หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรักตอนพิเศษ 44-1 มังกรน้อยจัดการพวกสวะ เทหมดหน้าตัก

ตอนพิเศษ 44-1 มังกรน้อยจัดการพวกสวะ เทหมดหน้าตัก

ตอนพิเศษ 44-1 มังกรน้อยจัดการพวกสวะ เทหมดหน้าตัก

มังกรมารน้อยไม่เคยเห็นตรามังกรมารจึงไม่รู้ว่ามันหน้าตาเป็นอย่างไร ผู้อาวุโสทั้งหลายใช้อาคมสร้างตรามังกรมารเลียนแบบตรามังกรมารที่เคยถูกพบในอดีตออกมาแบบละอัน พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นป้ายตราโลหะรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ส่วนใหญ่เป็นสีดำ แต่ก็มีบ้างที่เป็นสีครามเขียว

พวกมันใหญ่เล็กไม่เท่ากัน ชิ้นที่ใหญ่ที่สุดขนาดเท่าตำราเล่มหนึ่ง ส่วนชิ้นที่เล็กที่สุดใหญ่เท่าฝ่ามือของเฉียวเวยเวยเท่านั้น

“ทุกชิ้นอยู่ที่นี่หมดแล้วหรือ” ชิงสุ่ยเจินเหรินถาม

ผู้อาวุโสใหญ่ตอบว่า “นอกจากตราของท่านจอมมารที่ถูกมหาอัสนีวิบากผ่าสลายไปพร้อมกับนาง ชิ้นที่เหลือล้วนอยู่ที่นี่ กล่าวกันว่าระดับการฝึกตนของมังกรมารยิ่งสูง ตรามังกรมารที่หาพบก็จะยิ่งมีขนาดใหญ่ ตรามังกรมารชิ้นนั้นของท่านจอมมารเป็นชิ้นที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์”

ผู้อาวุโสใหญ่เล่าพลางก็วาดมือเป็นภาพประกอบ มันมีขนาดใหญ่แทบจะเท่าก้อนอิฐก้อนหนึ่ง

“แต่ระดับการฝึกตนของคุณหนู…” ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยงึมงำ “คงจะหาชิ้นที่ใหญ่ขนาดนั้นไม่พบ”

สายตาของเขาจับจ้องไปที่ตรามังกรมารชิ้นเล็กที่สุด

“ชิ้นนี้หรือ” ชิงสุ่ยเจินเหรินหยิบตรามังกรมารชิ้นน้อยขึ้นมา

ผู้อาวุโสใหญ่กระแอมทีหนึ่งแล้วพยักหน้า เขากังวลว่าชิงสุ่ยเจินเหรินจะโทษว่าเขาดูแคลนคุณหนู ความจริงเขาขยายใหญ่แล้วนะนั่น

ชิงสุ่ยเจินเหรินไม่พูดสิ่งใดทั้งสิ้น เขาใช้อาคมเสกตราชิ้นที่เหมือนกันทุกอย่างผูกไว้ที่ลำคอ…แถบผ้าสีชมพูบนลำคอของมังกรน้อย

เจ้าสำนักสวี่รู้สึกเย็นวาบที่ก้นอย่างไม่รู้สาเหตุ…

ชิงสุ่ยเจินเหรินอดกลั้นไม่เรียกอสนีบาตมาผ่าเจ้าสำนักสวี่ให้ตาย แล้วเอ่ยกับมังกรมารน้อยอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้าเข้าไปด้านในแล้วตามหาตราที่ใหญ่พอๆ กับสิ่งนี้ เล็กกว่าหน่อยก็ได้ ตามหาพบแล้วก็ออกมา หากหาไม่พบก็ไม่เป็นอะไร พ่อจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้”

มังกรมารน้อยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง นางประทับริมฝีปากที่ทาสีทาเล็บสีแดงร้อนแรงลงบนใบหน้าของบิดาตนเองหนึ่งหน

ตอนนี้ชิงสุ่ยเจินเหรินอยากเสกอสนีบาตมาผ่าลู่หยวนเจิ่นให้ตาย!

มังกรมารน้อยกระโดดโหยงเหยงเข้าไปในเขตต้องห้าม

หากไม่เห็นดอกไม้สีแดงสดดอกนั้น ชิงสุ่ยเจินเหรินก็คงจะละเว้นประมุขเหลยอยู่หรอก

วังมารอยู่ในเขตต้องห้าม ข้ามสะพานไม้น้อยแห่งหนึ่งไปก็ถึงแล้ว ทุกคนมองส่งมังกรมารน้อยเดินเข้าประตูใหญ่ของวังมาร หลังจากนั้นก็มองไม่เห็นสิ่งใดอีก

วังมารมีกฎของตัวมันเองอยู่ แม้แต่ชิงสุ่ยเจินเหรินก็ลอบสอดส่องด้านในได้ยาก ทุกคนเริ่มต้นการรอคอยอันยาวนานและตึงเครียด มังกรมารบางตนโชคดีไม่กี่วันก็ออกมาได้ บางตนโชคร้ายหน่อยอาจใช้เวลาหนึ่งเดือน สองเดือน หรืออาจจะถึงสามเดือน พวกเขาไม่แน่ใจว่ามังกรน้อยจะโชคดีหรือไม่

“โหราจารย์หญิงยังไม่มาหรือ” ผู้อาวุโสใหญ่ถามองครักษ์ที่อยู่ด้านข้างอย่างไม่พอใจ

องครักษ์ตอบว่า “โหราจารย์หญิงไม่มาขอรับ นางบอกว่านางไม่สบาย”

ลูกศิษย์ของตนขายหน้าต่อหน้าธารกำนัลจะ ‘ไม่สบาย’ ก็มีเหตุผล ผู้อาวุโสใหญ่แสดงท่าทางว่าเข้าใจ รองหัวหน้าสหพันธ์กับฉินเซวียนก็ไม่มาเช่นกัน ผู้อาวุโสใหญ่จึงไม่ถามแล้ว

รองหัวหน้าสหพันธ์หงุดหงิดฉุนเฉียวอยู่ในบ้านจริง แต่โหราจารย์เหยากับฉินเซวียนไม่ใช่ ทั้งสองคนขี่พัดบินของโหราจารย์เหยาหลบเลี่ยงสายตาของผู้คนอ้อมมาที่ประตูเล็กของวังมาร

ประตูบานนี้นอกจากจอมมารก็มีเพียงโหราจารย์เหยาที่รู้ว่ามันมีอยู่ ส่วนนางรู้ได้อย่างไรนางไม่อยากนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ต้องเป็นวัวเป็นม้าให้จอมมารนัก

“อาจารย์ ที่แห่งนี้ก็คือวังมารหรือขอรับ” ฉินเซวียนมองประตูเหล็กที่ไม่สะดุดตากับกำแพงล้อมที่ตั้งอยู่ประปรายสองฝั่งของประตูเหล็ก แล้วถามออกมาอย่างสงสัยเล็กน้อย

โหราจารย์เหยายิ้มจางๆ “อย่าถูกดวงตาของเจ้าหลอก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอาคมอำพรางของวังมาร” นางอธิบายพลางยกมือขึ้นสะบัดแขนเสื้อ วังทองคำเรืองอร่ามหลังหนึ่งปรากฏเบื้องหน้าทั้งสองคน

ดวงตาของฉินเซวียนเบิกโตในพริบตา จากนั้นโหราจารย์หญิงก็ฉีกข่ายอาคมพาฉินเซวียนเข้าไปในวังมาร ประตูเล็กตรงนี้เป็นจุดที่ข่ายอาคมอ่อนแอที่สุดของวังมาร แล้วก็เป็นจุดที่ลับตาคน ไม่มีคนสัญจรไปมาที่สุดด้วย การแอบเข้าไปจากที่นี่ย่อมไม่ถูกผู้ใดพบเห็น

โหราจารย์เหยาส่งมุกแปลงกายเม็ดหนึ่งให้ฉินเซวียน “แม้อาจารย์ไม่คิดว่าจะมีคนกลุ่มที่สามเข้ามา แต่เพื่อกันไว้ก่อน อย่าเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงจะเป็นการดีกว่า”

ฉินเซวียนพยักหน้ารับมุกแปลงกายมา แล้วแปลงโฉมพร้อมกับโหราจารย์เหยากลายเป็นหน้าตาที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

“อาจารย์ วังมารใหญ่โตถึงเพียงนี้ อาวุธศักดิ์สิทธิ์จะอยู่ที่ใดเล่า” ฉินเซวียนถามอย่างสงสัย

โหราจารย์เหยาล้วงเข็มทิศผลึกแก้วชิ้นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ “บางครั้ง อาจารย์ก็รู้สึกว่าการที่เคยรับใช้จอมมารมาก่อนก็ไม่เลวเช่นกัน”

ฉินเซวียนอึ้งไปเล็กน้อย “อาจารย์ขโมยของของจอมมารมาหรือ”

“ใช่แล้ว” นางรับใช้มารแซ่เฮ่อหลันตนนั้นมาเนิ่นนาน ถูกเรียกใช้ทำโน่นทำนี่เสมือนบ่าวรับใช้ นางต้องการของตอบแทนบ้างเล็กน้อยไม่ได้หรือไร อีกอย่างยามนั้นจอมมารก็ ‘ตาย’ ไปแล้ว หยิบสิ่งของของคนตายคนหนึ่งมาจะนับว่าเป็นการขโมยได้อย่างไรเล่า

โหราจารย์เหยามองจุดสีแดงที่ลอยอยู่ในเข็มทิศแก้วผลึก แล้วบิดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มน้อยๆ “อาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้านนี้”

ฝ่ายมังกรมารน้อยหลังจากเข้ามาในวังมารก็เริ่มค้นหาตราแผ่นน้อยทันที นางเดินเข้าไปในตำหนักแห่งหนึ่ง ภายในตำหนักมีตราที่ตาเปล่ามองไม่เห็นลอยอยู่หลายชิ้น

“ทุกคนดูนั่น มีมังกรมาแล้ว!” ตราหมายเลขหนึ่งตะโกนบอก

สิ้นเสียงของมันตราที่ลอยอยู่กลางอากาศทั้งหมดก็เหยียดตัวตรง ทำให้ตัวเองส่องประกายวิบวับๆ พยายามเปล่งแสงให้เจิดจ้าที่สุด

มังกรมารน้อยกระโดดเข้ามา

ตราหมายเลขสองตะลึงงัน “เอ่อ…เหตุใดจึงเป็นลูกมังกรตัวหนึ่งเล่า”

ตราหมายเลยสามคอตกอย่างห่อเหี่ยวเหมือนนมแผ่นที่ถูกย่าง “จบสิ้นกันๆ คงไม่ได้ออกไปอีกแล้ว เกิดเป็นตราช่างน่าเศร้าเหลือเกิน!”

ตราหมายเลขสี่เอ่ยขึ้นว่า “เดี๋ยวก่อน เหมือนนางจะมองเห็นพวกเรานะ!”

ตราหมายเลขสามที่ทำตัวเป็นนมแผ่นถูกย่างจนเหี่ยว ยืดตัวตรงในพริบตา มันกะพริบวิบวับอย่างคึกคัก!

ในช่วงเวลาหลายหมื่นปีที่ผ่านมาพวกมันมองตรารุ่นหลานชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกมังกรมารทั้งหลายพาออกไป แต่พวกมันระดับการฝึกตนสูงเกินไปจึงไม่มีมังกรมารตัวใดหาพบ ตอนนี้ในที่สุดก็มีมังกรมารเห็นพวกมันแล้ว พวกมันตื้นตันจนแทบจะหลั่งน้ำตา!

ตราหมายเลขหนึ่ง “เลือกข้าๆ!”

ตราหมายเลขสอง “มันเท้าเหม็นจะตาย! เลือกข้าๆ!”

ตราหมายเลขสาม “เจ้านั่นเป็นจิ้งจอกเหม็นโฉ่ว! เจ้าเลือกข้าสิ!”

ตราหมายเลขสี่เสกอาภรณ์สีชมพูตัวหนึ่งมาสวมให้ตนเองแล้วทำเสียงเล็กเสียงน้อย “ข้าเป็นแม่นางน้อยเหมือนเจ้า รีบเลือกข้าเร็ว เลือกข้า”

ตราหมายเลขหนึ่ง หมายเลขสองกับหมายเลขสามรวมหัวกันทำหน้าดูแคลนใส่ บุรุษฉกรรจ์ว่างงานเช่นเจ้าทำเช่นนี้จะดีหรือ!

มังกรมารน้อยมองตราทั้งสี่ชิ้นทีละชิ้น แต่ว่าตราแต่ละชิ้นมีแต่อันโตๆ ไม่มีขนาดเล็กเท่าชิ้นที่อยู่บนลำคอของนางเลย ท่านพ่อบอกว่าต้องหาอันที่ขนาดเท่ากันไม่ก็ขนาดเล็กกว่า มังกรน้อยจึงเดินจากไปอย่างกลัดกลุ้ม

ตราหมายเลขหนึ่ง พวกเราถูกรังเกียจหรือ

ตราหมายเลขสอง นางไม่ต้องการพวกเราหรือ

ตราหมายเลขสาม นางไปหาเจ้าพวกชั้นต่ำที่ตำหนักด้านข้างแล้ว!

ตราหมายเลขสี่เสกกระทะเหล็กใบหนึ่งออกมา เจ้าพวกชั้นต่ำตัวน้อย! กล้าแย่งกับมารดาหรือ! พวกเจ้าคงมีชีวิตอยู่จนเบื่อแล้วสินะ!

มังกรมารน้อยเดินออกจากตำหนักหลังที่หนึ่ง เข้าไปในตำหนักหลังที่สอง ตำหนักหลังนี้มีตราชิ้นที่ใหญ่มากกว่าเดิม มังกรน้อยกลัดกลุ้มมากขึ้นอีก

ตราทั้งแปดชิ้นต่อสู้ตบตีกันอย่างไม่มีสาเหตุไปหนึ่งยกก็แยกย้ายจากกันพร้อมกับใบหน้าที่บวมปูดกับจมูกเขียวช้ำ มังกรมารน้อยถอนหายใจเดินออกจากตำหนักหลังที่สองไปยังตำหนักหลังที่สาม

ตราทั้งหลายติดตามไปด้านหลังนางอย่างว่องไว ตราทุกชิ้นต่างถือกระทะเหล็ก ไปถึงที่ใดก็วิวาทก่อน วิวาทเสร็จค่อยเจรจาทีหลัง ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ตราชิ้นที่ใหญ่ที่สุดที่ลอยตามก้นมังกรน้อยก็มีขนาดเท่าป้ายสุสานแผ่นหนึ่ง

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง (偏方方) แนะนำเรื่องย่อ เมื่อหมอสาวยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณแถมพ่วงด้วยลูกแฝดอีกสอง ทำขนม ดักสัตว์ ทำไร่ ทำทุกอย่างที่ได้เงิน! เฉียวเวย เด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรจู่ๆ ก็ทะลุมิติมายังยุคโบราณที่ไม่รู้จัก นอกจากจะมาอาศัยร่างคนอื่นอยู่แล้ว ร่างเดิมนี้ยังมีลูกแฝดอีกสองชีวิตให้ต้องเลี้ยงดู! นางที่ไร้ซึ่งความทรงจำใดๆ ในโลกใบใหม่แต่พราะทักษะติดตัวสมัยยังต้องดิ้นรนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทำให้ชีวิตไม่ลำบากเกินไปนัก ทำขนม ดักสัตว์ ปลูกพืช รักษาคน จากนี้นางจะเลี้ยงลูกๆ ให้เติบใหญ่ด้วยมือของนางเอง! เจ้าซาลาเปาน้อยจูงมือบุรุษใบหน้าเคร่งขรึมเข้ามา "ท่านแม่ ท่านลุงบอกว่าเขาเป็นพ่อของข้า" เฉียวเวยยิ้มละไม "ลูกรัก บอกพ่อเจ้าหน่อย ว่าต้องทำเช่นไรถึงจะพิสูจน์ว่าเป็นพ่อของเจ้าได้" เจ้าซาลาเปาน้อยเปิดสมุดทองคำ พูดอย่างชื่อๆ ว่า "ข้อที่หนึ่งร้อยหนึ่งของ 'กฎครอบครัวเฉียว' หลอกลวงเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีโทษตัดอวัยวะสืบพันธุ์ ท่านลุง หากท่านเป็นพ่อของข้าจริงๆแล้วล่ะก็..." โดยไม่รอให้เจ้าซาลาเปน้อยจะพูดจบ ปลายนิ้วอันย็นเฉียบของชายคนนั้นก็บีบคางของเฉียวเวย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เย็นชาและเป็นอันตราย "หากข้าจำไม่ผิด คืนนั้น เหมือนเจ้าจะเป็นคนบังคับขืนใจข้า!"

Options

not work with dark mode
Reset