หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรักตอนพิเศษ 4-1 เวยเวยผู้เหี้ยมโหด

ตอนพิเศษ 4-1 เวยเวยผู้เหี้ยมโหด

ตอนพิเศษ 4-1 เวยเวยผู้เหี้ยมโหด

ด้านนอกทิวเขาแห่งนี้มีการวางค่ายกลของสำนักเชียนหลันไว้ สัตว์อสูรขั้นสองขึ้นไปไม่สามารถเข้ามาได้ นอกเสียจากว่าสัตว์ที่อยู่ภายในนี้ทะลุข้ามขั้นไปได้

เรื่องเช่นนี้ใช่ว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดมาก่อน แค่เพียงโอกาสมีน้อยยิ่งนัก ยังไม่เคยมีลูกศิษย์ภาคปฏิบัติพบเจอมาก่อน

ตามปกติลูกศิษย์ที่ลาดตระเวนตามเขาหากพบว่ามีสัตว์อสูรที่ข้ามขั้นไปได้ จะรีบขับมันออกจากทิวเขานี้ทันที วันนี้ออกจะบังเอิญเกินไปสักหน่อย ถึงกับเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ระหว่างการฝึกภาคปฏิบัติของลูกศิษย์ใหม่เสียได้

ศิษย์พี่หญิงพี่ชายที่เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดอยู่ตรงทางเข้าสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของศิลาเหนี่ยวนำ

ครั้นศิลาเหนี่ยวนำเปล่งประกายสีเหลืองอ่อนๆ สีหน้าศิษย์พี่อวี๋ก็พลันเปลี่ยน “แย่แล้ว มีสัตว์อสูรขั้นสาม!”

นี่เรียกได้ว่าเหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ด้วยลำดับฝีมือของศิษย์ใหม่ที่อยู่ภายใน กระทั่งสัตว์อสูรขั้นสองยังรับมือไม่ได้ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงขั้นสามเลย

ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ สัตว์อสูรที่ลำดับขั้นต่ำจะไม่พุ่งเข้าโจมตีใส่ลูกศิษย์ที่มีพลังปราณก่อน หากลูกศิษย์ไม่ไปยั่วยุพวกมัน คอยหลบเลี่ยงอยู่เงียบๆ ตามปกติมันจะหลบพ้นไปได้ แต่สัตว์อสูรขั้นสามล้วนมากด้วยพลังจู่โจม หากเหล่าลูกศิษย์ไปเจอพวกมันเข้า กระทั่งโอกาสในการหลบหนีคงไม่มีด้วยซ้ำ พวกมันจะตามไล่ลูกศิษย์ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้กลืนกินลูกศิษย์ลงท้องไปได้

ศิษย์พี่อวี๋เวลานี้ได้แต่ขอพรให้ยังไม่มีลูกศิษย์คนใดโชคร้ายไปเจอสัตว์อสูรขั้นสามเข้า

ศิษย์พี่อวี๋ทิ้งศิษย์น้องหญิงสองคนให้เฝ้าอยู่ตรงทางเข้าต่อ แล้วพาศิษย์น้องอีกสามคนเข้าป่าไป “พวกเจ้าตามข้าเข้าไปข้างใน!”

ภายในป่า สิงโตขาวขั้นสามขยับเข้าใกล้หลิงจือกับเด็กสาวรากปราณสวรรค์เข้าไปทุกที

สิงโตขาวขั้นสามจะได้กลิ่นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ห่างไปสามลี้ ไม่ต้องบอกเลยว่าสิงโตขาวน่าจะรับรู้ได้ถึงรากปราณของพวกนางแล้ว ด้วยความเร็วของพวกนาง ไม่มีทางสลัดสิงโตขาวตัวนี้หลุดแน่นอน

หลิงจือลังเลอยู่ชั่วครู่ นางขมวดคิ้วเอ่ยกับเด็กสาวรากปราณสวรรค์ว่า “พวกเราแยกกันหนี มันตามได้แค่คนเดียว”

เด็กสาวรากปราณสวรรค์หันไปมองหลิงจือนิ่งๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะเผยอริมฝีปากบางเอ่ยว่า “ใครจะหนีกัน”

หลิงจืออึ้งไป

วินาทีต่อมา หลิงจือก็เห็นนางหยิบไข่มุกสีเขียวหยกออกมาจากอกเสื้อ

“ไข่มุกซ่อนปราณ” เด็กสาวรากปราณสวรรค์เอ่ย

ถึงแม้จะขึ้นเขามาได้ไม่นาน แต่ไข่มุกซ่อนปราณนางพอเคยได้ยินมาบ้าง นี่เป็นอาวุธวิเศษประเภทหนึ่งในสำนักเชียนหลัน สามารถช่วยหลบซ่อนปราณของผู้ใช้ได้ ขอเพียงซ่อนอยู่ในจุดที่คู่ต่อสู้มองไม่เห็น ต่อให้อยู่ห่างเพียงม่านประตูกั้น คู่ต่อสู้ก็ไม่มีทางสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของพวกนาง

หลิงจือถามว่า “เจ้ามีของสิ่งนี้ได้อย่างไร”

พวกนางยังไม่เริ่มเรียนวิชาจริงๆ จังๆ เลยด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่อาวุธวิเศษเลย กระทั่งอาวุธขั้นดีหน่อยก็ยังไม่มี หากไม่เป็นเช่นนี้น่ะหรือ ทุกคนจะเค้นสมองช่วงชิงที่หนึ่งในการฝึกภาคปฏิบัตินี้ไปไย ไม่ใช่เพราะที่หนึ่งจะได้เข้าไปเลือกอาวุธวิเศษเก็บไว้ประจำกายในห้องเก็บอาวุธหรอกหรือ

เด็กสาวรากปราณสวรรค์เลิกคิ้ว “อาจารย์ข้าให้มา”

ผู้พิทักษ์ใหญ่ยังไม่เห็นให้อาวุธวิเศษอะไรกับหลิงจือเลย!

เด็กสาวรากปราณสวรรค์เอ่ยอย่างโอ้อวดว่า “เจ้าคิดว่าข้าเป็นเช่นพวกเจ้าที่ตายไปก็มีอาจารย์คนใดซักไซ้เพื่อกล่าวโทษหรือ”

หลิงจือสะอึกไป

ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางพยายามเต็มที่เพื่อย่นระยะความห่างระหว่างตนกับเด็กสาวรากปราณสวรรค์ ยามที่นางได้ยินว่าตนมาถึงขั้นรากรากปราณขั้นกลางแล้วนั้น มีชั่วขณะหนึ่งที่รู้สึกว่าตนกับอีกฝ่ายอยู่ไม่ห่างกันแล้ว แต่เมื่อได้ทราบความจริงในชั่วขณะนี้ นางถึงได้เข้าใจว่านางไม่เคยไล่ตามอีกฝ่ายทันเลย

ต่อให้นางเป็นรากรากปราณน้ำที่หาได้ยากในร้อยในพันปีแล้วอย่างไร แค่เพียงนางไม่ใช่บุตรีของท่านเซียน ก็จะเป็นเช่นเดียวกับศิษย์ใหม่ทั่วไป ไม่มีการปฏิบัติเป็นพิเศษ จำต้องลำบากตรากตรำค่อยๆ ปีนขึ้นเองทีละก้าวๆ ต่อไป

หากนางโชคร้ายตายอยู่ในการฝึกภาคปฏิบัติ สำนักเชียนหลันคงจะเสียดาย แต่อย่างมากคงเพียงคิดว่านางไม่มีชะตาได้ฝึกตนให้เป็นเซียน

เพื่อนบ้านของนางที่ต่างออกไป สำนักเชียนหลันคงไม่กล้าให้บุตรีของท่านเซียนเป็นอะไรไปแน่นอน!

สิงโตขาวบีบเข้ามาใกล้แล้ว

เด็กสาวรากรากปราณสวรรค์เดินพลังปราณให้ไข่มุกซ่อนปราณทำงาน แล้วหลบเข้าไปอยู่ตรงส่วนเว้าของเนินดิน “หากไม่อยากตายก็รีบมานี่!”

ความเป็นความตายอยู่ตรงหน้า หลิงจือก็ไม่ดื้อดึง ตามไปอย่างว่าง่าย

สิงโตขาวขยับเข้ามาใกล้ แล้วก็ไม่ได้กลิ่นไอมนุษย์ของทั้งสองตามคาด ไม่เท่าไรก็ไปไล่ล่าหาเหยื่อตัวอื่นต่อ

ศิษย์พี่อวี๋มือซ้ายถือศิลาหน่วงนำ มือขวาถือเข็มทิศ นำศิษย์น้องทั้งสามเดินลึกเข้าไปในป่า

ศิษย์ของสำนักเชียนหลันจำต้องไปถึงขั้นแปรเป็นเซียนแล้วถึงจะสามารถมีสัมผัสเช่นเซียนได้ ซึ่งจะสามารถสัมผัสความเคลื่อนไหวภายในระยะประมาณหนึ่งได้ ส่วนความสามารถของศิษย์พี่อวี๋ยังไม่เพียงพอจะตามหาสัตว์อสูรขั้นสามในทิวเขาที่กว้างใหญ่แห่งนี้ด้วยพลังปราณของตนเองได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้เข็มทิศกับศิลาหน่วงนำไปก่อน

ในเข็มทิศมีสัมผัสแห่งเซียนของผู้พิทักษ์แห่งเชียนหลันอยู่ ยิ่งเข้าใกล้สัตว์อสูรเท่าไร การสั่นไหวของหินหน่วงนำจะยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ

พวกเขาตามเข็มทิศมุ่งหน้าไปทางตะวันออก ไหนเลยจะรู้ว่าเดินไปได้ครึ่งทาง จู่ๆ เข็มทิศก็พลันเปลี่ยน ชี้บอกไปทางใต้แทน

“นี่ เจ้าว่าพี่สาวเจ้าอยู่ที่ใดกันแน่น่ะ” คุณชายน้อยหรงแบกตะกร้าอยู่บนหลัง ก้าวเดินพลางหอบแฮ่กๆ

ถึงแม้เขาจะไม่ได้โตมาอย่างประคบประหงม แต่ถึงอย่างไรก็ไม่เคยต้องลำบากมากมายนัก เดือนที่ผ่านมานี้นอกจากปัดกวาดอยู่ในครัว ให้อาหารสัตว์วิเศษแล้ว ก็ไม่ได้ทำงานที่ต้องใช้พละกำลังอื่นใดอีก หนำซ้ำเขายังไม่เหมือนศิษย์ใหม่คนอื่นๆ ที่ได้ฝึกฝนขั้นพื้นฐานมาตลอดหนึ่งเดือน เขาในเวลานี้… เดินจนสองขาแทบจะขาดแล้วจริงๆ!

ตึง ตึง ตึง ตึง…

คุณชายน้อยหรงรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของพื้นดิน เขาหยุดก้าวเดิน อึ้งมองพื้นที่สั่นจนดินกระจายก่อนจะอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ “คง…คงไม่ได้เกิดแผ่นดินไหวกระมัง”

ในตะกร้าด้านหลัง เฉียวเวยเวยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเงียบๆ

“โฮก…”

ลึกเข้าไปในพุ่มไม้ มีเสียงคำรามดังสะเทือนไปถึงท้องฟ้าลอยมา

คุณชายน้อยหรงไม่เคยเขาเรียน จึงแยกลำดับขั้นของสัตว์อสูรไม่ออก แต่เสียงคำรามนี้อย่างน้อยก็ต้องเป็นสิงโตอย่างไม่ต้องสงสัย

สิงโต สิงโต… แม่จ๋า!

เขายังตามหารากรากปราณน้ำไม่เจอเลยนะ เหตุใดมาเจอสิงโตเข้าเสียได้!

สิงโตขาวขั้นสามพุ่งเข้ามาหา

นี่เป็นครั้งแรกที่คุณชายหรงได้เห็นสิงโตตัวเป็นๆ มันหัวใหญ่กว่าที่เขาจินตนาการไว้มากนัก หัวของสิงโตตัวนี้แทบจะใหญ่เท่ากับเจ้าเด็กที่อยู่ในตะกร้าอยู่แล้ว

คุณชายน้อยหรงแทบจะวิญญาณหลุดออกจากร่าง สองขาพลันอ่อนแรง สองตาลอยคว้าง เป็นลมล้มลงกับพื้น

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง (偏方方) แนะนำเรื่องย่อ เมื่อหมอสาวยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณแถมพ่วงด้วยลูกแฝดอีกสอง ทำขนม ดักสัตว์ ทำไร่ ทำทุกอย่างที่ได้เงิน! เฉียวเวย เด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรจู่ๆ ก็ทะลุมิติมายังยุคโบราณที่ไม่รู้จัก นอกจากจะมาอาศัยร่างคนอื่นอยู่แล้ว ร่างเดิมนี้ยังมีลูกแฝดอีกสองชีวิตให้ต้องเลี้ยงดู! นางที่ไร้ซึ่งความทรงจำใดๆ ในโลกใบใหม่แต่พราะทักษะติดตัวสมัยยังต้องดิ้นรนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทำให้ชีวิตไม่ลำบากเกินไปนัก ทำขนม ดักสัตว์ ปลูกพืช รักษาคน จากนี้นางจะเลี้ยงลูกๆ ให้เติบใหญ่ด้วยมือของนางเอง! เจ้าซาลาเปาน้อยจูงมือบุรุษใบหน้าเคร่งขรึมเข้ามา "ท่านแม่ ท่านลุงบอกว่าเขาเป็นพ่อของข้า" เฉียวเวยยิ้มละไม "ลูกรัก บอกพ่อเจ้าหน่อย ว่าต้องทำเช่นไรถึงจะพิสูจน์ว่าเป็นพ่อของเจ้าได้" เจ้าซาลาเปาน้อยเปิดสมุดทองคำ พูดอย่างชื่อๆ ว่า "ข้อที่หนึ่งร้อยหนึ่งของ 'กฎครอบครัวเฉียว' หลอกลวงเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีโทษตัดอวัยวะสืบพันธุ์ ท่านลุง หากท่านเป็นพ่อของข้าจริงๆแล้วล่ะก็..." โดยไม่รอให้เจ้าซาลาเปน้อยจะพูดจบ ปลายนิ้วอันย็นเฉียบของชายคนนั้นก็บีบคางของเฉียวเวย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เย็นชาและเป็นอันตราย "หากข้าจำไม่ผิด คืนนั้น เหมือนเจ้าจะเป็นคนบังคับขืนใจข้า!"

Options

not work with dark mode
Reset