ตอนพิเศษ 47-1 จุมพิต คู่หมั้น (2)
วันนี้แดนกลางเกิดเรื่องใหญ่หลายเรื่อง หนึ่งในนั้นก็คือรองหัวหน้าสหพันธ์ของสหพันธ์แดนกลางจู่ๆ ก็ลาออกจากตำแหน่ง ผู้คนต่างถกเถียงเหตุผลที่เขาลาออกไปต่างๆ นานา บางคนกล่าวว่ารองหัวหน้าสหพันธ์ไปล่วงเกินผู้ใดเข้าจึงทำให้สหพันธ์แดนกลางลบชื่อเขาออก บางคนก็บอกว่าเขาพาบุตรชายกลับไปอยู่ที่เผ่ามาร แน่นอนว่ามีแหล่งข่าวขนาดเล็กบางแหล่งบอกว่าเขาก่อเรื่องที่เผ่ามารจึงกลับมายังแดนกลางไม่ได้แล้ว
ความร้อนแรงของข่าวนี้ยังไม่ทันจางหาย ก็เกิดเรื่องสะเทือนฟ้าสะเทือนดินเรื่องที่สองขึ้นมาอีก สำนักว่านเซี่ยงยกเลิกสัญญาหมั้นระหว่างว่านจื่อเยียนกับฉินเซวียนแล้ว!
ผู้คนในแดนกลางไม่เชื่อว่าสำนักว่านเซี่ยงจะล่วงเกินรองหัวหน้าสหพันธ์แดนกลางเช่นนี้ พวกเขาจึงพากันคิดว่ารองหัวหน้าสหพันธ์เป็นฝ่ายขอถอนหมั้น เพื่อจะสนับสนุนข้อสันนิษฐานของตนเอง เหล่าผู้ฝึกตนของสหพันธ์จึงขุดเรื่องที่มือขวาของว่านจื่อเยียนพิการไม่มีวันรักษาหายออกมาเป็นเหตุผล
รองหัวหน้าสหพันธ์ไม่ต้องการลูกสะใภ้พิการ เรื่องมันก็เรียบง่ายเช่นนี้
หลังจากสำนักว่านเซี่ยงได้ยินข่าวลือเหล่านี้ก็โกรธจนสำลัก สำนักว่านเซี่ยงจึงบุกไปหาสำนักเชียนหลัน เพื่อขอให้เจ้าสำนักสวี่ออกหน้ายืนยันว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด
เจ้าสำนักสวี่ว่าอย่างขบขัน “เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับสำนักว่านเซี่ยงของท่านไยต้องให้สำนักเชียนหลันไปยืนยัน สำนักเชียนหลันติดค้างอันใดพวกท่านหรือ ก่อนหน้านี้ผู้ที่แย่งชิงเทือกเขาไปครองมิใช่สำนักเชียนหลัน แต่เป็นสำนักว่านเซี่ยงของพวกท่านมิใช่หรือไร”
เจ้าสำนักว่านเตะเจอตอเข้าก็คับอกคับใจเป็นอย่างยิ่ง แต่เขาไร้หนทางทำสิ่งใด ก่อนหน้านี้สำนักว่านเซี่ยงหยัดยืนในแดนกลางได้อย่างรวดเร็วเป็นเพราะพึ่งพิงขุนเขาใหญ่อย่างรองหัวหน้าสหพันธ์ ยามนี้ขุนเขาล้มครืนลงแล้ว พวกเขาย่อมถูกผู้คนดูถูกเหยียดหยันตามไปด้วย
ตอนนี้เขาต้องรีบตัดสัมพันธ์กับรองหัวหน้าสหพันธ์ให้เด็ดขาด ต้องทำให้ทุกคนในแดนกลางรู้ว่า ไม่ใช่ลูกสาวของเขาที่ถูกฉินเซวียนถอนหมั้น แต่ฉินเซวียนต่างหากที่ถูกลูกสาวของเขาสลัดทิ้ง!
แต่หากจะทำเช่นนั้นก็จำเป็นต้องพิสูจน์ก่อนว่ารองหัวหน้าสหพันธ์สูญเสียอำนาจไปแล้ว
นอกจากชิงสุ่ยเจินเหรินกับสำนักเชียนหลันก็ไม่มีผู้ใดยืนยันเรื่องนี้ได้แล้ว
แต่ชิงสุ่ยเจินเหริน…เขาไม่กล้าแตะ…
เจ้าสำนักว่านเซี่ยงเอ่ยเสียงโอนอ่อน “ก่อนนี้มีเรื่องเข้าใจผิดกันอยู่มาก หวังว่าพี่ใหญ่จะใจกว้าง ความจริงเรื่องนี้ข้าก็ทำเพื่อสำนักเชียนหลัน ได้ยินมาว่าน้องสาวของหลิงจือได้รับการยอมรับจากเผ่ามารแล้ว แต่คนของแดนกลางกลับยังไม่รับรู้ฐานะของนาง พวกเขายังเชื่อว่าฉินเซวียนเป็นนายน้อยของเผ่ามารอยู่ พี่ใหญ่สวี่ลองคิดดูเถิด…พวกเราควรให้น้องสาวของหลิงจือถูกเรียกขานอย่างถูกต้องไม่ใช่หรือไร”
“คำเรียกขานก็แค่ตัวล่อ โยนหินซ้ำรองหัวหน้าสหพันธ์ต่างหากคือจุดประสงค์ที่แท้จริง” เจ้าสำนักสวี่มิใช่คนโง่ เขาไม่ทำเรื่องที่เปลืองแรงแต่ไร้ประโยชน์พรรค์นี้หรอก รองหัวหน้าสหพันธ์จะเป็นจะตายอย่างไรก็สมควรให้เผ่ามารพิพากษา เวยเวยจำเป็นจะต้องเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้คนหรือไม่ ชิงสุ่ยเจินเหรินต่างหากที่เป็นคนตัดสินใจ
ท่านเซียนยังไม่สนใจชื่อเสียงจอมปลอมเหล่านี้ แล้วไยเขาต้องยุ่งไม่เข้าเรื่องด้วยเล่า
ยิ่งไปกว่านั้นท่านจอมมารก็ยังไม่กลับมา ยามนี้กังวลเกี่ยวกับเรื่องชื่อเสียงมิใช่ว่าเร็วเกินไปหรือ
สุดท้ายเจ้าสำนักสวี่ก็ตะเพิดไล่เจ้าสำนักว่านออกไป ทว่าเจ้าสำนักว่านยังไม่ตัดใจ วันต่อมาเขาส่งลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดบุกมาสู่ขอหลิงจือถึงสำนัก
เป็นอาจารย์หนึ่งวันเท่ากับเป็นมารดาชั่วชีวิต เรื่องใหญ่ในชีวิตของหลิงจือย่อมมีผู้พิทักษ์ใหญ่เป็นคนตัดสินใจ ผู้พิทักษ์ใหญ่ไม่แม้แต่จะหยุดคิดก็เตะศิษย์คนนั้นออกไปจากสำนักทันที
“หลิงเอ๋อร์ หลิงเอ๋อร์ เจ้ากำลังทำสิ่งใด” ในลานฝึกวิชา ผู้พิทักษ์รองตบบ่าเด็กสาวรากปราณสวรรค์เบาๆ
เรือนร่างอรชรของเด็กสาวรากปราณสวรรค์สะดุ้งแล้วได้สติกลับมา นางมองผู้พิทักษ์รองอย่างอึกอัก เมื่อปลายหางตาเหลือบเห็นศิษย์สำนักว่านเซี่ยงเดินผ่านหน้าประตูไป จึงตอบอย่างหัวไวว่า “ข้ากำลังคิดว่า…คนของสำนักว่านเซี่ยงมาทำอะไรเจ้าค่ะ”
ผู้พิทักษ์รองร้องอ้อคำหนึ่งแล้วตอบว่า “พวกเขามาสู่ขอหลิงจือ”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ตกใจมาก “อะไรนะเจ้าคะ สู่ขอหลิงจือ แต่หลิงจือเพิ่งจะอายุสิบสามเท่านั้น…”
ผู้พิทักษ์รองตอบว่า “ที่โลกมนุษย์ แม่นางอายุเท่านี้ก็เริ่มมีคนมาสู่ขอแล้ว”
“แต่…”
เหตุใดจึงเป็นหลิงจือเล่า
ไม่ใช่ว่าเด็กสาวรากปราณสวรรค์ไม่เข้าใจจริงๆ หรอก นางเพียงไม่อยากจะเชื่อเช่นนั้นก็เท่านั้น นับตั้งแต่เฉียวเวยเวยกลายเป็นบุตรสาวของชิงสุ่ยเจินเหริน หลิงจือก็เป็นเรือลอยสูงตามน้ำ กลายเป็นเป้าหมายที่ทุกคนต้องการประจบประแจงเอาใจ ย้อนกลับมามองตัวนาง นางเหลือแต่พรสวรรค์ของร่างกายนี้ มิใช่ดวงเดือนที่ถูกล้อมด้วยหมู่ดาวอีกต่อไป
ผู้พิทักษ์รองจ้องมองนางแล้วถามว่า “หลิงเอ๋อร์ ระยะนี้เจ้าไม่ค่อยมีสมาธิกับการฝึกนัก หรือว่า…เจ้ายังคับแค้นเรื่องชาติกำเนิดอยู่อีก”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ก้มหน้างุด “ขออภัยเจ้าค่ะ”
ผู้พิทักษ์รองถอนหายใจแล้วตอบว่า “เจ้ามิต้องเอ่ยขออภัยกับอาจารย์ เรื่องนี้เป็นความผิดของอาจารย์เอง หากต้องขออภัย อาจารย์ต่างหากที่ต้องขออภัยเจ้า”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ส่ายหน้า “ท่านอาจารย์ ข้าไม่เคยคิดโทษท่าน”
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเด็กกตัญญู” ผู้พิทักษ์รองยิ้ม
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ก้มหน้า “ข้า…บางครั้งข้าก็เพียงครุ่นคิดว่าแท้จริงแล้วข้าเป็นผู้ใดกันแน่”
“เจ้าเป็นลูกศิษย์ของข้า เป็นลูกศิษย์ของสำนักเชียนหลันอย่างไรเล่า” ผู้พิทักษ์รองเอ่ยตอบ แล้วยกมือขึ้นมาจัดคอเสื้อของนาง แต่แล้วก็พบว่าบนลำคอของนางว่างเปล่า ผู้พิทักษ์รองขมวดคิ้ว “หลิงเอ๋อร์ ยันต์แคล้วคลาดของเจ้าไปไหนเสียแล้วเล่า”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ตอบว่า “เมื่อวานตอนอาบน้ำข้าถอดออก หลังจากนั้นก็ลืมสวมเจ้าค่ะ”
ผู้พิทักษ์รองย้ำ “เจ้าต้องสวมติดตัวไว้ตลอดสิ”
“เหตุใดกันเจ้าคะ” เด็กสาวรากปราณสวรรค์จ้องตาของอาจารย์แล้วเอ่ยถาม
ผู้พิทักษ์รองกระแอมเบาๆ แล้วคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ในยันต์แคล้วคลาดมีพลังอาคมของอาจารย์อยู่ ในยามสำคัญมันจะปกป้องเจ้า”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์หลุบตาลง
…
หลังเดินทางออกจากสำนักเชียนหลันไปสามวัน ชิงสุ่ยเจินเหรินก็กลับมา
ชิงสุ่ยเจินเหรินตัดสินใจว่าจะพาเฉียวเวยเวยไปแดนปีศาจสักหน ทว่าไม่รู้ว่าจะต้องเดินทางไปนานเท่าใด อาจจะหนึ่งเดือน หรืออาจจะหนึ่งปี เฉียวเวยเวยไม่อยากอยู่ห่างจากหลิงจือนานถึงเพียงนั้น ชิงสุ่ยเจินเหรินจึงต้องพาหลิงจือไปด้วย
จีเสี่ยวซิวต้องตามหาเพลิงปีศาจหมื่นพิภพ โอกาสหายากพันปีมีหนเช่นนี้เขาย่อมไม่อยากพลาด ดังนั้นเขาจึงกุมมือเฉียวเวยเวยอย่างเอาแต่ใจ แล้วเอ่ยเสียงเศร้าสร้อย “ข้าไม่อยากแยกจากเวยเวย! ข้าจะไปด้วย!”
แต่ว่าเจ้าสำนักสวี่ไม่อนุญาตให้เขาไป
จีเสี่ยวซิวจึงทิ้งตัวลงไปร้องไห้โวยวายบนพื้น
เด็กดื้อเช่นนี้จับขังสักสองสามวันก็คงจะว่านอนสอนง่ายแล้ว แต่ใครใช้ให้จีเสี่ยวซิวถูกตามใจมาจนโตกันเล่า เพียงเจ้าสำนักสวี่หวนนึกถึงเล่อหยางเจินเหรินที่จากไป เขาก็ทำใจเหี้ยมสั่งสอนจีเสี่ยวซิวอย่างเด็ดขาดไม่ได้ ทว่าจะให้จีเสี่ยวซิวตามไปด้วยจริงๆ ก็กังวลว่าหลิงจือคนเดียวจะดูแลไม่ไหว
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปด้วย” เด็กสาวรากปราณสวรรค์ปรากฏตัวตรงหน้าประตูห้องโถงซงชุ่ย นางก้าวเข้ามาในห้องอย่างแช่มช้า กล่าวอาสาด้วยสีหน้าจริงใจ “ข้าจะดูแลอาจารย์อาน้อยเอง จะไม่ให้ชิงสุ่ยเจินเหรินลำบากเด็ดขาด”
แดนปีศาจมิใช่สถานที่ที่จะไปเที่ยวเล่นได้ตามใจ หลิงจือพลังอยู่ในขั้นรากฐานก็ลำบากชิงสุ่ยเจินเหรินมากพอแล้ว หากมีผู้ฝึกตนระดับล่างเพิ่มไปอีกคน นั่นจะยิ่งเป็นการถ่วงแข้งถ่วงขาชิงสุ่ยเจินเหริน
ยิ่งไปกว่านั้น…
เจ้าสำนักสวี่กับผู้พิทักษ์ทั้งหลายแลกสายตากันเงียบๆ
ผู้พิทักษ์รองเอ่ยปากห้ามปราม “หลิงเอ๋อร์ อย่าก่อเรื่องสิ หนนี้มิใช่ไปเที่ยวเล่นเสียหน่อย”