ตอนพิเศษ 38-1 พ่อลูกพบหน้า กำจัดเศษสวะ
หนทางเร็วที่สุดจากเทือกเขาหานปิงกลับไปเผ่ามารคือการเดินทางผ่านค่ายกลเคลื่อนย้าย แต่นอกค่ายกลเคลื่อนย้ายของเผ่ามารมีคนเฝ้าพิทักษ์อยู่ เสี่ยงที่จะเปิดเผยตัวตนของมังกรน้อย
หนทางที่เร็วรองลงมาคือบินไป แต่ท้องฟ้าเหนืออาณาเขตของเผ่ามารมีวิหคบินลาดตระเวนอยู่จึงเดินทางไม่สะดวกนัก
สุดท้ายโหราจารย์หญิงจึงตัดสินใจใช้วิธีที่โง่งมที่สุด นั่นก็คือเดินทางไปตามเส้นทางบกที่เร้นลับทางหนึ่ง
โหราจารย์หญิงกับฉินเซวียนนั่งรถม้าที่มีสัตว์ร้ายคอยลากรถคันหนึ่ง รถม้ากว้างขวางนั่งสบาย บนเพดานห้อยมุกราตรีจากทะเลหนานไห่เอาไว้ มันเปล่งแสงสว่างเรืองรองออกมาจางๆ
โหราจารย์หญิงชมชอบใบชาของโลกมนุษย์ ฉินเซวียนจึงมักจะออกตามหาใบชาใหม่ชั้นดีจากที่ต่างๆ มาให้นางอยู่บ่อยๆ ใบชาที่ฉินเซวียนกำลังชงอยู่ตอนนี้คือใบชาหลงจิ่งก่อนฝนที่เพิ่งให้ผลผลิตมาใหม่ปีนี้
ฉินเซวียนชงชาเสร็จก็ประคองถ้วยส่งให้ด้วยสองมือ “หนนี้จับมังกรน้อยมาได้ล้วนพึ่งใบบุญของอาจารย์ หากไม่ใช่เพราะอาจารย์เดินทางมาทันเวลา เกรงว่ามังกรน้อยตัวนี้คงหนีรอดไปได้แล้ว”
โหราจารย์หญิงจิบน้ำชาเข้มข้นคำหนึ่ง แล้วตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ทุกสิ่งล้วนอยู่ในกำมือของข้า ข้าย่อมไม่มีทางปล่อยให้นางหนีรอดไปได้”
ฉินเซวียนเปิดผ้าม่านมององครักษ์เผ่ามารที่ติดตามอยู่ด้านข้างขบวนแล้วจึงปล่อยผ้าม่านลง เอ่ยกับโหราจารย์ว่า “มารเหล่านี้…น่าจะไม่ปล่อยความลับรั่วไหลไปกระมัง”
โหราจารย์หญิงยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ไม่มีทางแน่นอน เจ้าเชื่อถือพวกเขาได้”
ฉินเซวียนพยักหน้า เมื่อคิดอะไรได้ก็เอ่ยปากถามขึ้นมาอีก “อาจารย์คิดจะควักเม็ดเน่ยตันของมังกรน้อยเมื่อใดขอรับ”
“เจ้าอยากจะทำเมื่อใดเล่า” โหราจารย์หญิงย้อนถาม
ฉินเซวียนย่อมหวังว่ายิ่งเร็วยิ่งดี แต่เขาไม่กล่าวเช่นนี้เพียงยิ้มตอบว่า “แล้วแต่อาจารย์จัดการดีกว่าขอรับ”
คำพูดนี้นับว่าใช้ได้ทีเดียว หญิงสาวยกมุมปากยิ้มจางๆ “เจ้าคิดว่าข้าจะเอาเม็ดมังกรของนางมาทำสิ่งใด”
ฉินเซวียนลังเลครู่หนึ่งก็ตอบว่า “ช่วยข้า…ให้กลายร่างได้ไม่ใช่หรือขอรับ”
โหราจารย์หญิงถอนหายใจ “เซวียนเอ๋อร์ อาจารย์ไม่เพียงแต่คิดจะทำให้เจ้ากลายร่างเป็นมังกรตัวหนึ่งได้ แต่อาจารย์ต้องการจะทำให้เจ้ากลายเป็นมังกรมารตัวหนึ่งอย่างสมบูรณ์”
“แต่ทำเช่นนั้นได้หรือขอรับ” ฉินเซวียนกะพริบตาหนึ่งปริบ
โหราจารย์หญิงกล่าวว่า “หากว่าเจ้ายอมยึดร่างกายของนางล่ะก็นะ”
ฉินเซวียนเบ้ปาก “ทำเช่นนั้นไม่ใช่ว่าต้องกลายเป็นสตรีหรอกหรือ เซวียนเอ๋อร์ไม่เอา”
โหราจารย์หญิงยิ้มน้อยๆ “อาจารย์ก็เพียงบอกไว้เท่านั้น เจ้าวางใจเถิด อาจารย์จะช่วยให้เจ้ากลายร่างได้ รอเจ้ากลายร่างได้แล้วก็จะได้สืบทอดเผ่ามาร เมื่อสืบทอดเผ่ามารแล้วก็จะได้รับตราประทับมังกรเทพ นั่นเป็นสิ่งเดียวในหกดินแดนที่ผนึกจอมมารได้”
กล่าวถึงท่อนท้าย ใบหน้าของโหราจารย์หญิงก็ไม่เหลือรอยยิ้มแม้แต่น้อย
ฉินเซวียนรู้สึกว่าอาจารย์ในสภาพนี้น่ากลัวอยู่บ้าง เขารู้ว่าอาจารย์ไม่ชอบจอมมาร แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงไม่ชอบ ถึงความจริงจอมมารจะดุร้ายบ้าอำนาจ ตั้งแต่สมัยเป็นลูกมังกรตัวหนึ่ง ผู้ฝึกตนมารมากกว่าครึ่งของเผ่ามารก็ถูกนางซ้อมไปแล้ว มีคนที่ชอบนางไม่มากนัก แต่ความรู้สึกไม่ชอบของอาจารย์กับความรู้สึกไม่ชอบของชาวเผ่ามารเหล่านั้นเหมือนจะไม่คล้ายกันนัก
“เซวียนเอ๋อร์ เจ้ากำลังคิดสิ่งใด เจ้าได้ฟังคำพูดเมื่อครู่ของอาจารย์หรือไม่”
โหราจารย์หญิงเอ่ยขัดความคิดของฉินเซวียน
ฉินเซวียนได้สติกลับมา ดวงตาวูบไหวครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า “ข้ากำลังคิดเรื่อง…เรื่อง…เรื่อง…”
โหราจารย์หญิงถามเรียบๆ “เจ้ากำลังคิดว่าเหตุใดข้าจึงเกลียดชังจอมมมารถึงเพียงนั้นสินะ”
ฉินเซียนเห็นว่าถูกมองออกแล้วจึงตัดสินใจไม่ปิดบังอีก เขาเอ่ยเสียงเบา “ศิษย์…สงสัยอยู่บ้างจริงๆ”
โหราจารย์หญิงเล่าด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน “จอมมารกับบิดาของเจ้าหมั้นหมายกันมาตั้งแต่เล็ก บิดาของเจ้ากับนางเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กจนโต เจ้าไม่เคยได้พบนาง จึงไม่รู้ว่านางนิสัยเสียมากเพียงใด บิดาของเจ้าฝืนทนมาสู่ขอนางก็เป็นบุญที่นางสั่งสมมาตั้งแต่ชาติปางก่อนแล้ว แต่นางกลับไม่เห็นค่าบิดาของเจ้า นางหนีไปในคืนเข้าหอ หลังจากนั้นก็ไปมีบุรุษคนอื่นข้างนอก”
ฉินเซวียนตกตะลึง “อะ…อะไรนะขอรับ บุรุษคนอื่นหรือ”
ดวงตาของโหราจารย์หญิงฉายแววเย็นชา “ถูกต้องแล้ว มังกรน้อยตัวนั้นก็คือลูกชู้ของนาง”
ฉินเซวียนตกตะลึงกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง เขาไม่เคยรู้เลยว่าบุตรของจอมมารมีความเป็นมาอย่างไร เขาเชื่อมาตลอดว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกแท้ๆ ของบิดาของเขา…
“ท่านพ่อทราบหรือไม่”
โหราจารย์หญิงยิ้มหยันไม่ตอบคำใด
ฉินเซวียนรู้แล้วว่าอาจารย์ไม่ยินดีจะเล่าต่อ เขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “อาจารย์ขอรับ แล้วจะจัดการสาวน้อยคนนั้นอย่างไร”
โหราจารย์หญิงตอบว่า “เจ้าบอกว่านางคือคนที่มีรากปราณผสมสินะ”
ฉินเซวียนพยักหน้า “ขอรับ นางนั่นแหละ!”
โหราจารย์หญิงตอบอย่างเย็นชา “อาจารย์มีแผนการแล้ว”
พลบค่ำ ทุกคนหยุดพักที่หุบเขาแห่งหนึ่ง คืนวันนี้พวกเขาจะพักแรมที่นี่ วันพรุ่งนี้ค่อยข้ามเทือกเขาในขบวนมีกรงเหล็กที่ถูกผ้าสีดำคลุมอยู่สองกรง กรงหนึ่งขังมังกรน้อยตัวหนึ่ง ส่วนอีกกรงขังเด็กสาวคนหนึ่ง
องครักษ์สวมเกราะทองคนหนึ่งยกยาถ้วยหนึ่งเดินเข้าไป ในเผ่ามารองครักษ์แบ่งออกเป็นสามระดับคือเกราะทองแดง เกราะเงินและเกราะทอง ตำแหน่งเกราะทองมีฐานะสูงสุด เทียบเท่ากับยอดฝีมือคนหนึ่ง
เมื่อเห็นองครักษ์เกราะทองเดินเข้ามา องครักษ์เกราะทองแดงที่เฝ้ากรงเหล็กอยู่ก็รีบทักทายอย่างมีมารยาท
องครักษ์เกราะทองถามว่า “สาวน้อยนั่นขังอยู่กรงไหน”
องครักษ์เกราะทองแดงดึงผ้าสีดำที่คลุมบนกรงหนึ่งออก “กรงนี้ขอรับ”
มือเท้าของหลิงจือถูกสวมตรวนเอาไว้ นางนั่งอยู่บนพื้น แผ่นหลังพิงกับซี่ลูกกรง ชั่วพริบตาที่ผ้าสีดำร่วงลงไป ดวงตาของนางก็ถูกแสงไฟที่อยู่ไม่ไกลทิ่มแทงจนเจ็บปวด นางหลับตาลง ได้ยินเสียงบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยว่า “เปิดกรง”
องครักษ์เกราะทองแดงเปิดกรงออก จากนั้นองครักษ์เกราะทองก็ถือถ้วยยาเดินเข้าไป
พลังปราณของหลิงจือถูกตรวนที่มือกับเท้าสะกดเอาไว้ ยามนี้นางจึงไม่ต่างจากสตรีในห้องหอของโลกมนุษย์คนหนึ่ง องครักษ์เกราะทองยื่นมือมาบีบคางนางอย่างไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย
หลิงจือถลึงตาใส่เขาอย่างเย็นชา “เจ้าคิดจะทำอะไร”
องครักษ์เกราะทองก้มมองนางจากด้านบน “ทำตัวว่าง่ายหน่อย ข้าจะได้ทำงานเสร็จไวๆ แล้วเจ้าก็จะได้เจ็บตัวน้อยลงหน่อย”
สายตาของหลิงจือเลื่อนไปจับบนถ้วยยาที่เขายกมา ไม่ว่าด้านในจะใส่อะไรไว้ก็คงไม่ใช่ของดีแน่
หลิงจือปิดปากแน่น องครักษ์เกราะทองแค่นเสียงหยันอย่างดูแคลนแล้วบีบปากนางให้เปิดออก หลิงจือกรีดร้อง “ไอ้สารเลว! ออกไปนะ! เอามือของเจ้าออกไป!”
มังกรน้อยที่หมอบอยู่ในกรงอีกกรงหนึ่งได้ยินเสียงอันคุ้นเคยก็เงยหัวขึ้นมาทันที
องครักษ์เกราะทองตวาด “ดื่มลงไป!”
หลิงจือดิ้นรน “ฝันไปเถอะ!”
มังกรมารน้อยเริ่มกระแทกกรง องครักษ์เกราะทองแดงที่เฝ้ากรงอยู่เตะกรงอย่างรำคาญ “เจ้าจะทำเสียงดังตามไปด้วยทำอะไร หากทำเสียงดังอีกข้าจะเฆี่ยนเจ้า!”
แต่มังกรมารน้อยกลับชนแรงกว่าเดิม องครักษ์เกราะทองแดงกระชากผ้าสีดำออกแล้วเปิดประตูกรง เขาใช้แส้ปราบมังกรฟาดลงบนร่างของมังกรน้อยอย่างแรง แส้ปราบมังกรเป็นอาวุธที่ใช้กำราบเผ่ามังกรโดยเฉพาะ แต่ละแส้ที่ฟาดลงมาเหมือนเข็มแหลมกับหนามแหลมทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อ
มังกรมารน้อยเจ็บปวดจนพุ่งชนมั่วซั่ว สุดท้ายก็ถูกฟาดจนพุ่งชนไม่ไหวแล้ว ได้แต่นอนหมอบกระแตหายใจรวยริน นางหมอบอยู่บนพื้นบนตัวมีรอยเลือดเปื้อนเป็นด่างดวง มองไปทางกรงอีกกรงหนึ่งอย่างเหม่อลอย ในกรงนั้นหลิงจือถูกคนจับตัวไว้แล้วกรอกยาถ้วยโตลงไปในลำคอ!
…
ตกกลางคืน องครักษ์เกราะทองแดงมาให้อาหารมังกรมารน้อย แต่มังกรมารน้อยกลับนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น องครักษ์เกราะทองแดงใช้หอกยาวทิ่มนาง “เฮ้ย! เฮ้ย! เฮ้ย!”
ทว่ามังกรมารน้อยกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง องครักษ์เกราะทองแดงเริ่มลนลาน เขารีบรายงานให้เบื้องบนทราบ….องครักษ์เกราะเงินคนหนึ่งจึงถูกเรียกมา
องครักษ์เกราะเงินให้องครักษ์เกราะทองแดงเปิดประตู หลังจากองครักษ์เกราะเงินก็เข้าไปในกรง เมื่อพบว่าบนร่างของมังกรมารน้อยมีรอยบาดเจ็บจากการถูกแส้เฆี่ยนเพิ่มมาไม่น้อย เขาจึงหันขวับไปถลึงตาใส่องครักษ์เกราะทองแดงอย่างดุร้าย
องครักษ์เกราะทองแดงตกใจกลัวก้มหน้างุด “นาง…นางไม่เชื่อฟัง ข้ากลัวว่า…จะเสียงดังหนวกหูไปรบกวนนายน้อยกับท่านโหราจารย์…”
องครักษ์เกราะเงินตบหน้าเขาดังฉาด “มังกรตัวนี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้ เจ้าไม่รู้หรืออย่างไร หากไม่มีนาง เจ้ากับข้าก็ต้องลงสุสานเป็นเพื่อนนางด้วย!”
“ข้า…ข้าไม่ได้ตั้งใจ! ทำเช่นไรดีเล่า” องครักษ์เกราะทองแดงกลัวจนขวัญบินออกจากร่างไปแล้ว เขาเพียงเอามังกรน้อยตัวนี้มาระบายโทสะ แล้วก็คิดว่าได้เฆี่ยนมังกรน้อยดูเท่ดีเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะได้เอาชีวิตตนเองทิ้งไปด้วย
องครักษ์เกราะเงินเอ่ยว่า “เจ้าถ่ายทอดพลังปราณให้นางสักหน่อยก่อน ข้าจะไปหยิบโอสถ”
“ขอรับ!” องครักษ์เกราะทองแดงนั่งยองๆ ลงไปข้างมังกรน้อย เขาวางมือข้างหนึ่งบนหน้าผากของมังกรน้อย แล้วเริ่มถ่ายทอดพลังปราณให้นาง
ไม่นานองครักษ์เกราะเงินก็ถือโอสถสีน้ำตาลเม็ดหนึ่งเข้ามา เขาบีบปากของมังกรน้อยให้เปิดออกแล้วยัดเม็ดยาเข้าไป เม็ดยาเข้าปากก็ละลายทันที ไม่นานมันก็เข้าไปอยู่ในท้องของมังกรน้อย “หลังจากนี้ก็อย่าทำเรื่องเลอะเลือนเช่นนี้อีก ถ้าผู้อื่นรู้ว่าเจ้าทารุณมังกรน้อย เจ้าตายแน่!”
“ไม่กล้าแล้วขอรับ ไม่กล้าแล้วขอรับ ข้าไม่กล้าอีกแล้ว!” องครักษ์เกราะทองแดงรับประกันตัวสั่นระริก จากนั้นก็มองส่งองครักษ์เกราะเงินจากไป หลังจากองครักษ์เกราะเงินจากไปแล้ว เขาก็ลุกขึ้นเดินออกจากกรงบ้าง
ทว่าสิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ชั่วพริบตาที่เขาก้มตัวจะเดินออกไป หางมังกรอันว่องไวเส้นหนึ่งก็ตวัดพวงกุญแจที่เอวของเขาออกมา
ค่ำคืนดึกสงัด ทุกคนจมลงสู่ห้วงนิทรา เหลือเพียงองครักษ์เผ่ามารกลุ่มหนึ่งเดินลาดตระเวนอยู่ในหุบเขาอันเงียบสงบ เมื่อองครักษ์กลุ่มนี้เดินผ่านหน้ากรงไป ประตูกรงก็เปิดออกมาอย่างเงียบๆ
มังกรมารน้อยมุดหัวออกมาจากใต้ผ้าสีดำอย่างเร็วไว หัวน้อยๆ มองซ้ายมองขวา เมื่อไม่พบอันตรายจึงลากร่างมังกรตามออกมา
มังกรมารน้อยมาถึงกรงที่หลิงจือถูกขังอยู่ มันงับผ้าสีดำแล้วใช้หางตวัดลูกกุญแจเปิดประตูเหล็กออกอย่างง่ายดาย
หลิงจือนอนตะแคงอยู่บนพื้น ยังหมดสติไม่ฟื้น
มังกรมารน้อยเดินไปข้างนาง แล้วเลียใบหน้าของนางอย่างออดอ้อน แต่เลียอย่างไรนางก็ไม่ตื่น มังกรมารน้อยอ้าปากงับโซ่ตรวนเหล็กที่มือกับเท้าของนางจนขาด หลังจากนั้นมังกรน้อยก็คาบหลิงจือหายลับไปในรัตติกาลอย่างเงียบเชียบ
…
ตอนที่หลิงจือตื่นขึ้นมา นางกำลังนอนอยู่ในถ้ำอันเย็นเฉียบแห่งหนึ่ง ถ้ำไม่ลึกมาก มีแสงจันทร์เอียงส่องเข้ามาจนถ้ำสว่างไปครึ่งหนึ่ง
หลิงจือขยับตัว รู้สึกว่าทั่วร่างเจ็บปวดอยู่เล็กน้อย
นางนวดศีรษะที่มึนงงนิดๆ นางจำได้ว่าตนเองอยู่ในกรงขัง นางคิดว่าตัวเองยังอยู่ในกรงขัง เมื่ออยากดื่มน้ำ นางจึงคลานไปที่ขอบ ‘กรง’ แล้วยื่นมือออกไป ตั้งใจว่าจะดึงผ้าสีดำเปิดออกเพื่อถามองครักษ์ว่าขอน้ำสักหน่อยได้หรือไม่ แต่นางสะลึมสะลือคว้าอยู่ตั้งนานก็คว้าไม่โดนสิ่งใดทั้งสิ้น นางจึงขยี้ตาแล้วเพ่งสายตาดู
บ้าเอ๊ย!
นี่มันหน้าผา!
หลิงจือที่เพิ่งฟื้นมาพริบตาเดียว ดวงตาเหลือกลอยหมดสติไปอีกหน
นี่เป็นถ้ำแห่งหนึ่งบนหน้าผา เดิมทีในถ้ำมีอสรพิษมารตัวหนึ่งอาศัยอยู่ แต่มังกรมารน้อยไล่…เอ่อ ไม่ใช่หรอก กินลงไปแล้ว
แต่มังกรมารน้อยเก็บไข่อสรพิษเอาไว้
มังกรมารน้อยเลียบาดแผล พลางเฝ้าไข่อสรพิษใบน้อยที่อยู่ในรัง
หลิงจือชอบกินไข่ไก่
แม้นี่จะไม่ใช่ไข่ของแม่ไก่ แต่มันก็ขาวๆ กลมๆ พอคลับคล้ายคลับคลาดูเป็นไข่ไก่ได้อยู่นะ
ทว่าเมื่อมังกรมารน้อยเป่าไข่อสรพิษจนกลิ้งมาถึงข้างตัวหลิงจือได้สำเร็จ หลิงจือก็สลบไปอีกแล้ว
แต่เดิมหลิงจือไม่ได้ร่างกายอ่อนแอเช่นนี้ นางเพียงดื่มยาที่มีฤทธิ์ข้างเคียงทำให้ง่วงงุนเล็กน้อยลงไปเท่านั้น อีกทั้งฤทธิ์ของยาถ้วยนั้นก็หมดไปตั้งนานแล้ว แต่…ระหว่างทางที่มา เนื่องจากมังกรมารน้อยเพิ่งบินเป็นหนแรก ประสาทสัมผัสด้านทิศทางไม่ค่อยดีนัก ประสาทสัมผัสด้านการทรงตัวย่ำแย่ยิ่งกว่า มันจึงพาหลิงจือไปชนนั่นนี่จนหน้าบวมจมูกเขียว สภาพสะบักสะบอม ฟันเอียงกะเท่เร่ไปครึ่งซี่