ตอนพิเศษ 42-2 ความจริงกระจ่าง (2)
ยามนั้นโหราจารย์รุ่นก่อนก้าวออกมาบอกว่าต้องเนรเทศเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านจอมมารเสียจึงจะหลบเลี่ยงหายนะได้ พวกเขาจึงทำเช่นนั้น
ต่อมาโหราจารย์ผู้นั้นผ่านอัสนีวิบากไม่สำเร็จ ถูกอสนีบาตผ่าตายทั้งเป็น หญิงจากตระกูลเหยาจึงกลายเป็นโหราจารย์ตนใหม่ ผ่านไปไม่นานโหราจารย์หญิงก็พบร่องรอยของจอมมาร
ทุกคนในเผ่ายิ่งหวาดผวา จอมมารยังไม่ตาย หากนางพบว่าพวกเขาโยนลูกของนางลงไปในทะเล นางไม่กลับมาถลกหนังพวกเขาหรือ ในตอนนั้นเองโหราจารย์หญิงก็เสนอว่าให้บุตรของจอมมารสืบทอดเผ่ามาร ถึงเวลามีเด็กน้อยคนนี้ปกป้อง จอมมารจะต้องยั้งมือไว้ไมตรีอย่างแน่นอน
ตอนที่โหราจารย์หญิงเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา นางไม่คิดเลยว่ามันจะกลายเป็นการตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น หากรู้ล่วงหน้าว่าจะเป็นเช่นนี้นางคงไม่มีวันพูดเช่นนั้นแน่! นางโกรธจนหน้าเขียวไปหมดแล้ว!
ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยกับชิงสุ่ยเจินเหริน “วันพรุ่งนี้จะเปิดเขตต้องห้าม คุณหนู…เด็ดหญ้ามังกรออกมาสักต้นก็นับว่าสืบทอดเผ่ามารสำเร็จแล้ว”
“หญ้ามังกรหรือ” โหราจารย์หญิงหันไปมองเขา แล้วถามขึ้นมาเบาๆ “ไม่ต้องเอาตรามังกรมารออกมาหรือ”
“ตรามังกรมารคือสิ่งใด” ลู่หยวนเจิ่นใช้เสียงที่ตนเองได้ยินเพียงคนเดียวถามขึ้นมา
ประมุขเหลยตอบเสียงเบาว่า “เป็นตราอย่างหนึ่งของเผ่ามังกร มังกรมารแต่ละตัวเมื่อโตเต็มวัยจะต้องเข้าไปในเขตต้องห้าม แล้วหยิบตราที่เป็นของตนเองมาหนึ่งชิ้น นี่หมายความว่ามันจะมีสิทธิสืบทอดเผ่ามาร”
ลู่หยวนเจิ่นเอ่ยว่า “แต่เวยเวยยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่นี่นา”
ประมุขเหลยเอ่ยต่อ “ข้ายังพูดไม่จบ ไม่ใช่มังกรมารทุกตัวที่จะเอาตรามังกรมารมาได้ หากเอามาไม่ได้ก็จะถูกมองว่าไม่มีสิทธิสืบทอด ผู้อาวุโสของเผ่ามารคงกลัวว่าเวยเวยยังเล็กเกินไปจะเอามาไม่ได้จึงเปลี่ยนเป็นเด็ดหญ้ามังกรต้นหนึ่งแทน สมัยที่เจ้าสำนักสวี่สืบทอดสำนักเชียนหลัน เขาก็ยังเล็กมาก เจ้าสำนักรุ่นก่อนก็แอบให้อภิสิทธิเขาเหมือนกัน”
เจ้าสำนักสวี่หน้าดำทะมึน “เฮ้ย ข้าได้ยินนะจะบอกให้”
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวขึ้นมาว่า “ตอนนั้นเจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่านายน้อยยังเล็ก เกรงว่ายากจะเอาตรามังกรมารมาได้ ดังนั้นให้รอนายน้อยเป็นผู้ใหญ่ก่อนค่อยไปเอา”
โหราจารย์หญิงเอ่ยอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้าสักนิด “นั่นเป็นเพราะว่า นายน้อยในตอนนั้นเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ของเผ่ามาร แต่ตอนนี้…”
โหราจารย์หญิงเอ่ยต่อพลางเหล่มองชิงสุ่ยเจินเหริน “มังกรน้อยตัวนี้มีเลือดเผ่ามารเพียงครึ่งเดียว บางทีตรามังกรมารของนางอาจไม่ปรากฏออกมาก็ได้!”
นี่เป็นการเถียงข้างๆ คูๆ ชัดๆ แต่เดิมตรามังกรมารไม่ใช่สิ่งที่มังกรทุกตัวจะตามหาพบอยู่แล้ว มังกรมารโตเต็มวัยจำนวนตั้งเท่าไรที่ตามหาไม่พบ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลูกมังกรที่เล็กขนาดนี้ ตอนที่ฉินเซวียนยังเป็นนายน้อย นางหย่อนเงื่อนไขให้ฉินเซวียนสุดกำลัง แต่ตอนนี้พอเปลี่ยนมาเป็นเฉียวเวยเวย นางกลับยึดติดกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด
เจ้าสำนักสวี่ ประมุขเหลยกับลู่หยวนเจิ่นทำหน้าดูแคลนพร้อมกัน “เจ้าสุนัขสองมาตรฐาน!”
“พวกเจ้า…” โหราจารย์หญิงหน้าแดงก่ำ
รองหัวหน้าสหพันธ์เปิดปากเอ่ยว่า “ข้าเห็นด้วยกับคำพูดของโหราจารย์ ต้องเอาตรามังกรมารมาให้ได้จึงจะนับว่าสืบทอดเผ่ามารได้อย่างเป็นทางการ”
ฐานะของรองหัวหน้าสหพันธ์มีความพิเศษอยู่บ้าง หากจะบอกว่าเขาลำเอียงเข้าข้างฝ่ายตัวเอง เขาก็มอบไข่มุกมารให้เฉียวเวยเวยไปแล้ว แต่หากจะบอกว่าเขาเป็นกลางไม่มีความเห็นแก่ตน เขาก็สนับสนุนให้เฉียวเวยเวยไปเอาตรามังกรมารอีก
เรื่องนี้เห็นชัดๆ ว่าทำไม่ได้
ผู้อาวุโสใหญ่ถอนหายใจเบาๆ “ข้าเข้าใจว่าเจ้ายากจะยอมรับ แต่ว่า…”
รองหัวหน้าสหพันธ์เอ่ยขัดเขา “แต่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเผ่ามาร ข้าหวังว่าทุกสิ่งจะดำเนินไปอย่างเป็นธรรม ชิงเอ๋อร์ก็ยังมีชีวิตอยู่มิใช่หรือ ต่อให้มังกรน้อยตัวนี้สืบทอดไม่ได้แล้วจะเป็นอะไร พอนางกลับมาก็ให้นางเป็นจอมมารต่อก็ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมีลูกคนที่สอง คนที่สามได้…อย่างไรก็คงมีสักคนที่สืบทอดเผ่ามารได้ไม่ใช่หรือไร”
ลู่หยวนเจิ่น “เขายังอยากจะมีลูกกับจอมมารอีกหรือ!”
ประมุขเหลย “เพ้อฝัน!”
เจ้าสำนักสวี่ “คนอัปลักษณ์การกระทำก็อัปลักษณ์!”
รองหัวหน้าสหพันธ์ “…”
ข้าไม่ได้หูหนวกนะ!
ลากเจ้าสามคนที่มายุ่งไม่เข้าเรื่องพวกนี้ออกไปได้หรือไม่!
“โหราจารย์เหยา…” ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยปากอย่างหนักใจ
ทว่าชิงสุ่ยเจินเหรินกลับกล่าวว่า “ได้ ตกลงกันเช่นนี้ ให้เวยเวยไปเอาตรามังกรมาร”
ผู้อาวุโสทั้งหลายได้ยินคำนี้ก็สีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน
ผู้อาวุโสหลิวพยายามเกลี้ยกล่อม “ชิงสุ่ยเจินเหริน วังมารเป็นสถานที่อันตรายยิ่ง มังกรมารที่เข้าไปมีน้อยตนนักที่จะไม่ได้รับบาดเจ็บ คุณหนูยังเล็กเช่นนี้…”
ชิงสุ่ยเจินเหรินลูบหัวของมังกรมารน้อย “ข้าเชื่อในตัวเวยเวย นางจะต้องเอามาได้แน่”
ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ถูกใจชู้รักคนนี้ของจอมมารเสียจริง ซื่อบื้ออะไรเช่นนี้ ไม่เห็นหรือว่าสำนักผู้อาวุโสของพวกเขาพยายามจะผ่อนผันกฎให้คุณหนู พวกเขาเปลืองความคิดไปมากเท่าใดกว่าจะโน้มน้าวให้คนในเผ่ายอมรับว่านายน้อยยังเป็นเด็กน้อยอยู่รอให้เติบใหญ่แล้วค่อยไปเอาตรามังกรมาร
แต่ดูเขาทำเข้าสิ ประโยคเดียวก็สะบั้นทางถอยของคุณหนูจนเหี้ยน
ครานี้หากเอาตรามังกรมารมาไม่ได้ คุณหนูก็เสียสิทธิสืบทอดเผ่ามารชั่วนิรันดร์แล้ว
โหราจารย์หญิงยิ้มจางๆ “ผู้อาวุโสใหญ่ บิดาของผู้อื่นตกลงด้วยแล้ว ท่านยังจะลังเลอันใดเล่า”
“แต่ข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง” จู่ๆ ชิงสุ่ยเจินเหรินก็เอ่ยขึ้นมา
“เงื่อนไขอันใด” ผู้อาวุโสใหญ่ถาม
สายตาของชิงสุ่ยเจินเหรินกวาดผ่านร่างโหราจารย์หญิง รองหัวหน้าสหพันธ์รวมไปถึงปลาตัวอ้วนที่นอนหงายพุงขาวอยู่บนพื้นทีละคน แล้วบอกว่า “หากเวยเวยเอาตรามังกรมารมาได้สำเร็จ ข้าต้องการให้เจ้า เจ้าแล้วก็ปลาตัวนี้ออกไปจากเผ่ามารชั่วนิรันดร์”