! พวกเจ้าดูสิ! เวยเวยยังไม่ตาย! นางว่ายขึ้นมาแล้ว!”
ขนตาเสวี่ยหลันอีสั่นระริก!
ก่อนหน้านี้นางนึกเสียใจมากเพียงใด เวลานี้ยิ่งนึกกลัวว่าหากนางรอดมาได้จะกลับขึ้นมาเปิดโปงนาง!
ภายในน้ำวนที่ถูกสัตว์น้ำวิเศษกวนขึ้นมานั้น เฉียวเวยเวยโผล่ศีรษะกลมกลึงของตนขึ้นมา ไม่มีใครรู้ว่านางทำได้อย่างไร เพราะถึงอย่างไรด้วยพละกำลังของสัตว์น้ำวิเศษก็ไม่มีทางที่เด็กสาวไร้พลังฝึกตนคนหนึ่งจะสามารถต่อสู้ได้
“ต่อให้ธิดาเทพตกลงไปยังว่ายขึ้นมาไม่ได้… อ๊า!” ระหว่างที่บุรุษร่างกำยำพึมพำอยู่นั้นก็ถูกหูซื่อไห่ถองศอกเข้าให้ทีหนึ่ง
หูซื่อไห่ถลึงตาใส่เขา เล่นเอาอีกฝ่ายนึกกลัวจนหุบปากฉับ
แต่ประโยคเมื่อครู่ก็ยังลอยไปเข้าหูเสวี่ยหลันอีอยู่ดี
ถึงแม้จะไม่อยากยอบรับ แต่บุรุษผู้นั้นก็กล่าวได้ถูกต้อง ทุกคนที่เข้ามาในเขตแดนคูเมืองสวรรค์ล้วนถูกกดพลังฝึกตนเอาไว้ น้ำในคูเมืองสวรรค์ทั้งเชี่ยวกรากและรุนแรง เห็นได้ว่าหากต้องการว่ายขึ้นมาจะต้องมีพละกำลังที่น่าเกรงกลัวเพียงไหน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่ยังมีน้ำวนจากสัตว์น้ำวิเศษโบราณอยู่ด้วยอีก!
ปลายนิ้วของเสวี่ยหลันอีค่อยๆ กำแน่น
เฉียวเวยเวยถึงแม้จะว่ายขึ้นมาได้แล้ว แต่สภาพนางก็ดูทุลักทุเลยิ่งนัก เส้นผมของนางหลุดลุ่ยแผ่สยาย ลอยวนอยุ่รอบตัวประหนึ่งสาหร่ายสามพันเส้น นางพยายามให้ตัวลอยอยู่เหนือน้ำเพื่อขึ้นมาฮุบอากาศหายใจ!
แต่พละกำลังของนางเพียงพริบตาก็เหือดหาย นางเริ่มจมลงไปอีกครั้ง
จิตใจสาวน้อยของบุรุษร่างกำยำแทบจะถูกบดให้ละเอียด เขากระทืบเท้า ตะโกนร้องเสียงก้องว่า “ยืนเฉยกันอยู่ไยเล่า ไม่รู้จักลงไปช่วยคนหรือ!”
หูซื่อไห่รีบบอกว่า “เชือกๆ ใครเอาเชือกมาบ้าง ไม่มีเชือกเอาสายคาดกางเกงมาก็ได้ เร็ว รีบถอดสายคาดกางเกงมา!”
“กรี๊ด!” อวิ๋นเชียนรั่วรีบเอามือปิดตา
หูซื่อไห่เวลานี้ไม่มีเวลาสนใจว่าจะเกิดภาพอุจาดต่อสายตาหญิงสาวแล้ว ในหัวเขาคิดเพียงว่าต้องรีบช่วยเฉียวเวยเวยขึ้นมาให้เร็วที่สุด เขารีบปลดสายคาดกางเกงของตนออก แต่ครั้งเขาปลดสายกางเกงไปได้ครึ่งทาง มือของเขากลับถูกหูซื่อไห่คว้าหมับเอาไว้
ไห่คงจื่อส่งสายตาให้เขา ให้เขาหันไปมองท่านเทพที่อยู่อีกด้าน
หูซื่อไห่ไม่เข้าใจ “มีอะไรหรือ”
หมิงซิวเห็นเฉียวเวยเวยที่ตะเกียกตะกายสุดกำลังอยู่กลางน้ำวนแล้วก็กำหมัดแน่น เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ทุกคนไม่ต้องขยับ ให้นางขึ้นมาเอง”
ทุกคนพากันตะลึงค้าง!
ให้ขึ้นมาเอง? นี่นางเป็นปลาหรือเป็นนกกันแน่
เด็กสาวคนหนึ่งที่ไม่มีพลังฝึกตน ยังหวังให้นางกระโดดสูงสิบฉื่อกลับขึ้นมาบนหลังวิหคเฟิ่งหวงหรือไร
ท่านเทพผู้นี้น่ากลัวว่าคงเดือดดาลจนสมองกลับไปแล้ว
หรือไม่ก็นังหนูนี้ทำให้ท่านเทพไม่พอใจ ท่านเทพเลยไม่สนใจความเป็นความตายของนางแล้ว?
เสวี่ยหลันอีพอเห็นสายตาเยือกเย็นและเฉยชาของหมิงซิว นิ้วมือที่กำอยู่ก็ค่อยๆ คลายออก นางจับกระโปรงด้วยความสบายใจ ลอบจัดเส้นผมที่กระเซอะกระเซิงให้เป็นระเบียบ
อวิ๋นเชียนรั่วมองเฉียวเวยเวยที่ใกล้จะไม่ไหวเต็มทีด้วยความลุ้นระทึก “นางขึ้นมาเองได้หรือ พี่ใหญ่ เหตุใดท่านถึงไม่ช่วยนางเล่า”
มือที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวของหมิงซิวกำแน่นยิ่งขึ้น แต่ท่าทางเขายังดูไม่อ่อนลงสักนิด