ตอนพิเศษ 41-2 ความจริงกระจ่าง (1)
เจ้าสำนักสวี่ไม่เคยคิดจะโยนบาปไปให้ชิงสุ่ยเจินเหรินเพื่อตัดตัวเองออก ทำเช่นนั้นก็เท่ากับว่าตัดความเกี่ยวข้องระหว่างพวกตนกับชิงสุ่ยเจินเหรินอย่างหมดจดน่ะสิ เจ้าสำนักสวี่ย่อมไม่โง่เขลาเช่นนั้น เขารีบเอ่ยเสริมว่า “เรื่องนั้น ข้าคงจะต้องอธิบายให้พวกท่านฟังสักหน่อย สาเหตุที่ท่านเซียนต้องลงมือกับองครักษ์กลุ่มนั้นเป็นเพราะว่าพวกเขาจับตัวบุตรสาวของท่านเซียนซึ่งเป็นศิษย์สำนักเชียนหลันของพวกเรา…กับศิษย์อีกคนหนึ่งไป”
ลู่หยวนเจิ่นขมวดคิ้วอย่างฉงน “เวยเวยไม่ใช่สาวใช้ตัวน้อยคนหนึ่งหรือ กลายเป็นศิษย์ตั้งแต่เมื่อใด แม้แต่ป้ายหยกท่านยังไม่เคยมอบให้นางเลย”
เจ้าสำนักสวี่พองขน “นี่! เจ้าไม่พูดก็ไม่มีผู้ใดหาว่าเจ้าเป็นใบ้หรอกนะ!”
ผู้อาวุโสหลิวค่อนแคะสวนกลับมาทันใด “นั่นไม่ใช่เพราะว่าพวกเจ้าจับตัวนายน้อยของพวกเราไป พวกเราจึงต้องลงมือหรอกหรือ กลายเป็นว่าพวกเราจับตัวศิษย์ของพวกเจ้ามาตั้งแต่เมื่อใด”
“นายน้อยของพวกเจ้าหรือ” ชิงสุ่ยเจินเหรินเอ่ยอย่างเย็นชา
ผู้อาวุโสหลิวแค่นเสียงหยันแล้วตอบว่า “ถูกต้องแล้ว นายน้อยของพวกเรา เลือดเนื้อเชื้อไขแท้ๆ ของจอมมาร! จอมมารกำลังจะกลับมาแล้ว หากนางทราบว่าพวกเจ้ากล้าจับตัวเลือดเนื้อเชื้อไขของนางไป ข้าคิดว่าแดนเซียนของพวกเจ้าคงจะต้องเตรียมตัวถูกย่ำยีอีกสักหนกระมัง”
คำพูดนี้แต่เดิมสมควรยั่วโมโหชิงสุ่ยเจินเหรินได้ ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด หลังจากฟังจบประโยคสุดท้าย ใบหูของชิงสุ่ยเจินเหรินกลับกลายเป็นสีแดงระเรื่อ
“ย่ำ ย่ำยีอะไรของเจ้า เจ้าอย่ามาพูดจาเหลวไหล” ชิงสุ่ยเจินเหรินตอบตะกุกตะกัก
ทุกคนกำลังอยู่ในสภาวะตึงเครียดพร้อมห้ำหั่น จึงไม่มีผู้ใดสังเกตอาการเสียกิริยาของเขา
ผู้อาวุโสหลิวหัวเราะหยัน “หรือข้าพูดผิดเล่า หกดินแดนต่างรู้กันทั่ว เมื่อครานั้นจอมมารเกือบจะย่ำยีแดนเซียนของพวกเจ้าจนไม่เหลือดีแล้ว!”
หนนี้ชิงสุ่ยเจินเหรินไม่เพียงใบหูแดงแล้ว แม้แต่ใบหน้าก็แดงไปด้วย
เจ้าสำนักสวี่มองเห็นจากหางตา ในใจเขาคิดว่า ท่านเซียนจะต้องโมโหแน่! เขาจะต้องโมโหเจ้าพวกสารเลวกลุ่มนี้อย่างแน่นอน ท่านเซียนไม่มีทางเขินอายหรอก ไม่มีทาง!
ชิงสุ่ยเจินเหรินเก็บสีหน้าประหลาดบนใบหน้าไปแล้วเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งสงบ “วันนี้ข้ามา เพื่อจะมาทวงของที่เป็นของบุตรสาวข้า”
ฉินเซวียนหน้าถอดสี “อาจารย์!”
โหราจารย์หญิงสีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด “เย็นไว้ อย่าตระหนก”
ฉินเซวียนกำหมัดแน่น
“ของที่เป็นของบุตรสาวเจ้าหรือ” ผู้อาวุโสใหญ่มองเขาอย่างฉงน “ของสิ่งใด”
ชิงสุ่ยเจินเหรินเอ่ยเน้นทีละคำ “เผ่ามาร”
ทุกคนตกตะลึง เขาพูดอะไร ของที่เป็นของบุตรสาวเขาก็คือเผ่ามารหรือ
ชิงสุ่ยเจินเหรินเหินไปทางเรือเหาะแล้วพยักหน้าอย่างอ่อนโยน “เวยเวย ออกมานี่สิ” ทันใดนั้นมังกรมารน้อยสีดำขลับตนหนึ่งก็บินออกมาอย่างว่องไว
ทุกคนต่างนิ่งอึ้ง หากพวกเขามองไม่ผิด นั่นมันมังกรมารของพวกเขาไม่ใช่หรือ
เวยเวยเป็นมังกรมารน้อยที่งดงามตนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย เกล็ดมังกรงามสมบูรณ์แบบ ร่างมังกรปราดเปรียว แข็งแรง กรงเล็บมังกรอยู่ตรงตำแหน่งที่พอเหมาะพอเจาะ สอดคล้องกับลักษณะอันงดงามของมังกรมารทุกประการ
นอกจาก…พุงน้อยๆ ที่กลมดิกนั่น
มังกรมารน้อยบินวนอยู่บนท้องฟ้าอย่างเริงร่า จากนั้นก็ตีลังกาสองรอบ กลิ้งวงเล็กๆ อีกสองรอบ ก่อนที่จู่ๆ พลังปราณจะหมด มันจึงเสียการทรงตัวร่วงหวือลงไปด้านล่าง
ชิงสุ่ยเจินเหรินส่งพลังปราณสายหนึ่งไปหุ้มตัวนางไว้อย่างแผ่วเบา
ผู้อาวุโสใหญ่อ้าปากถาม “ชิงสุ่ยเจินเหริน นางคือ…”
ชิงสุ่ยเจินเหรินตอบว่า “ลูกของข้ากับจอมมาร”
บริเวณแท่นบวงสรวงเกิดเสียงฮือฮาดังกระหึ่มดุจผึ้งแตกรัง!
เจ้าสำนักสวี่จิ๊ปากพลางส่ายหัว เช้าวันนี้ตอนที่พวกเขาได้ฟังเรื่องนี้ก็มีปฏิกิริยาดุจเดียวกัน
รองหัวหน้าสหพันธ์ลุกพรวดขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าพูดจาเหลวไหล! จอมมารไม่มีบุตรคนที่สอง! นางให้กำเนิดเซวียนเอ๋อร์มาเพียงคนเดียว! เซวียนเอ๋อร์ต่างหากที่เป็นบุตรของนาง! บุตรของข้ากับนาง!”
จอมมารให้กำเนิดบุตรมาเพียงคนเดียวจริงๆ เรื่องนี้ผู้อาวุโสทั้งหลายรู้แก่ใจดี หากจอมมารเคยให้กำเนิดบุตรมาหลายคน พวกเขาย่อมไม่ต้องมานั่งแยกแยะแล้วว่าตัวจริงหรือตัวปลอม คงแน่ใจไปแล้วว่าคนหนึ่งเป็นบุตรที่เกิดในบ้าน ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นบุตรที่เกิดข้างนอก
ผู้อาวุโสหลิวพึมพำอย่างนึกเสียดาย “ตอนนั้นหลังจากเด็กเกิดมายังไม่ทันมองชัดว่าเป็นชายหรือหญิงก็ถูกโยนทิ้งทะเลแล้ว”
ชิงสุ่ยเจินเหรินว่าต่ออย่างไม่ยี่หระ “หากเวยเวยไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของจอมมาร เหตุใดนางจึงกลายร่างเป็นมังกรมารได้เล่า”
โหราจารย์หญิงแค่นเสียงหยัน “นั่นก็เพราะว่าตอนที่พวกเจ้าจับตัวเซวียนเอ๋อร์ไป เซวียนเอ๋อร์เพิ่งจะกลายร่างได้ พวกเจ้าถอดเกล็ดมังกรบนตัวของเซวียนเอ๋อร์ จากนั้นใช้วิชาลับช่วยให้เด็กคนนั้นดูดซับปราณมังกรในเกล็ดมังกร เมื่อเป็นเช่นนี้นางจึงกลายร่างได้ชั่วคราว”
ชิงสุ่ยเจินเหรินเงยหน้าขึ้นมา “เชี่ยวชาญเสียจริง พูดเหมือนกับว่าเจ้าเคยทำมาแล้ว”
โหราจารย์หญิงสะอึกทันที “เจ้า…ผู้อาวุโส พวกท่านอย่าได้ถูกเขาหลอกลวง ประมุขตระกูลฉินต่างหากที่เป็นสามีของท่านจอมมาร บุตรของเขาต่างหากที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านจอมมาร”
เรื่องที่ฉินเซวียนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของรองหัวหน้าสหพันธ์ ผู้อาวุโสทั้งหลายของเผ่ามารต่างตรวจสอบมานานแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะยอมรับฉินเซวียนเป็นนายน้อยของพวกเขาได้อย่างไรกัน
ชิงสุ่ยเจินเหรินนิ่งเงียบ
โหราจารย์หญิงถือโอกาสตีเหล็กตอนร้อน “ผู้อาวุโสทั้งหลาย เจ้าตระกูลทั้งหลาย ประชาชนเผ่ามาร หากทุกคนไม่เชื่อถือเซวียนเอ๋อร์ ถ้าเช่นนั้นก็เชิญเบิ่งตามองให้ชัด ว่าผู้ใดกันแน่ที่เป็นมังกรมารที่แท้จริง”
นี่หมายความว่าจะให้ฉินเซวียนกลายร่าง
หากทั้งสองคนต่างกลายร่างได้ พวกเขาย่อมยินยอมพร้อมใจจะเชื่อฉินเซวียน ไม่ว่าอย่างไรบิดาบังเกิดเกล้าของฉินเซวียนก็เป็นสามีในตำแหน่งของจอมมาร ส่วนการลักลอบคบหากันระหว่างชิงสุ่ยเจินเหรินกับจอมมาร พวกเขาไม่เคยได้ยินแม้แต่ข่าวลือ
“ไปเถิด เซวียนเอ๋อร์” โหราจารย์หญิงส่งสายตาให้ฉินเซวียน
ฉินเซวียนพยักหน้า ก้าวออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
ลู่หยวนเจิ่นสับสนแล้ว “เขาก็กลายร่างได้หรือ เขาเป็นตัวปลอม เหตุใดจึงกลายร่างได้เล่า”
เจ้าสำนักสวี่หัวเราะฮ่าๆ ตอบว่า “ไม่ได้ยินนางอัปลักษณ์ตนนั้นพูดหรือ นางใช้เกล็ดมังกรของเวยเวย”
นางอัปลักษณ์อะไร เขาคิดว่านางหูหนวกไม่ได้ยินใช่หรือไม่ นางคือโฉมงามอันดับหนึ่งของเผ่ามารเชียวนะ!
เจ้าพวกคนตาบอด!
เล็บของโหราจารย์หญิงจิกลึกลงไปในเนื้อ
ฉินเซวียนเริ่มกลายร่างแล้ว
ผู้อาวุโสทั้งหลายคาดหวังอย่างยิ่ง พูดกันตามตรงพวกเขาอยากให้ฉินเซวียนเป็นมังกรมารตัวจริงมากกว่า ไม่ว่าอย่างไรรองหัวหน้าสหพันธ์ก็เป็นคนของเผ่ามาร บุตรระหว่างรองหัวหน้าสหพันธ์กับจอมมารย่อมเป็นสายเลือดเผ่ามารบริสุทธิ์ สายเลือดเผ่ามารที่มีสายเลือดเซียนผสมอยู่ด้วยนั่นมันเรื่องอะไรกัน
นั่นมันช่างไม่…
ผู้อาวุโสทั้งหลายอยากจะบอกว่าไม่บริสุทธิ์ แต่เมื่อพวกเขามองดูมังกรน้อยที่หน้าตาเหมือนจอมมารตอนยังเล็กแทบจะทุกประการตัวนั้นลอยอยู่บนท้องฟ้า พวกเขาก็หาคำมาโต้แย้งไม่ออกแม้แต่คำเดียว
มันงดงามยิ่งนักแล้วก็เหมือนจอมมารเหลือเกินจริงๆ
แต่หากมันใช้เกล็ดมังกรของนายน้อยมากลายร่าง ถ้าเช่นนั้นทุกอย่างก็สมเหตุสมผลแล้ว
โหราจารย์หญิงคลี่รอยยิ้มงดงาม “ไม่ต้องกลัว เซวียนเอ๋อร์ เจ้าจะกลายร่างเป็นมังกรน้อยที่ไม่แตกต่างจากนาง”
ฉินเซวียนเหาะขึ้นไปบนฟ้า ระเบิดปราณมังกรอันแข็งแกร่งและคุ้นเคยสายหนึ่งออกมา
“กลิ่นอายของจอมมาร! เขาเป็นมัง…”
ผู้อาวุโสหลิวพูดไม่ทันจบว่ามังอะไร ก็เกิดเสียงปุ้งๆ ดังสนั่นสองสามหน ฉินเซวียนกลายร่างสำเร็จแล้ว
เผ่ามารส่งเสียงฮือฮาดังอื้ออึง
นายน้อยของพวกเขา ในที่สุดก็กลายร่างเป็น…
สิ่งมีชีวิตสีดำสนิทร่วงลงมาแปะอยู่บนแท่นบวงสรวง
ทุกคนเพ่งสายตาดู “…ปลาอ้วน?”