ตอนพิเศษ 36-1 โหราจารย์มาเยือน เงือกแห่งทะเลหนานไห่
ไอหนาวในที่แห่งนี้ทำให้ประสาทสัมผัสระวังภัยของผู้ฝึกตนลดลงอย่างมาก รอจนทั้งสองคนต้มน้ำกาหนึ่งเสร็จ เตรียมจะนำไปให้เด็กน้อยทั้งสองดื่มสักจิบสองจิบก็พบว่าเด็กน้อยในรถม้าบินหนีหายไปตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ
ผู้ฝึกตนหนุ่มหน้าถอดสีทันใด “นายน้อย! เด็กหายไปแล้วขอรับ!”
สีหน้าของฉินเซวียนดำทะมึนทันใด “ยังไม่ไปตามหาอีก!”
“ขอรับ!” ผู้ฝึกตนหนุ่มแปลงกายเป็นอินทรีแดงสองหาง ออกค้นหาบนทุ่งน้ำแข็งที่มองไม่เห็นสุดปลายทันที
จีเสี่ยวซิวกับเฉียวเวยเวยหลบอยู่ในถ้ำน้ำแข็งแห่งหนึ่ง
“ศิลาเหนี่ยวนำ!” ฉินเซวียนสั่งผู้ฝึกตนหนุ่ม
ผู้ฝึกตนหนุ่มล้วงศิลาเหนี่ยวนำของเผ่ามารออกมาจากถุงเฉียนคุน ศิลาก้อนนี้ใช้งานได้ไม่สะดวกเท่ามุกมังกร แต่ก็ใช้สัมผัสไอมังกรได้เช่นเดียวกัน
ตอนที่เฉียวเวยเวยไม่กลายร่างเป็นมังกรมารน้อยนางไม่มีไอมังกรรั่วออกมาข้างนอก ทว่าจิตตั้งต้นของใต้เท้าเจ้าตำหนักที่ถูกนางตีตราประทับไว้มีไอมังกรแผ่ออกมาเล็กน้อย หลังจากใต้เท้าเจ้าตำหนักพาเฉียวเวยเวยเข้าไปในยมโลก ไอมังกรเสี้ยวนั้นก็หายไป ศิลาเหนี่ยวนำจึงไม่มีปฏิกิริยา
“พวกเขาหนีไปไกลแล้วหรือ” ผู้ฝึกตนหนุ่มถาม
ฉินเซวียนเอ่ยเสียงเย็นชา “เป็นไปไม่ได้ พวกเขาจะต้องใช้วิชาอะไรบางอย่างหลบเลี่ยงศิลาเหนี่ยวนำแน่”
ร่างกายของมนุษย์ธรรมดาเข้าไปในแดนยมโลกไม่ได้ หาไม่แล้วจะขัดต่อกฎสวรรค์ เมื่อเข้าไปแล้วจะถูกกฎสวรรค์ของแดนยมโลกทำลาย ด้วยเหตุนี้แม้ว่าจิตตั้งต้นของใต้เท้าเจ้าตำหนักกับเฉียวเวยเวยจะเข้าไปในแดนยมโลกแล้ว แต่จีเสี่ยวซิวยังนอนอยู่ในถ้ำ
ใต้เท้าเจ้าตำหนักย่อมไม่อาจให้เด็กน้อยอย่างเฉียวเวยเวยแบกจีเสี่ยวซิวผู้ ‘ไร้ลมหายใจ’ เดินทางท่ามกลางพายุหิมะ นั่นย่อมเป็นเรื่องโหดร้ายอย่างยิ่ง
ใต้เท้าเจ้าตำหนักเตรียมใจรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้แล้ว นั่นก็คือการสละกายเนื้อ แต่นั่นเป็นตัวเลือกเมื่อไร้หนทางแล้วเท่านั้น ตอนนี้เขายังไม่คิดจะทำเช่นนั้น ไม่ว่าอย่างไรการหากายเนื้อที่เข้ากับจิตตั้งต้นของเขาก็ไม่ง่าย อยากจะหาร่างที่เข้ากันได้แล้วเข้าออกสำนักเชียนหลันได้อย่างอิสระยิ่งยากกว่าเดิม
ตอนแรกเขาไม่สนใจไยดีร่างกายนี้ แต่เมื่อถึงยามจวนจะต้องละทิ้งมันจริงๆ กลับเพิ่งจะพบว่ามันเหมาะสมที่สุดแล้ว
จ๊อกกก!
ท้องของเฉียวเวยเวยร้องเสียงดัง
ใต้เท้าเจ้าตำหนักกุมหน้าผาก “ต้องกินแล้วหรือ”
เฉียวเวยเวยพยักหน้า นางเบิ่งดวงตากลมโตไร้เดียงสาคู่นั้นเหมือนลูกมังกรน้อยผู้ร้องอุแว้ๆ หาอาหาร ความจริงใต้เท้าเจ้าตำหนักก็ผละจากกายเนื้อได้ไม่นานเช่นกัน เพราะเมื่อกายเนื้อเย็นลงอย่างสมบูรณ์ จิตตั้งต้นย่อมยากจะกลับเข้าร่างได้อีก
คนหนึ่งหิวแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งต้องเอาจิตตั้งต้นกลับร่าง ไม่ว่าอย่างไรก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอยู่ในแดนยมโลกต่อไม่ได้แล้ว ใต้เท้าเจ้าตำหนักอุ้มเฉียวเวยเวยกลับมาที่ถ้ำ บังเอิญว่าเวลานี้ฉินเซวียนสั่งให้ผู้ฝึกตนหนุ่มเก็บศิลาเหนี่ยวนำไปพอดี จากนั้นก็ออกคำสั่งว่า “ออกตามหากันอีกหน่อยเถิด”
ผู้ฝึกตนหนุ่มแปลงกายเป็นอินทรีแดงสองหางอีกหน เขาบินวนบนท้องนภา ตอนนั้นเองจีเสี่ยวซิงก็จูงมือเฉียวเวยเวยวิ่งออกมาจากถ้ำ อินทรีแดงสองหางมองเห็นเงาร่างเล็กๆ ที่ขยับอยู่บนพื้นดินทันที เขากรีดร้องเสียงแหลมแล้วพุ่งลงไปหาทั้งสองคน
ขณะที่เขากำลังจะจับทั้งสองคนได้แล้วนั่นเอง จู่ๆ จีเสี่ยวซิวก็ล้วงยาเม็ดปราณสายฟ้าเม็ดหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ แล้วขว้างใส่อินทรีแดงสองหางเต็มแรง!
เสียงกัมปนาทดังขึ้นหนึ่งหน อินทรีแดงสองหางกรีดร้องร่วงลงมาบนพื้นดิน เฉียวเวยเวยน้ำลายไหล แต่จีเสี่ยวซิวดึงมือนางเอาไว้ก่อน “นกไม่อร่อยหรอก รีบไปเร็ว!” เฉียวเวยเวยจึงเดินจากไปอย่างเชื่อฟัง
ฝ่ายฉินเซวียนได้ยินเสียงดังสนั่นจึงขี่กระบี่มาดู เขาเห็นอินทรีแดงสองหางนอนโชกเลือดอยู่บนพื้นหิมะ ปีกข้างหนึ่งถูกระเบิดจนไหม้เกรียม ฉินเซวียนป้อนโอสถรักษาอาการบาดเจ็บให้เขาหนึ่งเม็ด จากนั้นก็ไล่ตามไปทางทิศทางที่ทั้งสองหนีไป
จีเสี่ยวซิวโยนยาเม็ดปราณสายฟ้าใส่เช่นเดิม ทว่าฉินเซวียนขยับวูบเดียวก็หลบพ้น
จีเสี่ยวซิวจึงขว้าง ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ออกมาอีกห้าเม็ด ยาเม็ดปราณสายฟ้าลอยมาหาฉินเซวียนอย่าง ‘มืดฟ้ามัวดิน’ ฉินเซวียนหลบพ้นไปสี่เม็ด แต่หลบเม็ดที่ห้าไม่พ้น เม็ดที่ห้าขว้างมาถูกกระบี่บินของเขา กระบี่บินระเบิดเสียงดังสนั่น!
ฉินเซวียนทิ้งกระบี่ได้ทันเวลา เขากางข่ายอาคมป้องกันแรงที่เหลือของพลังปราณสายฟ้า
จีเสี่ยวซิวจูงมือเฉียวเวยเวยวิ่งต่อไปด้านหน้า หลังจากวิ่งผ่านหุบเขาแคบเบื้องหน้าก็จะเป็นจุดหมายการเดินทางหนนี้ของสำนักเชียนหลัน ตอนนี้พวกเจ้าสำนักสวี่น่าจะเดินทางมาถึงที่นั่นแล้ว
ฉินเซวียนไม่คิดว่าเด็กน้อยอายุสามขวบสี่ขวบสองคนจะมีความคิดขนาดนั้น เขาคิดว่าพวกเขาเดาสุ่มแล้วโชคดีบังเอิญตรงกับจุดหมายปลายทางของสำนักเชียนหลันมากกว่า แน่นอนฉินเซวียนย่อมไม่ปล่อยให้พวกเขามีโอกาสหนีรอด
ในตอนที่จีเสี่ยวซิวกับเฉียวเวยเวยกำลังจะเข้าไปในหุบเขา ฉินเซวียนก็ทำลายภูเขาสองฟากฝั่งอย่างกะทันหัน ภูเขาส่งเสียงดังครืนโครมถล่มลงมาปิดหุบเขาไว้อย่างแน่นหนา
จีเสี่ยวซิวมองความสูงของหุบเขาแล้วบอกเฉียวเวยเวยว่า “กลายร่าง!”
ปุ้ง! มังกรมารน้อยปรากฏตัวออกมา จีเสี่ยวซิวกอดคอนางไว้ “บินข้ามไปเลย!”
มังกรมารน้อยพยายามบินอยู่สองสามหน แต่กลับบินไม่ขึ้น
ฉินเซวียนเห็นร่างจริงของมังกรมารน้อยเป็นหนแรก เขาคิดไม่ถึงว่ามันจะงดงามถึงเพียงนี้ เกล็ดมังกรสีดำเป็นประกายวาววับล้อกับแสง เมื่อรวมกับร่างกายอันเป็นสัญลักษณ์ของความสูงส่งทำให้มันนับว่าเป็นตัวตนที่งดงามสมบูรณ์แบบที่สุดและล้ำค่าที่สุดในหกดินแดนอย่างแท้จริง
ฉินเซวียนริษยาจนดวงตาแดงก่ำ
จีเสี่ยวซิวสัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายของฉินเซวียน เขาจ้องเขม็งไปที่ฉินเซวียนแล้วตวาดว่า “ไฟ!”
มังกรมารน้อยอ้าปาก “ฟู่ๆ!”
ทว่าสิ่งที่ถูกพ่นออกมามีเพียงควันกลุ่มเล็กๆ ฉินเซวียนหัวเราะหยัน เขาชักมีดปราบมังกรออกมาเล็งที่หัวของมังกรมารน้อยแล้วฟันลงมาเต็มแรง!
จีเสี่ยวซิวกอดมังกรมารน้อยกลิ้งหลุนๆ ไปด้านข้างด้วยกัน
ฉินเซวียนฟันพลาดเป้า ดวงตาก็เย็นยะเยือก รีบเข้ามาสังหารทั้งสองคนอีกครั้ง โชคดีที่จีเสี่ยวซิวยังมียาเม็ดปราณสายฟ้าที่ได้มา…อืม ขโมยมาจากเจ้าสำนักสวี่อยู่ไม่น้อย
จีเสี่ยวซิวขว้างยาเม็ดปราณสายฟ้าใส่อีกฝ่ายอย่างไม่กลัวเปลืองแม้แต่นิดเดียว
เจ้าสำนักสวี่ผู้กำลังเตรียมตัวเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่ที่แดนกลางอยู่ดีๆ ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ!
ยาเม็ดปราณสายฟ้าต้านไว้ได้พักหนึ่ง จีเสี่ยวซิวคว้าเฉียวเวยเวยที่แปลงกายกลับมาเป็นร่างมนุษย์แล้ววิ่งไปทางถ้ำอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าอย่างว่องไว
เมื่อฉินเซวียนบินมาถึงก็ตั้งท่าจะไล่ตามเข้าไป ทว่าเขากลับถูกพลังปริศนาสายหนึ่งขวางเอาไว้ที่หน้าถ้ำ จีเสี่ยวซิวหันกลับมามองอย่างฉงน เขาเห็นฉินเซวียนกระแทกตัวกับอะไรบางอย่างไม่หยุด แต่สุดท้ายก็แทรกตัวเข้ามาไม่ได้
“หรือว่าถ้ำแห่งนี้จะมีข่ายอาคมอยู่” จีเสี่ยวซิวมองมือน้อยๆ ที่จูงเฉียวเวยเวยอยู่ ดวงตากลอกไปมาครู่หนึ่งก็ปล่อยมือเฉียวเวยเวยแล้วเดินไปที่ปากถ้ำ เขายกมือขึ้นมาลูบ แล้วก็สัมผัสกับกำแพงเย็นเฉียบชั้นหนึ่งเข้าจริงๆ
ดวงตาของจีเสี่ยวซิวเบิกโตจนกลมบ๊อก ขณะที่ฉินเซวียนมองจีเสี่ยวซิวที่อยู่ห่างเพียงเอื้อมมืออย่างเย็นชา หลังจากนั้นจีเสี่ยวซิวก็ยิ้มอย่างลำพอง แม้ฉินเซวียนจะไม่ได้ยินเสียงของจีเสี่ยวซิว แต่ดูจากรูปปากของเขา เห็นชัดว่าเขากำลังพูดว่า “เจ้าเข้ามาสิๆ!”
ฉินเซวียนโกรธจนเจ็บหน้าอกไปหมด!
เขาหงุดหงิด จีเสี่ยวซิวย่อมเบิกบาน จีเสี่ยวซิวผิวปากยกสองมือไพล่หลัง แล้วเชิดคางเดินอาดๆ จากไป ทว่าเขาเดินยังไม่ทันถึงสองสามก้าว รอยยิ้มก็แข็งทื่อ
มังกรน้อยเล่า
มังกรน้อยไปที่ใดแล้ว!
จีเสี่ยวซิววิ่งตึงตังเข้าไปด้านในถ้ำ ยิ่งเข้าไปด้านใน เขาก็ยิ่งพิศวง เพราะหลังจากผ่านถ้ำคับแคบนั่นมาได้ ก็เหมือนเขาเข้ามายังสถานที่ใหม่อีกแห่งหนึ่ง แม้จะยังเป็นถ้ำ แต่มันกลับกว้างอย่างน่าอัศจรรย์ เพดานถ้ำมีแท่งน้ำแข็งสีฟ้ากับสีม่วงอ่อน แท่งน้ำแข็งสะท้อนแสงตกต้องผนังหินกับลำธารสายหนึ่งที่ไหลผ่านเข้ามาในถ้ำ
ยิ่งจีเสี่ยวซิวเดินลึกเข้าไปเท่าไร สายน้ำก็ยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ จีเสี่ยวซิวเดินตามลำธารเข้าไปยังโถงถ้ำอีกแห่งหนึ่ง ถ้ำแห่งนี้งามวิจิตรยิ่งกว่าถ้ำก่อนหน้า ไม่เพียงมีแท่งน้ำแข็งที่เปล่งแสงได้ แต่ยังมีรูปสลักน้ำแข็ง ต้นไม้น้ำแข็ง ผลไม้น้ำแข็งและอื่นๆ…
กวาดสายตามองปราดแรกดูเหมือนพระราชวังผลึกน้ำแข็งที่ถูกธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมา ทว่าใจกลางพระราชวังผลึกน้ำแข็งตามธรรมชาติแห่งนี้มีกรงอันหนึ่งแขวนอยู่ เฉียวเวยเวยนั่งอยู่ในกรง ในอ้อมแขนกอดตะกร้าปลาใบน้อยเอาไว้ นางกำลังล้วงเอาปลาน้ำเข็งตัวน้อยแสนสดใหม่ออกมายัดเข้าปากทีละตัว
เจ้ามังกรน้อยโง่เขลาตัวนี้ รู้หรือไม่ว่าตนเองถูกจับแล้ว!
ประเดี๋ยวก่อน คงไม่ใช่ว่านางมุดเข้าไปในกรงเองหรอกกระมัง…
จีเสี่ยวซิวอยากจะบ้าตาย
…
ภายนอกถ้ำ ฉินเซวียนคิดสารพัดวิธีแล้วแต่ก็ทลายข่ายอาคมไม่ได้ ในตอนนั้นเองสตรีอาภรณ์สีขาวนางหนึ่งก็ร่อนลงมาจากท้องฟ้า ผิวของนางขาวผ่องดุจหิมะ ดวงหน้างามวิลาส องคาพยพทั้งห้าประดุจสวรรค์บรรจงแกะสลัก ทุกตำแหน่งงามจนมิอาจมีสิ่งใดเทียบเทียม ชั่วพริบตาที่นางเหยียบลงมาบนพื้น ราวกับมีดอกบัวน้ำแข็งงามล่มเมืองดอกหนึ่งแย้มกลีบบานเหนือแดนหิมะ
ทุกครั้งที่ฉินเซวียนพบนาง เขามักพบว่านางงดงามชวนตะลึงมากกว่าหนก่อนเสมอ เขารั้งสายตากลับมา ประสานมือคารวะ “อาจารย์”
ผู้ฝึกตนหนุ่มลากร่างกายอันบาดเจ็บเร่งรีบเดินเข้ามา “ท่านโหราจารย์!”
โหราจารย์เหยายกมืองามดุจหยกขึ้นแผ่วเบา ปลายนิ้วส่งพลังปราณสายหนึ่งออกมารักษาแผลของผู้ฝึกตนหนุ่มในชั่วพริบตา
ผู้ฝึกตนหนุ่มเอ่ยอย่างยินดีปรีดา “ขอบพระคุณท่านโหราจารย์!”
หญิงสาวเอ่ยเรียบๆ “เกิดเรื่องอันใดขึ้น มังกรน้อยเล่า”
ฉินเซวียนขมวดคิ้วตอบว่า “มังกรน้อยเข้าไปด้านในแล้วขอรับ ที่แห่งนี้มีผู้ใดไม่ทราบกางข่ายอาคมไว้ ข้าฝ่าเข้าไปไม่ได้”
หญิงสาวสะบัดแขนเสื้อวูบเดียว กำแพงโปร่งใสชั้นนั้นพลันปรากฏขึ้นเลือนราง นางแนบฝ่ามือลงบนกำแพง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเปรี๊ยะแผ่วเบาดังขึ้น ฝ่ามือของนางราวกับถูกไฟแผดเผา ควันจางๆ สายหนึ่งลอยขึ้นมา
ฉินเซวียนหน้าถอดสี “อาจารย์!”
โหราจารย์เหยาดึงฝ่ามือกลับมาเบาๆ จุดที่ถูกเผากลางฝ่ามือฟื้นกลับคืนสภาพเดิมภายในเวลาเพียงชั่วพริบตา “ข้าไม่เป็นอะไร”
ฉินเซวียนถามว่า “อาจารย์ ข่ายอาคมนี้ร้ายกาจนัก ผู้ใดเป็นคนสร้างมันไว้หรือ”
ริมฝีปากของบางของหญิงสาวขยับเบาๆ “พวกเงือกแห่งทะเลหนานไห่”
…