ตอนพิเศษ 54-1 เวยเวยน้อยจอมอันธพาล ชาติกำเนิดของเจ้าตำหนัก (1)
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยหมุนตัวอยู่ในน้ำอย่างสนุกสนาน นางลอยมา ลอยไป กลีบดอกไม้น้อยพ่นน้ำ ปู้ดๆ!
เหล่าดอกบัวเซียนที่ถูกเพลิงมังกรข่มขวัญจนหนีไปใต้น้ำเมื่อครู่ เห็นว่าจู่ๆ บนผิวน้ำมีสหายใหม่จอมซุกซนเพิ่มมาหนึ่งดอกก็เกิดความสงสัยใคร่รู้
ดอกบัวเซียนใจกล้าบางดอกค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ผิวน้ำอย่างเชื่องช้า แต่ดอกบัวน้ำแข็งน้อยเอาแต่เล่นกับตนเอง ไม่สนใจพวกมัน
ดอกบัวเซียนทั้งหลายไม่รู้สึกถึงอันตราย ดอกบัวแต่ละดอกจึงลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ สระน้ำเซียนของเทพธิดาปี้สยากลับมาครึกครื้นอีกหน
ชิงสุ่ยเจินเหรินเป็นห่วงมาตลอดว่าเวยเวยผู้เป็นมังกรมารน้อยตัวสุดท้ายของโลกจะเหงาเพราะหาสหายเผ่าพันธุ์เดียวกันไม่พบ แต่ตอนนี้นางกลายเป็นดอกบัวน้ำแข็งน้อยแล้ว ย่อมไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีดอกบัวเซียนเป็นเพื่อนเล่น
ชิงสุ่ยเจินเหรินโล่งใจอย่างยิ่ง
เทพธิดาปี้สยาก็อารมณ์ดีเช่นกัน นางมองดอกบัวน้ำแข็งน้อยในสระน้ำแล้วเลิกคิ้วอย่างแปลกใจระคนยินดีปรีดา “เหตุไฉนข้าจึงไม่เคยคิดจะปลูกดอกบัวน้ำแข็งสักดอกนะ งดงามจริงเชียว…”
ตอนนั้นเองยอดเซียนก็เอ่ยเสียงราบเรียบว่า “สระน้ำเซียนของตำหนักปี้สยาเหมาะสำหรับให้ดอกบัวเซียนเติบโตที่สุด ปล่อยให้นางแช่น้ำไปเถิด วันพรุ่งนี้เช้าค่อยแวะมาดูนาง”
ชิงสุ่ยเจินเหรินกังวลว่าเวยเวยอยู่คนเดียวจะหวาดกลัว ทว่านี่เป็นตำหนักบรรทมของเทพธิดาปี้สยา เขาเป็นบุรุษตัวโตคนหนึ่งจะรั้งอยู่ที่นี่ย่อมไม่เข้าทีอยู่บ้าง เขาจึงหันไปมองเทพธิดาปี้สยา
เทพธิดาปี้สยาจับจ้องดอกบัวเซียนทั้งหลายในสระน้ำอย่างไม่ละสายตา สายตาของนางเต็มไปด้วยความอ่อนโยน มองออกว่าความจริงแล้วนางชอบเด็กน้อยกลุ่มนี้มากจริงๆ
สิ่งนี้ทำให้ชิงสุ่ยเจินเหรินวางใจลงบ้าง แต่ก็เพียงนิดเดียวเท่านั้น เมื่อคิดว่าเวยเวยต้องอยู่ที่นี่เพียงลำพัง เขาก็ยังเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
เทพธิดาปี้สยาสังเกตเห็นความกังวลของเขา จึงคลี่ยิ้มบอกว่า “ชิงสุ่ยเจินเหรินวางใจเถิด ข้าจะดูแลนางเอง”
ชิงสุ่ยเจินเหรินกล่าวตอบอย่างซาบซึ้ง “ถ้าเช่นนั้นต้องฝากท่านเทพธิดาด้วย หากเวยเวยร้องไห้โวยวาย รบกวนท่านเทพธิดาส่งกระแสจิตไปแจ้งข้า ข้าจะมารับนาง”
ยอดเซียนเบียดตนเองมาด้านหลัง “หลานสาวตัวน้อยที่รักของข้า แน่นอนว่าข้าต้องเป็นคนมารับสิ! ทำไม เจ้าเป็นบิดามาไม่มากพอหรือ จะยึดเวยเวยไว้คนเดียวหรืออย่างไร”
ชิงสุ่ยเจินเหริน “เอ่อ…”
มีผู้ใดเป็นบิดาแล้วรู้สึกว่ามากพอแล้วด้วยหรือ ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เพิ่งจะเป็นบิดามาได้ไม่กี่วันเท่านั้น แน่นอนว่าเขาย่อมอยากจะยึดเวยเวยไว้กับตัวเองคนเดียว เรื่องนี้มีสิ่งใดผิดกันเล่า
ยอดเซียนเชิดคาง แล้วเอ่ยอย่างหนักแน่น “เทพธิดาปี้สยา ข้ารักเวยเวยที่สุด มีเรื่องใดเจ้าจงแจ้งข้า”
เทพธิดาปี้สยายิ้มน้อยๆ “เจ้าค่ะ”
จีเสี่ยวซิวเดินไปที่ริมฝั่งแล้วกวักมือเรียกดอกบัวน้ำแข็งน้อย “มานี่หน่อย”
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยหมุนเล่นอยู่ในน้ำ นางหมุนติ้วๆ ราวกับกังหันลมพลางลอยมาหาเขา
จีเสี่ยวซิวลูบดอกตูมน้อยๆ ของมัน
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยสูบน้ำคำหนึ่ง แล้วพ่นปู้ดใส่หน้าของจีเสี่ยวซิว
ดอกบัวเซียนทั้งหลายกางใบคลี่กลีบดอก “ฮ่า ฮ่า ฮ่า!…”
…
เทพธิดาปี้สยาชอบจีเสี่ยวซิวผู้เสียงอ้อแอ้มาก นางจึงให้จีเสี่ยวซิวอยู่ต่อได้ แต่จีเสี่ยวซิวจพะวงอยู่กับไม้พันหงสาของยอดเซียน เขาจึงกอดขาชิงสุ่ยเจินเหรินจากไป
เทพธิดาปี้สยาเฝ้าอยู่ครู่หนึ่งก็เดินไปเก็บดอกกุ้ยฮวาเซียนที่สวนดอกไม้ด้านข้าง
พวกผู้ใหญ่จากไปกันหมดแล้ว เหล่าดอกบัวเซียนน้อยจึงเลิกอยู่นิ่ง ดอกบัวเซียนแสนงดงามที่กำเนิดจิตวิญญาณแล้วจำนวนหกดอกลอยเข้ามาล้อมดอกบัวน้ำแข็งน้อย
ความจริงพวกมันก็ยังไม่โตมากนัก หากเทียบกับเผ่ามนุษย์ก็เหมือนเด็กน้อยอายุเจ็ดปีถึงสิบปี แต่ดอกบัวน้ำแข็งน้อยยังเป็นเพียงทารกดอกบัวน้ำแข็ง นางเป็นเพียงดอกบัวน้อยตัวกลมกระจิดริด เมื่อเทียบขนาดตัวของพวกมันกับดอกบัวน้ำแข็งน้อย พวกมันจึงกลายเป็นสิ่งที่ใหญ่โตมโหฬาร
ดอกบัวสีม่วงเอ่ยอย่างหยิ่งยโส “นี่ ข้ามีนามว่าจื่อเอ๋อร์ เจ้าชื่อว่าอะไร”
ดอกบัวแดงตอบอย่างพาซื่อ “ข้านามว่าหงเอ๋อร์”
ดอกบัวสีเขียวกลอกตา “ไม่ได้ถามเจ้า ถามมันต่างหาก!”
ดอกบัวน้ำเงินเอ่ยเสียงอ่อยๆ “ถามข้าหรือ ข้านามว่าหลันเอ๋อร์”
ดอกบัวสีส้มเตะดอกบัวสีน้ำเงินไปหนึ่งที “ถามเจ้าตัวจิ๋วตัวนั้นต่างหากเล่า!”
ดอกบัวสีครามที่เป็นดอกบัวขนาดเล็กที่สุดในบรรดาดอกบัวทั้งหกเพิ่งจะลอยมาถึง มันเอ่ยตอบอย่างโง่งม “ข้าหรือ ข้า ข้า ข้า…ข้านามว่าชิงเอ๋อร์”
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยตัวเล็กจริงๆ ไม่ว่าจะกลีบใดของดอกบัวสีครามก็ขนาดใหญ่กว่ามันทั้งสิ้น
ดอกบัวสีครามรู้สึกว่าชีวิตการเป็นน้องเล็กของตนกำลังจะจบลงแล้ว นับจากวันนี้ไป นางก็จะได้เป็นพี่สาวคนหนึ่งแล้วเหมือนกัน!
“เจ้าแย้มกลีบบานเป็นหรือยัง ข้าสอนเจ้าคลี่กลีบนะ” ดอกบัวสีครามใช้ใบบัวของตนเองสะกิดดอกบัวน้ำแข็งน้อย
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยมองมันอย่างสงสัยใคร่รู้
ดอกบัวสีครามคลี่ใบบัวของตนเองออก ปล่อยให้ใบบัวกางอยู่เหนือผิวน้ำกระจ่างใส หลังจากนั้นมันจึงคลี่กลีบดอกไม้สีฟ้าครามของตนเองออกทีละกลีบ มันแย้มกลีบบานงามตระการ แม้แต่รัศมีเซียนก็ยังถูกดึงเข้ามาหา
ดอกบัวเซียนทั้งหลายที่เหลือต่างสัมผัสได้ พวกมันจึงพากันแย้มกลีบบานของใครของมันบ้าง
ไม่ว่าจะดอกบัวที่ถือกำเนิดจิตวิญญาณแล้วหรือยังไม่ถือกำเนิดจิตวิญญาณต่างเริ่มเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ ดอกบัวในสระน้ำเซียนพากันแย้มกลีบบานหมดทั้งสระ มีสีแดง สีขาว สีน้ำเงิน สีม่วง สีเขียว…ทุกดอกล้วนงดงามตระการ
เกสรดอกไม้สีเหลืองอมส้มเปล่งประกายสีทองระยิบระยับสะกดตา
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยพยายามจะหุบกลีบ หุบเอาไว้ ไม่ยอมแย้มกลีบบาน แต่ร่างกายของมันกลับไม่ฟังคำสั่งสักนิด!
กลีบดอกไม้รูปร่างคลายแผ่นน้ำแข็งบางค่อยๆ กางออกทีละกลีบๆ แสงตะวันส่องตกต้องกลีบดอกไม้ใสแจ๋วเกิดเป็นรัศมีแสงหลากลายสียามสะท้อนกับน้ำแข็ง ประหนึ่งแสงเหนือมาเยือนเหนือสระน้ำเซียน ทั้งตำหนักปี้สยาอาบแสงสว่างไสว
เหล่าดอกบัวเซียนผู้ขันแข่งประชันโฉมตาโตอ้าปากค้างนิ่งอึ้งอยู่กับที่
จนกระทั่ง…กลีบดอกของดอกบัวน้ำแข็งน้อยบานออกจนหมด เผยให้เห็นเกสรดอกไม้ที่แต่เดิมควรจะเป็นสีเหลืองส้มไม่ก็สีทองอร่ามแต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น
“ฮ่าๆ! เกสรดอกไม้สีดำ! นางเป็นดอกบัวเกสรดำล่ะ!”
“มีดอกบัวที่เกสรสีดำด้วย มันต้องไม่เคยอาบน้ำแน่ๆ เลย! ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
“ไม่อาบน้ำ ฮ่าๆ!”
“ฮ่าๆ!”
“ฮ่าๆ!”
เหล่าดอกบัวเซียนพ่นน้ำหัวเราะเสียงดังลั่น
“เหอะ!” ดอกบัวน้อยเกสรดำโกรธแล้ว
ดอกบัวน้อยเกสรดำจึงเงื้อกำปั้นไล่ทุบตีดอกบัวเซียนทั้งสระน้ำไม่ตกหล่นแม้แต่ดอกเดียว!
…
ตอนที่เทพธิดาปี้สยาเก็บดอกกุ้ยฮวาเสร็จแล้วแวะกลับมาดูพวกมันอีกครั้ง สงครามก็จบลงแล้ว สระน้ำเซียนเงียบสงบ ดอกบัวเซียนทั้งหลายต่างหุบกลีบ ลอยนิ่งสงบอยู่บนผิวน้ำ ดอกบัวน้ำแข็งน้อยลอยอยู่ตรงกลางสระ มันหมุนติ้วลอยหวือไปตรงนั้น ลอยหวือมาตรงนี้
เทพธิดาปี้สยาย่อตัวลงมามองดอกบัวเซียนที่อยู่กันอย่างเงียบสงบเรียบร้อยทั้งหลายแล้วคลี่ยิ้มอ่อนโยนบอกว่า “เวยเวยยังเด็ก นางเพิ่งมาถึง พวกเจ้าอย่ารังแกนางเล่า เข้าใจหรือไม่”
ดอกบัวเซียนทั้งหลายใบกระตุก น้ำตาตกใน ผู้ใดรังแกผู้ใดกันแน่
ดอกบัวเซียนทั้งหลายหุบกลีบดอกแน่น ไม่ต่างจากเด็กน้อยชาวมนุษย์ที่หุบปากสนิท เพราะกลีบดอกชั้นที่สองของพวกมันถูกทุบตีจนร่วงไปหมดแล้ว หากเป็นเด็กน้อยซุกซนเผ่ามนุษย์ก็คงเท่ากับถูกซ้อมจนฟันหน้าร่วงโบ๋
เรื่องน่าขายหน้าเช่นนี้ จะให้เทพธิดาปี้สยารู้ไม่ได้
เทพธิดาปี้สยาเห็นดอกบัวน้ำแข็งน้อยอยู่กับดอกบัวเซียนทั้งหลายได้อย่างกลมเกลียวเช่นนี้ก็เดินกลับตำหนักอย่างวางใจ
ทว่าตลอดทั้งค่ำคืนนั้น ดอกบัวเซียนทั้งหลายต่างถูกข่มเหงรังแกอย่างน่าอนาถ!
…
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยวุ่นวายอยู่ทั้งคืนจนไม่ได้นอน ยามกลางวันนางจึงเริ่มนอนกรนคร่อก บังเอิญว่าตอนกลางวันชิงสุ่ยเจินเหรินกับจีเสี่ยวซิวล้วนแวะมาเยี่ยมนาง ดอกบัวเซียนทั้งหลายอยากจะแก้แค้นก็ไร้โอกาส
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยนอนจนเต็มอิ่มตอนกลางวัน ตกกลางคืนก็เริ่มทรมานดอกบัวเซียนดอกน้อยกลุ่มนี้อีกครั้ง ดอกบัวเซียนทั้งหลายร่ำไห้แทบวายชีวา
สระน้ำเซียนส่งผลดีต่อการเติบโตของดอกบัวน้ำแข็งน้อยอย่างเห็นได้ชัด ดอกบัวน้ำแข็งน้อยเปลี่ยนแปลงไปชนิดวันต่อวัน แรกเริ่มดอกใหญ่เพียงฝ่ามือ จากนั้นก็ค่อยๆ เติบใหญ่จนขนาดเท่าชามข้าว ไม่นานก็เริ่มตัวใหญ่เท่ากระถางดอกไม้ขนาดเล็ก ใบบัวของมันเป็นสีเดียวกับน้ำแข็ง กลีบดอกของมันก็เป็นสีเดียวกับน้ำแข็ง มีเพียงเกสรที่บ่งบอกถึงสายเลือดเผ่ามารของมัน
ถึงอย่างนั้นมันก็งดงามน่าหลงใหลยิ่งนัก