หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรักตอนพิเศษ 73-2 ดอกบัวขาวปริแตก

ตอนพิเศษ 73-2 ดอกบัวขาวปริแตก

ตอนพิเศษ 73-2 ดอกบัวขาวปริแตก

พูดจบเสวี่ยหลันอีก็หันไปเอ่ยกับอวิ๋นเชียนรั่ว “ยังมีพี่ชายเจ้าอีกคนนะ? เมื่อวานเจ้าพูดจากับพี่ชายเจ้าอย่างไร”

อวิ๋นเชียนรั่วแลบลิ้นน้อยๆ แล้วเอ่ยขอโทษหมิงซิวเสียงเบา “พี่ใหญ่ ข้าขอโทษ”

หมิงซิวไม่ถือสาหาความกับน้องสาวตน เรื่องไม่พอใจเมื่อวานเขาไม่เก็บมาใส่ใจนานแล้ว แต่รั่วเอ๋อร์ที่นิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจเช่นนี้สามารถก้มหน้ายอมรับผิดได้ ก็นับว่าทำให้เขาคาดไม่ถึงพอสมควร

เขาหันไปเอ่ยกับเสวี่ยหลันอี “ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยสั่งสอนรั่วเอ๋อร์”

เสวี่ยหลันอียิ้มบางๆ “รั่วเอ๋อร์เข้าใจอะไรดีมาก เมื่อวานตอนข้าไปหานาง อันที่จริงยังไม่ทันพูดอะไรนางก็รู้ตัวเองแล้ว”

อวิ๋นเชียนรั่วไม่ได้รู้ตัวได้เองหรอก แต่ใครบ้างจะไม่ชอบการถูกชื่นชม อวิ๋นเชียนรั่วเลิกคิ้ว “ก็ใช่น่ะสิ ข้ารู้เรื่องจะตาย!”

หมิงซิวยกยิ้มมุมปาก

เสวี่ยหลันอีชะงักไป เอ่ยปากบอกว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่งข้าลืมบอกกับเจ้า หวังว่าเจ้าจะไม่ถือโทษที่ข้าคิดเองตัดสินใจเอง”

“เรื่องอะไรหรือ” หมิงซิวถาม

เสวี่ยหลันอีหันไปมองที่หน้าประตู พยักหน้าให้สาวใช้ สาวใช้ก็พาตัวพวกไห่คงจื่อเข้ามา

เดิมทีในหมู่พวกเขา พลังการฝึกตนของไห่คือจื่อสูงที่สุด คืออยู่ในขั้นผู้ฝึกตนเทพขั้นสูง เมื่อวานหลังจากจู๋อีได้รับการเบิกทางจากเสวี่ยหลันอี นางก็ทะลุขึ้นไปถึงขั้นองค์เทพทันที คนอื่นๆ ที่เหลือกลับยังอยู่ในผู้ฝึกตนเทพขั้นสูงหรือขั้นกลางกันอยู่ แต่กระนั้นชั่วเวลาเพียงข้ามคืน ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าหมิงซิวในเวลานี้แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือในชั้นองค์เทพทั้งสิ้น

ไม่ต้องบอกเขาก็เดาได้ว่าทั้งหมดล้วนเป็นผลงานของเสวี่ยหลันอี

และในจุดนี้กระทั่งท่านเทพในเวลานี้ก็ยังไม่อาจทำได้

เช่นนี้จะเห็นได้ว่าพลังเวทย์ของเสวี่ยหลันอีนั้นล้ำเลิศเพียงใด

เสวี่ยหลันอีดูเหมือนจะเข้าใจว่าหมิงซิวคิดอะไรอยู่ นางเอ่ยปลอบเสียงนุ่มว่า “ในกายเจ้าเหลือวิญญาณอยู่เพียงส่วนเดียว พลังฝึกตนก็หายไปกว่าแต่ก่อนครึ่งหนึ่ง ไว้เจ้าฟื้นคืนพลังกลับมาแล้ว เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ล้วนง่ายดายสำหรับเจ้าทั้งสิ้น”

เมื่อเป็นดอกไม้ที่กล้าแข็งได้ ก็สามารถใช้ภาษาดอกไม้เข้าปลอบได้ ความสามารถขั้นสูงของสตรีก็เป็นเช่นนี้แล

สีหน้าหมิงซิวฉายแววซาบซึ้ง “เจ้าช่วยข้ามากมายเพียงนี้ ข้าไม่รู้แล้วว่าควรจะขอบคุณเจ้าเช่นไรดี”

เสวี่ยหลันอีอมยิ้มมองเขา เอ่ยเสียงหวานว่า “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าขอบคุณ”

หมิงซิวถามว่า “เช่นนั้นเจ้าต้องการอะไร”

เสวี่ยหลันอียังไม่ทันได้ตอบ…

“เสี่ยวซิว” เฉียวเวยเวยใส่รองเท้าหนังไม่ได้

หมิงซิวทิ้งเสวี่ยหลันอีไป เดินเข้าไปหาเฉียวเวยเวย นั่งลงตรงหัวเตียงแล้วจับขาเฉียวเวยเวยขึ้นมาพาดบนตักตน เตรียมจะถอดรองเท้าที่นางใส่กลับด้านออกมา

เสวี่ยหลันอีเอ่ยหน้าเคร่ง “พวกเจ้ายืนบื้อกันอยู่ไย เหตุใดจึงไม่รับใช้แม่นางเล่า”

สาวใช้ไม่เห็นจู๋อี เลยรีบเดินเข้าไปเอง “ให้ข้าทำเถิด ท่านเทพ”

พอพูดจบ หมิงซิวก็จัดการใส่ให้เฉียวเวยเวยจนเรียบร้อยแล้ว

ท่าทางชำนิชำนาญราวกับทำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

สาวใช้มือแข็งค้าง

นางหันไปมองสีหน้าเสวี่ยหลันอี

สีหน้าเสวี่ยหลันอีไม่มีแววประหลาดให้เห็น รอยยิ้มดูอ่อนหวานสงบนิ่งยิ่งกว่าเดิม “วันนี้พวกเราจะไปช่วยอาเยี่ย เมื่อคืนข้าคิดแผนไว้เรียบร้อยแล้ว”

“แผนอะไรหรือ” ความสนใจของหมิงซิวถูกเสวี่ยยหลันอีดึงดูดไป

เสวี่ยหลันอียกมือ ใช้วิชาเวทย์เสกหอคอยผนึกปีศาจขนาดเล็กขึ้นกลางอากาศ “หอคอยผนึกปีศาจมีเทพเป่ยไห่เฝ้าระวังด้วยตนเอง เวลานี้เจ้ายังมีความผิดเรื่องขโมยตราพญาเทพติดตัว ความตั้งใจของข้าคือ ทางที่ดีให้ดำเนินการอย่างลับๆ ข้าจะหาข้ออ้างมาล่อเทพเป่ยไห่ออกไป เจ้ากับลูกน้องของเจ้ามุ่งหน้าไปทางประตูตะวันออกของหอคอยผนึกปีศาจ ตรงนั้นการคุ้มกันจะเปราะบางที่สุด เจ้าลอบเข้าไปจากทางนั้น แล้วช่วยอาเยี่ยออกมา

บนตัวของอาเยี่ยมีผนึกของหอคอยผนึกปีศาจประทับไว้อยู่ หลังออกจากหอคอยแล้ว องครักษ์เทพจะต้องสัมผัสถึงตัวเขาได้แน่ เจ้าให้ลูกน้องของเจ้าขวางพวกองครักษ์เทพไว้ ส่วนข้าจะพยายามรั้งตัวเทพเป่ยไห่ไว้ให้นานที่สุด ไม่ให้เขาไปจับเจ้าด้วยตนเอง เจ้าพาอาเยี่ยไปที่ตำหนักเทพ ข้าจะให้คนคอยรอรับพวกเจ้า”

หมิงซิวเอ่ยเสียงขรึม “ประตูตะวันออกที่เจ้าบอกใช่ประตูที่เชื่อมกับคูเมืองสวรรค์หรือไม่”

เสวี่ยหลันอีบอกว่า “ถูกต้อง ประตูนั้นแหละ ข้ารู้ว่าคูเมืองสวรรค์เดินทางยาก แต่ก็เพราะเดินทางยากถึงได้ไม่มีคนคอยคุ้มกัน เจ้าไม่อยู่เผ่าเทพมาสองหมื่นปี เจ้าไม่รู้ว่าเวลานี้หอคอยผนึกปีศาจมีคนรักษาการอยู่เท่าไร เจ้าคิดว่าเหตุใดเทพเป่ยไห่ถึงต้องขังน้องชายเจ้าไว้ ก็เพื่อที่หากมีวันหนึ่งเจ้าจะเข้าไปติดบ่วง ประตูอื่นเข้าไปไม่ได้แล้ว มีแต่ทางนั้นที่เข้าไปได้”

หมิงซิวเอ่ยอย่างใช้ความคิด “ใต้คูเมืองสวรรค์ขังสัตว์น้ำโบราณเอาไว้ตัวหนึ่ง เพื่อควบคุมสัตว์น้ำตัวนี้ไว้ เหนือคูเมืองสวรรค์ยังมีการสร้างข่ายอาคมไว้ด้วย ไม่มีใครสามารถพาผู้มีพลังฝึกต้นข้ามคูเมืองสวรรค์ไปได้”

เสวี่ยหลันอีเอ่ยยิ้มๆ “ข้ามีวิหคเฟิ่งหวง พวกเราไม่จำเป็นต้องใช้วิชาฝึกตนก็สามารถบินข้ามคูเมืองสวรรค์ได้ อีกอย่างเท่าที่ข้ารู้ สัตว์น้ำตัวนั้นหลับใหลไปแล้ว ขอเพียงพวกเราไม่รบกวนมัน มันก็จะไม่ทำอะไรพวกเรา”

วิธีการนี้ออกจะเสี่ยงอยู่บ้าง ถึงอย่างไรความร้ายกาจของสัตว์วิเศษโบราณก็ไม่ด้อยไปกว่าเทพเป่ยไห่เลย แต่กระนั้นก็ดันมีแค่เส้นทางนี้ที่จะไม่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น

หลังจากชั่งน้ำหนักดูแล้ว หมิงซิวก็ตัดสินใจจะใช้ทางคูเมืองสวรรค์

เสวี่ยหลันอีเอ่ยด้วยความละเอียดรอบคอบว่า “เทพเป่ยไห่มีหูตากว้างขวาง เมื่อวานพอข้าออกมาจากตำหนักเทพ เขาก็ส่งคนมาคอยตามข้า คนกลุ่มนั้นตามหาข้าอยู่ข้างนอกทั้งคืน บ้านหลังนี้น่ากลัวว่าจะซ่อนไว้ได้อีกไม่นานแล้ว ข้าจะให้คนพารั่วเอ๋อร์กับเวยเวยกลับตำหนัก…”

คำว่าเทพยังไม่ทันหลุดจากปาก บนฟ้าก็มีเสียงอึกทึกดังลอยมา มีคนโจมตีข่ายอาคม!

เสวี่ยหลันอีสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย “แย่แล้ว พวกเขาตามมาแล้ว!”

สาวใช้คนหนึ่งเดินหน้าตาตื่นเข้ามา “ธิดาเทพ ตำหนักเทพส่งข่าวมาบอกว่าคนของเทพเป่ยไห่เข้าไปค้นที่ตำหนักเทพเจ้าค่ะ! บอก…บอกว่า ธิดาเทพซ่อนเจ้าตำหนักเมฆาเอาไว้!”

เมื่อเป็นเช่นนี้อวิ๋นเชียนรั่วกับเฉียวเวยเวยก็ไปที่ตำหนักเทพไม่ได้แล้ว

“ข้าจะล่อพวกเขาออกไป พวกเจ้าไปที่คูเมืองสวรรค์กันก่อน”

เสวี่ยหลันอีทิ้งวิหคเฟิ่งทองโบราณไว้ให้พวกหมิงซิวใช้ ส่วนตนเหาะออกไป ตัวนางลอยสูงอยู่กลางอากาศ พลังกดดันอันยิ่งใหญ่ปกคลุมไปทั่วองครักษ์เทพที่อยู่รอบด้าน “มันผู้ใดใจกล้าเพียงนี้ ถึงขั้นบุกเข้ามาในถิ่นฐานของธิดาเทพอย่างข้า”

“ธิดาเทพ พวกเราได้รับคำสั่งจากเทพเป่ยไห่ให้มาตรวจค้นหานักโทษของเผ่าเทพที่นี่”

ในอาณาเขตธิดาเทพของข้าไม่มีนักโทษ!”

“มีหรือไม่แค่ค้นดูก็รู้แล้ว”

“เข้ามาค้นอาณาเขตของข้า พวกเจ้ามีหัวกี่หัวกัน!”

เสวี่ยหลันอีเริ่มต่อสู้กับองครักษ์เทพ

องครักษ์เทพกลุ่มนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเสวี่ยหลันอีสักนิด เสวี่ยหลันอีแค่โจมตีไม่กี่ทีก็เอาคนพวกนี้อยู่แล้ว

แต่คนที่ติดตามมาสังหารหมิงซิวไม่ได้มีแค่คนเหล่านี้ ระหว่างที่วิหคเฟิ่งทองโบราณโผบินพาคณะของพวกเขาเหาะขึ้นฟ้าไปนั้น ระหว่างทางก็เจอกับองครักษ์เทพอีกกลุ่มหนึ่ง พลังฝึกตนขององครักษ์เทพกลุ่มนี้อยู่เหนือองครักษ์กลุ่มแรกอย่างเห็นได้ชัด

หากต้องเผชิญหน้ากัน พวกเขาคงพบอวิ๋นเชียนรั่วเอาง่ายๆ หมิงซิวจึงพลิกกายเหาะลงจากหลังวิหคเฟิ่งหวง

มีองครักษ์เทพพบเห็นร่างของหมิงซิว “นั่นคือเจ้าตำหนักเมฆา! รีบตามไป!”

องครักษ์เทพทุกคนไล่ตามหาร่างของหมิงซิวที่หายไป

เสวี่ยหลันอีย่อมรู้ว่าหมิงซิวต้องการล่อองครักษ์เทพกลุ่มที่สองไป นางไม่ได้รออยู่ตรงคูเมืองสวรรค์เฉยๆ ในเมื่อหมิงซิวปรากฏกายแล้ว เทพเป่ยไห่จะต้องมาจับเขาด้วยตนเองแน่นอน นางไม่อาจปลีกตัวไปได้ในเวลานี้ เทพเป่ยไห่ก็คงคลับมายังหอคอยผนึกปีศาจไม่ได้ในเวลาอันสั้นเช่นกัน สู้นางใช้โอกาสนี้ช่วยอาเยี่ยออกมาเลยจะดีกว่า!

จวบจนถึงเวลานี้ เสวี่ยหลันอีคิดแต่จะทำเพื่อหมิงซิวโดยแท้จริง ในใจนางไม่มีความคิดอื่นเลยสักนิด

เพียงแต่สิ่งที่แม้แต่นางเองก็คิดไม่ถึงคือ เมื่อวิหคเฟิ่งทองพาคณะของพวกเขาบินขึ้นไปถึงกลางทาง อยู่ๆ ใต้น้ำก็เกิดมีแท่งน้ำสูงร้อยฉื่อพุ่งขึ้นมา!

ไห่คงจื่อพลันหน้าถอดสี “สัตว์น้ำวิเศษตื่นแล้ว!”

เสวี่ยหลันอีงงงัน

นี่เป็นสัตว์วิเศษน้ำที่กระทั่งจอมเทพก็ยังสังหารไม่ตาย ทำได้เพียงผนึกมันเอาไว้ในคูเมืองสวรรค์เท่านั้น นางเองที่มีวิชาฝึกตนสูงส่งก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน ยิ่งไปกว่านั้นพลังของคูเมืองสวรรค์ก็กดพลังเวทย์ของพวกเขาทุกคนเอาไว้ เมื่อมีแค่มือเปล่า จะฟาดฟันกับมันได้อย่างไร

เสวี่ยหลันอีเอ่ยเร่ง “วิหคทอง! บินเร็วกว่านี้อีก!”

วิหคเฟิ่งทองห้าสีเร่งความเร็วขึ้น พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วแสง!

หางที่ใหญ่ยักษ์โผล่ขึ้นมาจากคูเมืองสวรรค์ แล้วฟาดเข้าที่ท้องวิหคทองห้าสี

วิหคทองห้าสีส่งเสียงร้องโหยหวน ตัวเอียงหล่นลงด้านล่าง ทุกคนถูกสะบัดตกลงไป ในชั่วพริบตานั้น ไห่คงจื่อคว้าขาวิหคทองห้าสีไว้ได้ หูซื่อไห่คว้ากางเกงเขาได้ หนุ่มร่างกำยำก็คว้ากางเกางหูซื่อไห่เอาไว้ได้… จับกันต่อๆ กันไปจนกลายเป็นเส้นยาว

จู๋อีกับอวิ๋นเชียนรั่วกลิ้งไปทางหนึ่ง จู๋อีมือหนึ่งคว้าปีกของวิหคทองห้าสีไว้ได้ ส่วนมืออีกข้างคว้าคอเสื้ออวิ๋นเชียนรั่วไว้

ทางด้านเฉียวเวยเวยก็ไม่ได้ดีกว่าทางอื่นสักเท่าไร ถึงอย่างไรนางก็เป็นมังกรตัวหนึ่ง เป็นคนที่ตัวหนักที่สุด นางแทบจะเป็นคนแรกที่ถูกสะบัดตกลงไป เสวี่ยหลันอีเหาะเข้าไปคว้าข้อมือนางไว้!

ข้างใต้เฉียวเวยเวย หางของสัตว์น้ำม้วนจนเกิดน้ำวนขนาดใหญ่

“อ๊าก ข้า ใกล้ จะ จับ ไม่ อยู่ แล้ว… มือข้าจะหลุดแล้ว…” หูซื่อไห่ร้องเสียงก้อง คนตัวผอมแห้งเช่นเขาต้องแบนน้ำหนักคนนับสิบคนเอาไว้ กระดูกเขาใกล้หักเต็มทีแล้ว!

จู๋อีตะคอกเสียงก้อง “หลุดกับผีเจ้าน่ะสิ! ตกลงไปมีแต่ตายกับตายนะ!”

ตกลงไปเป็นตาย… ใจของเสวี่ยหลันอีคล้ายถูกอะไรกระทบเข้าอย่างแรง นางหันไปมองเฉียวเวยเวยที่สามารถลงไปตายอยู่ในท้องสัตว์วิเศษได้ทุกเมื่อด้วยความหวาดหวั่น

ภาพที่หมิงซิวใส่รองเท้าให้นาง ภาพที่หมิงซิวอยู่เฝ้าหน้าห้องให้นาง ภาพที่หมิงซิวหัวร่อต่อกระซิกกับนาง คล้ายเป็นคมมีดทิ่มแทงเข้ากลางใจเสวี่ยหลันอี!

เสวี่ยหลันอีดึงมือเฉียวเวยเวยให้มาจับตรงแขนเสื้อของตน จากนั้นนางก็ฉีกแขนเสื้อของตนออก

เฉียวเวยเวยนิ่งมองเสวี่ยหลันอี ดึงจนเขนเสื้อเสวี่ยหลันอีฉีกขาดก่อนจะทิ้งดิ่งลงสู่วังน้ำวน

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง (偏方方) แนะนำเรื่องย่อ เมื่อหมอสาวยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณแถมพ่วงด้วยลูกแฝดอีกสอง ทำขนม ดักสัตว์ ทำไร่ ทำทุกอย่างที่ได้เงิน! เฉียวเวย เด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรจู่ๆ ก็ทะลุมิติมายังยุคโบราณที่ไม่รู้จัก นอกจากจะมาอาศัยร่างคนอื่นอยู่แล้ว ร่างเดิมนี้ยังมีลูกแฝดอีกสองชีวิตให้ต้องเลี้ยงดู! นางที่ไร้ซึ่งความทรงจำใดๆ ในโลกใบใหม่แต่พราะทักษะติดตัวสมัยยังต้องดิ้นรนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทำให้ชีวิตไม่ลำบากเกินไปนัก ทำขนม ดักสัตว์ ปลูกพืช รักษาคน จากนี้นางจะเลี้ยงลูกๆ ให้เติบใหญ่ด้วยมือของนางเอง! เจ้าซาลาเปาน้อยจูงมือบุรุษใบหน้าเคร่งขรึมเข้ามา "ท่านแม่ ท่านลุงบอกว่าเขาเป็นพ่อของข้า" เฉียวเวยยิ้มละไม "ลูกรัก บอกพ่อเจ้าหน่อย ว่าต้องทำเช่นไรถึงจะพิสูจน์ว่าเป็นพ่อของเจ้าได้" เจ้าซาลาเปาน้อยเปิดสมุดทองคำ พูดอย่างชื่อๆ ว่า "ข้อที่หนึ่งร้อยหนึ่งของ 'กฎครอบครัวเฉียว' หลอกลวงเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีโทษตัดอวัยวะสืบพันธุ์ ท่านลุง หากท่านเป็นพ่อของข้าจริงๆแล้วล่ะก็..." โดยไม่รอให้เจ้าซาลาเปน้อยจะพูดจบ ปลายนิ้วอันย็นเฉียบของชายคนนั้นก็บีบคางของเฉียวเวย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เย็นชาและเป็นอันตราย "หากข้าจำไม่ผิด คืนนั้น เหมือนเจ้าจะเป็นคนบังคับขืนใจข้า!"

Options

not work with dark mode
Reset