หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรักตอนพิเศษ 69 หนีออกจากหุบเขาซือกั้ว พี่น้องได้พบหน้า

ตอนพิเศษ 69 หนีออกจากหุบเขาซือกั้ว พี่น้องได้พบหน้า

ตอนพิเศษ 69 หนีออกจากหุบเขาซือกั้ว พี่น้องได้พบหน้า

ท่านเทพตื่นขึ้นมาท่ามกลางกลิ่นหอมที่นุ่มละมุน เขาไม่ได้ฝันเลยตลอดคืน ไม่เคยหลับสนิทเช่นนี้มาก่อน จนกระทั่งเขาขยับตัวถึงได้รู้สึกคล้ายว่าตนนอนหนุนอะไรอยู่

เขาเอื้อมมือไปจับแล้วลองกดดู สัมผัสที่แสนจะเย้ายวนทำให้เขาหลงละเมอไปชั่วขณะ แต่วินาทีต่อมาเขาก็นึกถึงบางอย่างได้จึงรีบลืมตาโต!

จากนั้นเขาก็ตกใจจนกลิ้งตกจากเตียง!

เขามองเฉียวเวยเวยที่อยู่บนเตียงแล้วหันมองมือตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ สุดท้ายลูบแก้มตนเองที่นอนหนุนบางอย่างที่อ่อนนุ่มมา ในหัวมีแต่ความว่างเปล่า…

ท่านเทพจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้สักนิด แต่คิดดูแล้วคงไม่ได้ทำอะไรที่เกินขอบเขตไป แต่ก็น่าแปลกมากอยู่ดีไม่ใช่หรือ ทั้งๆ ที่เขานอนอยู่ห้องข้างๆ เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้

ท่านเทพย่อมนึกไม่ถึงว่ามังกรน้อยจะลากตนมาที่นี่ ซ้ำยังทำเป็นว่าตนนอนจนเบลอ เดินกลับเข้าห้องพร้อมทั้งขึ้นนอนบนเตียงของนางเองเสียอย่างนั้น

ส่วนที่ว่ามังกรน้อยมาที่เตียงเขาได้อย่างไร ในหัวท่านเทพมีความคิดตีกันวุ่นวายไปหมดจนคิดอะไรไม่ออก…

เรื่องนี้ออกจะขายหน้าอยู่เล็กน้อย ท่านเทพไม่คิดจะให้ผู้ใดรับรู้ เตรียมจะกลับออกไป ไหนเลยจะคิดว่าเฉียวเวยเวยจะตื่นขึ้นมาในตอนนั้น

เฉียวเวยเวยอ้าปากหาว ขยี้ตาเอ่ยเสียงงัวเงีย “เสี่ยวซิว”

ลูกกระเดือกใต้เท้าเสี่ยวซิวขยับขึ้นลง เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “อรุณสวัสดิ์ ข้ามาเอาของน่ะ”

เฉียวเวยเวยเลิกผ้าห่มแล้วลุกขึ้นนั่ง “อ้อ”

หมิงซิวหยิบของอะไรไป “เรื่อยเปื่อย”

เฉียวเวยเวยเลิกคิ้ว “ในกางเกงเจ้ามีอะไรอยู่น่ะ”

หมิงซิวก้มลงมอง ใบหน้าที่ขาวผ่องพลันแดงก่ำ!

เขารีบคว้าเอาหมอนมาปิดช่วงท้องตนเอาไว้ “เจ้าตาฟาดแล้ว! ไม่มีอะไรทั้งนั้น!”

พูดจบเขาก็วิ่งแจ้นออกไปทันที!

ตอนก้าวข้ามธรณีประตู มีเสียงรับรู้ของเฉียวเวยเวยดังตามมาข้างหลัง “อ้อ ไม่มีอะไรทั้งนั้นสินะ”

“…” ทำไมประโยคนี้ฟังดูประหลาดชอบกล

ตอนอาหารเช้า เฉียวเวยเวยไม่เอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนสักคำ หมิงซิวลอบโล่งอก

หลังอาหารเช้า หมิงซิวเริ่มจัดการเรื่องไปจากหุบเขาซือกั้ว

ถึงอย่างไรหุบเขาซือกั้วก็เป็นสถานที่คุมขังอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้นักโทษหลบหนีและเพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกบุกเข้ามาช่วยนักโทษข้างในออกไป หุบเขาซือกั้วจึงมีการตั้งข่ายอาคมชั้นเลิศเอาไว้ ข่ายอาคมนี้เป็นหนึ่งเดียวกับหุบเขาซือกั้ว

ก่อนหน้านี้ที่แม่ทัพเทพกับองครักษ์เทพเข้ามาที่นี่ได้โดยไม่เปลืองแรงสักนิด คิดแล้วคงได้รับการอนุญาตจากทางการเทพมาก่อน ส่วนพวกเขาหากคิดจะออกไป ก็มีเพียงหนทางเดียวนั่นคือทำลายข่ายอาคมทิ้ง

หมิงซิวกวาดตามองทุกคนที่เตรียมพร้อมทุกอย่างรอที่จะออกไป “อีกเดี๋ยวข้าจะฉีกข่ายอาคมออกให้ พวกเจ้ารีบออกไป ไห่คงจื่อ เจ้าพาเวยเวยไปด้วย”

ด้วยใบบุญของท่านเทพพวกเขาไม่เพียงได้พลังฝึกตนกลับคืนมา แต่ยังมีระดับที่สูงจากเมื่อก่อนอีกด้วย ขอเพียงท่านเทพฉีกข่ายอาคมออกได้ พวกเขาก็สามารถเหาะออกไปจากหุบเขาได้โดยไม่มีปัญหา จะพาแม่นางน้อยอีกคนหนึ่งไปด้วยก็ยังเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย

เฉียวเวยเวยกลับไม่ยินดี “ข้าไม่เอา”

หมิงซิวหันไปเอ่ยกับเฉียวเวยเวย “เวลานี้เจ้ายังแปลงร่างไม่ได้ เชื่อข้านะ ตามพวกเขาออกไป”

เฉียวเวยเวยทำปากมุ่ย

หมิงซิวจูงนางเข้าไปหาไห่คงจื่อ จากนั้นหมิงซิวก็เดินไปที่ปากหมู่บ้าน เงยหน้ามองท้องฟ้าที่อึมครึม กางสองแขนออก กลางฝ่ามือมีพลังงานลูกใหญ่สองลูกลอยขึ้นมา นี่ก็คือพลังปราณเทพในกายของเขา

เขาเอาพลังปราณเทพอัดเข้ากับท้องฟ้าด้านบน!

เห็นเพียงสายฟ้าเส้นหนึ่งฟาดลงมา ท้องฟ้าที่เคยมืดมัวพลังฉีกขาดเป็นปากทางกว้างประมาณครึ่งจั้ง!

ข่ายอาคมของหุบเขาซือกั้วไม่ใช่จะอ่อนด้อย เมื่อใดก็ตามที่ถูกพลังทำให้ฉีกขาดก็จะพาให้หุบเขาซือกั้วทั้งหมดพังทะลายลงไปด้วย

ทุกคนหันมองท่านเทพด้วยความหวาดหวั่น พวกเขาเห็นท่านเทพเหาะขึ้นกลางอากาศด้วยท่าทางสบายๆ ยกสองมือใช้พลังปราณเทพประคองข่ายอาคมที่เตรียมจะพังทลายเอาไว้

ไห่คงจื่อตะโกนเสียงก้อง “เร็ว! รีบออกไป!”

หูซื่อไห่เป็นคนแรกที่เหาะออกไป ตามติดด้วยชายร่างกำยำ

ไห่คงจื่อมีภารกิจอันยิ่งใหญ่คือการพาตัวเฉียวเวยเวยออกไปจึงไม่กล้าอยู่รั้งเป็นคนสุดท้าย หลังจากชายร่างกำยำเหาะออกจากหุบเขาซือกั้วแล้ว เขาก็คว้าตัวเฉียวเวยเวยจะเหาะตามขึ้นไป

ไม่คิดเลยว่า…

พลั่ก!

ล้มลงดังอั๊ก!

ใครช่วยบอกเขาทีว่าเหตุใดแม่นางน้อยถึงได้ตัวหนักเพียงนี้…

สุดท้ายไห่คงจื่อก็ยังพาเฉียวเวยเวยออกไปได้

หลังจากวางตัวเฉียวเวยเวยลงบนยอดเขาหนึ่งแล้ว ไห่คงจื่อก็รู้สึกว่าพลังปราณเทพของตนถึงกับลดน้อยไปครึ่งหนึ่ง!

เมื่อคนสุดท้ายออกจากหุบเขาไปแล้ว หมิงซิวก็เก็บพลังปราณเทพของตนกลับมา

เกิดเสียงดังกัมปนาท ข่ายอาคมพังทะลายลงแล้ว หุบเขาซือกั้วก็ค่อยๆ กลายเป็นเถ้าถ่าน

ทุกคนยืนอยู่บนยอดเขา เมื่อได้เห็นหมู่บ้านที่ตนอยู่มานับพันปีพังราบเป็นหน้ากลองก็อดนึกกลัวขึ้นมาไม่ได้ พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าข่ายอาคมของหุบเขาซือกั้วสามารถทำเช่นนี้ได้ด้วย เช่นนี้หากมีผู้ใดที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่บุกเข้ามา พวกเขาจะไม่ราพณาสูรไปพร้อมกันหมดหรือ

ตอนนั้นท่านเทพก็ทะลุเข้ามาเหมือนกัน

แม่เจ้า! เหตุใดหุบเขาซือกั้วถึงไม่ระเบิดนะ!

ทุกคนพากันเหงื่อแตกพลั่ก!

เอาเข้าจริงหมิงซิวก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมเขากับเฉียวเวยเวยตกลงมาในหุบเขาซือกั้วแต่กลับไม่สัมผัสถูกข่ายอาคมของที่นี่ หรือว่า…ร่างกึ่งมารกึ่งเทพของนางจะสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระในข่ายอาคมของแดนเทพด้วย?

เวลานี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ เกิดเรื่องใหญ่ที่หุบเขาซือกั้วเช่นนี้ ทางการเทพจะต้องรับรู้ได้แน่นอน ก่อนที่ทางการเทพจะมาถึง พวกเขาหนีเอาชีวิตรอดไว้ก่อนจะดีกว่า

แต่พวกเขาประเมินความสามารถของทางการเทพต่ำไป พอหุบเขาซือกั้วพังทลาย อีกด้านหนึ่งของท้องฟ้าก็มีเขามืดขนาดมหึมากดทับลงมา ทั่วทั้งท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเงามืด

น้ำเสียงที่ทรงพลังและมีอำนาจดังเข้าโสตประสาททุกคนราวกับสายฟ้า “มันผู้ใดที่กล้าทำลายหุบเขาซือกั้วของทางการเทพ”

ทุกคนพลันหน้าถอดสี!

เทพทางการมาแล้ว!

ลมพายุพัดโหมจนเกิดเป็นพายุทราย และพัดจนอาภรณ์ของหมิงซิวปลิวไสวไปด้วย

หมิงซิวยืนต้านลม สีหน้าไม่เปลี่ยนไปสักนิด เขายกมือขึ้น ซัดฝ่ามือใส่เงามืดที่ปกคลุมอยู่ทั่วท้องฟ้า!

เงามืดมลายหายไปท่ามกลางแสงสีทองนั้น!

คราวนี้ทุกคนตกใจจนพูดไม่ออก

“นั่นเป็นดวงจิตของเทพทางการ” ไห่คงจื่อตั้งสติได้ก่อนจึงอุทานขึ้น “เทพทางการรู้เรื่องแล้ว เมื่อดวงจิตเขาถูกทำลาย เวลานี้น่าจะกำลังมาที่นี่”

หมิงซิวคว้าข้อมือเฉียวเวยเวยไว้ เอ่ยกับทุกคนว่า “พวกเราต้องไปแล้ว พวกเจ้าก็ไปเถิด”

“ใต้เท้า!” ไห่คงจื่อเรียกเขาไว้ หมิงซิวหันกลับไป เขาค้อมกายลงจากใจจริง เอ่ยอย่างให้ความเคารพว่า “พวกเรากลายเป็นคนไร้ค่าในหุบเขาซือกั้วแล้ว เป็นท่านเทพที่ช่วยปลูกรากปราณให้พวกเราใหม่ มอบพลังฝึกตนให้พวกเราอีกครั้ง พวกเราได้รอดชีวิตออกมาจากหุบเขาซือกั้วล้วนเป็นเพราะได้รับความเมตตาจากท่านเทพ ชีวิตของพวกเราเป็นของท่านเทพ พวกเรายินดีติดตามไปกับท่านเทพ!”

หมิงซิวยิ้มเย็น “เกรงว่าเจ้าคงไม่ได้ยินดีจะติดตามข้า แต่เป็นเพราะกลัวจะถูกเทพทางการไล่ล่ามากกว่ากระมัง”

ไห่คงจื่อสะอึกไป

ถูกต้อง เขาคิดเช่นนั้นจริงๆ เดิมทีเขาคิดว่าออกจากหุบเขาซือกั้วมาแล้ว ด้วยพลังฝึกตนของพวกเขาในเวลานี้จะต้องหลบหนีไปยังสถานที่ห่างไกลที่มีอิสระได้แน่ แต่เมื่อครู่เมื่อได้เห็นดวงจิตของเทพทางการ เขาถึงได้รู้ว่าตนอ่อนต่อโลกเกินไป

พวกเขาเอาชนะศาลเทพสวรรค์ไม่ได้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาต้องถูกจับกลับไป ไม่มีใครกล้ารับตัวพวกเขาไว้ และไม่มีใครกล้าเป็นอริกับศาลเทพสวรรค์ ต่างจากท่านเทพองค์นี้!

ไห่คงจื่อเอ่ยอย่างใจจริง “ท่านเทพ ข้ารู้ว่าท่านก็เป็นที่ต้องการของศาลเทพสวรรค์เช่นกัน เมื่อมองไปในแดนเทพ คนที่กล้าเป็นอริกับศาลเทพสวรรค์นั้นมีไม่มาก เชื่อว่าเวลานี้เป็นช่วงที่ท่านเทพต้องการใช้คน หากท่านเทพไม่รังเกียจ…”

หมิงซิวตอบว่า “ข้ารังเกียจ”

ไห่คงจื่อพลันอึ้งไป

ไม่ว่าอย่างไรต้องติดตามท่านเทพไปเท่านั้นถึงจะมีชีวิตรอด หากไปจากท่านเทพ พวกเขามีแต่ต้องจบชีวิตเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรต้องขอร้องให้ท่านเทพพาพวกเขาไปด้วยให้ได้!

ในขณะที่ไห่คงจื่อเค้นสมองคิดว่าจะพูดกับท่านเทพอย่างไรดีนั้น ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้อยู่ๆ ก็มีแสงสีม่วงสว่างวาบขึ้น ทุกคนรีบหลับตาตามสัญชาตญาณ ลืมตาขึ้นมาอีกทีห่างไปไม่ไกลก็มีราชรถเหาะเข้ามาด้วยความเร็ว

หรือว่าจะเป็นเทพทางการ? เทพทางการมาถึงเร็วเพียงนี้เชียวหรือ!

ราชรถเหาะมาทางหมิงซิวกับเฉียวเวยเวย

หมิงซิวกับเฉียวเวยเวยจับจ้องราชรถที่เหาะมาทางพวกเขากันไม่วางตา หมิงซิวเอาเฉียวเวยเวยไปบังไว้ด้านหลังตน

หลังจากอยู่ห่างไปหนึ่งก้าว ราชรถก็เริ่มช้าลง

จากนั้นราชรถยังไม่ทันหยุดนิ่ง แม่นางน้อยคนหนึ่งอายุประมาณสิบเอ็ดสิบสองปี สวมใส่เสื้อคลุมสีม่วงอ่อนก็กระโดดลงจากราชรถ

ทุกคนไม่ทันเห็นหน้าแม่นางน้อยผู้นั้นชัด แม่นางน้อยก็โผเข้าไปกอดจีหมิงซิวแล้ว “พี่ชาย!”

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง (偏方方) แนะนำเรื่องย่อ เมื่อหมอสาวยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณแถมพ่วงด้วยลูกแฝดอีกสอง ทำขนม ดักสัตว์ ทำไร่ ทำทุกอย่างที่ได้เงิน! เฉียวเวย เด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรจู่ๆ ก็ทะลุมิติมายังยุคโบราณที่ไม่รู้จัก นอกจากจะมาอาศัยร่างคนอื่นอยู่แล้ว ร่างเดิมนี้ยังมีลูกแฝดอีกสองชีวิตให้ต้องเลี้ยงดู! นางที่ไร้ซึ่งความทรงจำใดๆ ในโลกใบใหม่แต่พราะทักษะติดตัวสมัยยังต้องดิ้นรนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทำให้ชีวิตไม่ลำบากเกินไปนัก ทำขนม ดักสัตว์ ปลูกพืช รักษาคน จากนี้นางจะเลี้ยงลูกๆ ให้เติบใหญ่ด้วยมือของนางเอง! เจ้าซาลาเปาน้อยจูงมือบุรุษใบหน้าเคร่งขรึมเข้ามา "ท่านแม่ ท่านลุงบอกว่าเขาเป็นพ่อของข้า" เฉียวเวยยิ้มละไม "ลูกรัก บอกพ่อเจ้าหน่อย ว่าต้องทำเช่นไรถึงจะพิสูจน์ว่าเป็นพ่อของเจ้าได้" เจ้าซาลาเปาน้อยเปิดสมุดทองคำ พูดอย่างชื่อๆ ว่า "ข้อที่หนึ่งร้อยหนึ่งของ 'กฎครอบครัวเฉียว' หลอกลวงเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีโทษตัดอวัยวะสืบพันธุ์ ท่านลุง หากท่านเป็นพ่อของข้าจริงๆแล้วล่ะก็..." โดยไม่รอให้เจ้าซาลาเปน้อยจะพูดจบ ปลายนิ้วอันย็นเฉียบของชายคนนั้นก็บีบคางของเฉียวเวย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เย็นชาและเป็นอันตราย "หากข้าจำไม่ผิด คืนนั้น เหมือนเจ้าจะเป็นคนบังคับขืนใจข้า!"

Options

not work with dark mode
Reset