หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรักตอนพิเศษ 67-2 เปิดเส้นทาง ลอยขึ้นสู่แดนเทพ (2)

ตอนพิเศษ 67-2 เปิดเส้นทาง ลอยขึ้นสู่แดนเทพ (2)

ตอนพิเศษ 67-2 เปิดเส้นทาง ลอยขึ้นสู่แดนเทพ (2)

บุรุษร่างกำยำตกใจจนกระโดดขึ้นขี่บุรุษแซ่หู เกาะเกี่ยวอีกฝ่ายไว้แน่นราวกับปลาหมึก “ฮือๆ… ข้ากลัวจังเลย…”

บุรุษแซ่หูขาสั่นพั่บๆ ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะถูกน้ำหนักของบุรุษร่างกำยำกดลงมา…

แม่เอ้ย ชายฉกรรรจ์หนักสองร้อยจิน อย่าอะไรนิดอะไรหน่อยก็กระโดดขึ้นมาเกาะอยู่บนตัวคนอื่นได้หรือไม่!

เขาหนักแค่ร้อยจินเองนะ ร้อยจินเอง!

ผู้เฒ่าถูกบีบคอจนหน้าม่วงไปหมด

บุรุษแซ่หูส่งเสียงหึขู่ “ลงมา!”

บุรุษร่างกำยำกอดคอเขาไว้แน่น ร้องไห้น้ำตานองหน้าไปหมด “ฮือๆ… ข้าไม่ลง… ข้ากลัวเหลือเกิน…”

บุรุษแซ่หูหันมองบุรุษที่มาใหม่ด้วยสีหน้าดุดัน “เจ้าเป็นใครกันแน่”

บุรุษผู้นั้นยังไม่ทันได้เอ่ยปาก แม่ชีที่คอยเฝ้าอยู่ในหมู่บ้านก็วิ่งเข้ามา “แย่แล้วๆ ด้านบนส่งคนมา! พาองครักษ์เทพมาเยอะเลย!”

หุบเขาซือกั้วเป็นคุกที่ต่ำต้อยที่สุดของแดนเทพ คนที่ถูกขังอยู่ภายในล้วนเป็นคนที่ถูกขับออกจากแดนเทพ ไม่เคยมีใครสนใจว่าพวกเขาจะใช้ชีวิตกันอย่างไร จะป่วย จะตาย หรือจะถูกสัตว์ป่ากินไปก็ไม่เกี่ยวอันใดกับแดนเทพทั้งสิ้น

วันนี้…เหตุใดจู่ๆ ถึงส่งคนมาได้

ซ้ำยังเป็นองครักษ์เทพขบวนใหญ่อีก!

สายตาของทุกคนหยุดมองที่บุรุษผู้นั้น หากจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา น่ากลัวว่าคงไม่มีใครเชื่อ

บนใบหน้าบุรุษผู้นั้นไร้ซึ่งแววร้อนรน ประหนึ่งเดาได้แต่แรกแล้วว่าจะมีองครักษ์เทพมาจับตัวเขา

เขาค่อยๆ บีบมือแน่นขึ้น ในขณะที่ผู้เฒ่าถูกพละกำลังของเขาบีบคอจนเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย เขาก็เอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “พวกเจ้ากลับไป ทิ้งเขาไว้ กล้าเอาเรื่องพวกเราไปบอก ข้าจะให้เขาตายตกไปพร้อมกัน”

ทุกคนหันไปมองผู้เฒ่า

ผู้เฒ่าหลับตาแล้วพยักหน้า

ทุกคนออกจากถ้ำไปแต่โดยดี

ตอนทุกคนกลับไปถึงหมู่บ้าน หมู่บ้านถูกองครักษ์เทพนับร้อยนายปิดล้อมไว้หมดแล้ว

องครักษ์เทพแต่ละคนแผ่ไอกดดันอันหนาแน่นออกมา ต่อให้เป็นก่อนที่พวกเขาจะถูกลงโทษให้มาอยู่ยังหุบเขาซือกั้ว พวกเขาก็ไม่เคยเห็นความยิ่งใหญ่เช่นนี้มาก่อน

ทุกคนพากันอึ้งไป

หัวหน้าที่มาคือแม่ทัพเทพในชุดเกราะสีฟ้า เขาขี่อยู่บนหลังม้าบินสีขาว ม้าบินใส่หมวกเกราะเย็นยะเยือก แผ่ไอกดดันออกมาเช่นเดียวกับเจ้าของของมัน

แม่ทัพเทพใส่หมวกเกราะกับหน้ากากเอาไว้ เผยให้เห็นเพียงดวงตาที่ดุดัน

เขาผายมือออก ใช้คาถาเสกภาพวาดภาพหนึ่งออกมา ในภาพวาดคือบุรุษในชุดกว้างสีขาวนวล รูปโฉมของบุรุษผู้นั้นงดงามราวกับไม่ใช่คน ท่วงท่าสง่างามและหมดจด ทั่วตัวแผ่ไอปราณเทพอย่างรุนแรงออกมา

ทุกคนมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นบุรุษในถ้ำผู้นั้น

ถึงแม้บุรุษในภาพดูแล้วจะเหมือนแม่ทัพเทพที่สุภาพประหนึ่งหยก ไม่เหมือนบุรุษในถ้ำที่เต็มไปด้วยไอสังหาร แต่ด้วยรูปโฉมเช่นนี้ ทั่วทั้งแดนเทพไม่มีทางหาพบเป็นคนที่สอง

“พวกเจ้ามีใครเคยเห็นเขาบ้าง” แม่ทัพเทพถามเสียงดุดัน

ทุกคนพากันส่ายหน้า

แม่ทัพเทพเอ่ยเสียงเรียบเรื่อยว่า “ขอเพียงพวกเจ้าบอกที่อยู่เขามา ข้าจะให้คนผู้นั้นออกจากหุบเขาซือกั้วแล้วกลับไปยังแดนเทพอีกครั้ง”

ในใจทุกคนพลันมีความหวังเอ่อล้นขึ้นมา

บุรุษแซ่หูบอกว่า “เรียนท่านแม่ทัพเทพ ข้าเคยเห็นเขา!”

แม่ทัพเทพหันไปมองเขาเรียบๆ “อ้อ? เจ้ามีชื่อว่าอะไร”

บุรุษแซ่หูค้อมกายคุกเข่าตอบว่า “ชื่ออันต่ำต้อยของข้าน้อยไม่ควรเอ่ย เกรงจะทำให้ใบหูของท่านแม่ทัพต้องแปดเปื้อน”

แม่ทัพเทพไม่ซักไซ้ชื่อเสียงเรียงนามเขาอีก “เจ้าพบเห็นคนผู้นี้ที่ใด”

บุรุษแซ่หูตอบว่า “ในหมู่บ้านนี้เอง ตกกลางคืนเขามาขโมยของจากในหมู่บ้าน ขโมยเสร็จแล้วก็ไป ข้ากับไห่คงจื่อจะไปจับเขา แต่กลายเป็นว่าจับตัวเขาไม่ได้ ซ้ำร้ายเขายังจับตัวไห่คงจื่อไปได้อีก”

“ไห่คงจื่อเป็นใครกัน” แม่ทัพเทพเอ่ยถาม

บุรุษแซ่หูตอบว่า “อาจารย์ของพวกเรา ไม่มีเรื่องใดที่เขาไม่รู้ นับเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในหุบเขาซือกั้ว เขาเห็นถึงจุดนี้จึงได้จับตัวไห่คงจื่อไป! เขาพาตัวไห่คงจื่อบินขึ้นด้านบนไปแล้ว ข้าเห็นมากับตา!”

แม่ทัพเทพแผ่ดวงจิตที่น่ากลัวออกไป ตามหาไปรอบๆ หุบเขาซือกั้วแต่สุดท้ายก็ไม่พบเห็นอะไรผิดปกติจริงๆ

ดวงตาของแม่ทัพเทพขยับเล็กน้อย ขยับมือสาดแสงสีเงินลำหนึ่งออกมา

แสงสีเงินพุ่งเข้ากลางหว่างคิ้วของบุรุษแซ่หู

แม่ทัพเทพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นประหนึ่งเหล็ก “หากข้าตามหาเขาพบ ข้าจะพาเจ้าออกจากหุบเขาซือกั้วทันที แต่หากให้ข้ารู้ว่าเจ้าโกหก ข้าจะทำให้เจ้าต้องตายทั้งเป็น!”

หลังจากเหล่าองครักษ์เทพไปแล้ว ทุกคนก็เข้ามาล้อมบุรุษแซ่หู

บุรุษร่างกำยำ ตาแดงเอ่ยว่า “เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เขาทำอะไรเจ้า”

บุรุษแซ่หูเอ่ยเสียงสั่น “เขาใช้ดวงจิตตีตราข้าไว้ ตรานี้สามารถพาข้าออกไปได้ และสามารถทำให้ข้าตายอยู่ที่นี่ได้เช่นกัน”

บุรุษร่างกำยำน้ำตาคลอเบ้า “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี อีกไม่นานพวกเขาก็จะรู้แล้วว่าเจ้าโกหก!”

“ไปหาไห่คงจื่อก่อน หาเขาเจอแล้วค่อยว่ากันอีกที”

ทุกคนรีบกลับไปยังถ้ำแห่งนั้น

ภายในถ้ำ บุรุษผู้นั้นวางตัวไห่คงจื่อลงแล้ว ไห่คงจื่อนั่งอย่างสงบนิ่งอยู่ด้านข้าง ถูกกระรอกคอยสั่งการให้บดยาอย่างว่าง่าย

ตรงหน้าคนกับกระรอกมีกองไฟพวยพุ่งอยู่กองหนึ่ง กระรอกใช้แท่งเหล็กที่ขโมยมาเสียบไก่ป่าที่ถอนขนเรียบร้อยแล้ว เอาขึ้นวางบนแท่นแล้วคอยปิ้งอย่างตั้งใจ

ภายในถ้ำมีกลิ่นหอมของเนื้อลอยคลุ้ง

บุรุษผู้นั้นนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างกายสตรีสาว สีหน้าของเขาดูขาวซีดกว่าเมื่อครู่หลายส่วน

ดวงจิตของแม่ทัพเทพไม่ใช่จะหลีกหนีได้ง่ายเพียงนั้น หากอยู่ในช่วงที่เขารุ่งโรจน์คงไม่เท่าไร แต่กระนั้นเขาก็ดันเพิ่งก่อร่างจริงขึ้นไม่เท่าไร พลังฝึกตนยังไม่ฟื้นคืนมาเต็มที่ ซ้ำยังใช้พลังวิญญาณจำนวนมากไปเพื่อช่วยรักษาบาดแผลให้เด็กสาว เขาจึงเริ่มอ่อนล้า

บุรุษแซ่หูกระแอมเบาๆ “เอ่อคือ…”

บุรุษผู้นั้นเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าไปได้แล้ว”

ประโยคนี้เห็นได้ชัดว่าเอ่ยกับไห่คงจื่อ

ไห่คงจื่อไม่ได้เอ่ยอะไร วางที่บดยาลงแล้วลุกเดินออกจากถ้ำไป

“ไห่คงจื่อ เจ้ารีบช่วยดูให้เหล่าหูหน่อย คนพวกนั้นทำเขา…” เสียงของบุรุษร่างกำยำยังไม่ทันพูดจบ ในถ้ำก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น คล้ายมีของหนักๆ หล่นกระทบพื้น

บุรุษร่างกำยำรีบวิ่งเข้าไปดู “ให้ตายสิ! เขาสลบไปแล้ว!”

แม่ชีที่มาส่งข้าวเมื่อครู่บอกว่า “นี่นับเป็นโอกาสอันดียิ่ง! เมื่อครู่แม่ทัพเทพผู้นั้นตีตราลงบนตัวเหล่าหู หากเขาตามหาตัวเขาไม่เจอ เหล่าหูคงได้ตายแน่! พวกเรารีบจับเขาส่งให้แม่ทัพเพื่อทำคุณชดใช้ความผิดเถิด!”

ไห่คงจื่อยกมือขึ้น “เจ้าว่าอะไรนะ แม่ทัพเทพ?”

“ใช่แล้ว แม่ทัพเทพนั่นแหละ! ถึงจะไม่รู้ว่าเมื่อครู่เป็นแม่ทัพเทพจากที่ใด…” แม่ชีบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านให้ไห่คงจื่อฟัง

ไห่คงจื่อหันไปมองในถ้ำ พึมพำอย่างไม่อยากเชื่อว่า “เขาถึงกับหลบหลีกดวงจิตของแม่ทัพเทพได้เชียวหรือ… เขาเป็นใครกันแน่…”

ใต้เท้าท่านเทพถูกเสียงเอะอะรบกวนจนตื่น เขาลืมตาขึ้นก็เห็นเพดานห้องที่ดูไม่คุ้นตา เขาลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปมองไห่คงจื่อที่นั่งบดยาอยู่ด้านข้าง

ไห่คงจื่อเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ท่านเทพฟื้นแล้วหรือ รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นบ้างหรือยัง เมื่อวานข้าป้อนยาสมุนไพรให้ท่านไป”

ใต้เท้าท่านเทพเอ่ยถามด้วยความระมัดระวัง “แม่นางที่อยู่กับข้าเล่า”

ไห่คงจื่อดึงผ้าม่านที่อยู่ด้านหลังตน เห็นเพียงบนที่นอนที่สะอาดและอ่อนนุ่ม มีเฉียวเวยเวยที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วนอนอยู่ เฉียวเวยเวยใส่เสื้อผ้าของแม่ชี แม่ชีคอยเฝ้านางอยู่เงียบๆ ตรงหน้าเตียง

ท่านเทพสีหน้าดูดีขึ้นเล็กน้อย แล้วถึงได้หันไปเอ่ยกับไห่คงจื่อว่า “เจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร?”

ไห่คงจื่อเอ่ยอย่างนอบน้อม “บาดเจ็บแล้วยังสามารถหลบหลีกดวงจิตของแม่ทัพเทพได้ก็มีเพียงพลังของท่านเทพเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วท่านเป็นท่านเทพองค์ใดข้าไม่อาจรู้ได้ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าเป็นท่านเทพมา อาจมีล่วงเกินไปบ้าง หวังว่าท่านเทพจะให้อภัย”

ท่านเทพเอ่ยเสียงเรียบ “ในเมื่อรู้แล้วว่าข้าเป็นท่านเทพ ก็ควรรู้ว่าหากบอกเรื่องข้าออกไปย่อมได้รางวัลกลับมาไม่น้อย”

รางวัลมากมายเพียงใดก็ต้องมีชีวิตไปคอยรับ หากคนเหล่านั้นรับปากว่าจะให้แก้วแหวนเงินทอง ยา อาวุธวิเศษอะไรกับพวกเขาก็ยังว่าไปอย่าง แต่พวกเขาดันบอกว่าจะพาผู้ที่บอกความลับของท่านเทพออกจากหุบเขาซือกั้ว เช่นนี้หมายความว่าอย่างไร เท่ากับว่าพวกเขาคิดจะฆ่าปิดปาก”

ไห่คงจื่อบอกไปตามความจริง “ข้าเป็นกังวลว่าพวกเขาจะฆ่าปิดปาก อีกอย่าง…ข้าเชื่อว่าท่านเทพมีหนทางช่วยเหลือหูซื่อไห่”

ท่านเทพส่งเสียงหึเย็นๆ “กับแค่ตราประทับของแม่ทัพเทพ ข้าไม่เห็นมันอยู่ในสายตาจริงๆ ข้าช่วยเขาได้ทุกเมื่อ ข้าไม่เพียงช่วยเขาได้ แต่ยังสามารถช่วยให้พวกเจ้าทุกคนออกจากหุบเขาซือกั้วได้ด้วย”

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง (偏方方) แนะนำเรื่องย่อ เมื่อหมอสาวยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณแถมพ่วงด้วยลูกแฝดอีกสอง ทำขนม ดักสัตว์ ทำไร่ ทำทุกอย่างที่ได้เงิน! เฉียวเวย เด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรจู่ๆ ก็ทะลุมิติมายังยุคโบราณที่ไม่รู้จัก นอกจากจะมาอาศัยร่างคนอื่นอยู่แล้ว ร่างเดิมนี้ยังมีลูกแฝดอีกสองชีวิตให้ต้องเลี้ยงดู! นางที่ไร้ซึ่งความทรงจำใดๆ ในโลกใบใหม่แต่พราะทักษะติดตัวสมัยยังต้องดิ้นรนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทำให้ชีวิตไม่ลำบากเกินไปนัก ทำขนม ดักสัตว์ ปลูกพืช รักษาคน จากนี้นางจะเลี้ยงลูกๆ ให้เติบใหญ่ด้วยมือของนางเอง! เจ้าซาลาเปาน้อยจูงมือบุรุษใบหน้าเคร่งขรึมเข้ามา "ท่านแม่ ท่านลุงบอกว่าเขาเป็นพ่อของข้า" เฉียวเวยยิ้มละไม "ลูกรัก บอกพ่อเจ้าหน่อย ว่าต้องทำเช่นไรถึงจะพิสูจน์ว่าเป็นพ่อของเจ้าได้" เจ้าซาลาเปาน้อยเปิดสมุดทองคำ พูดอย่างชื่อๆ ว่า "ข้อที่หนึ่งร้อยหนึ่งของ 'กฎครอบครัวเฉียว' หลอกลวงเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีโทษตัดอวัยวะสืบพันธุ์ ท่านลุง หากท่านเป็นพ่อของข้าจริงๆแล้วล่ะก็..." โดยไม่รอให้เจ้าซาลาเปน้อยจะพูดจบ ปลายนิ้วอันย็นเฉียบของชายคนนั้นก็บีบคางของเฉียวเวย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เย็นชาและเป็นอันตราย "หากข้าจำไม่ผิด คืนนั้น เหมือนเจ้าจะเป็นคนบังคับขืนใจข้า!"

Options

not work with dark mode
Reset