ตอนพิเศษ 33-1 ความรักเพิ่งจะผลิบาน เตียงก็หักเสียแล้ว (2)
แดนยมโลกเป็นดินแดนที่พิเศษที่สุดในดินแดนทั้งหก ไม่ว่าจะมนุษย์หรือสัตว์ในดินแดนแห่งนี้ล้วนมิอาจเดินทางไปยังอีกห้าดินแดนได้อย่างอิสระ ต่อให้จะเดินทางไปก็ไปได้เพียงจิตตั้งต้นหรือร่างวิญญาณ ผู้พิพากษาชุยถือตราอนุญาตไปทำหน้าที่จึงเป็นข้อยกแว้น ส่วนอีกข้อยกเว้นก็คือกรณีของเถิงเสอ
นับตั้งแต่เถิงเสอมาอยู่ที่สำนักเชียนหลัน มันก็ถูกเคารพบูชาประหนึ่งบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนัก แต่ละเดือนเจ้าสำนักสวี่ต้องมาเยี่ยมดูว่ามันอยู่สบายดีหรือไม่ แต่เวลาอื่นล้วนไม่เคยมารบกวนมัน
มันครอบครองยอดเขาลูกหนึ่งเพียงลำพัง นอกจากจะมีภูเขา มีต้นไม้ มีลำธาร ตอนที่ไม่มีคนนอกเข้ามา มันก็ไม่ต้องคงรูปลักษณ์มังกรเขียวน้อย ปรากฏตัวออกมาในรูปลักษณ์ของเถิงเสอได้อีกต่างหาก
แม้นามของเถิงเสอจะมีคำว่าเสอหรือคำว่างูอยู่ในนั้น แต่ขนาดตัวของมันใหญ่โตจนใกล้เคียงกับเผ่ามังกร บนร่างของมันมีเกล็ดอันแข็งแกร่ง บนแผ่นหลังก็มีปีกอยู่คู่หนึ่ง ได้ยินมาว่าเถิงเสอที่เก่งกาจจำนวนหนึ่งจะมีเขางอกขึ้นมาบนหัวด้วย เมื่อเป็นแบบนั้นก็ยิ่งเหมือนมังกรขึ้นไปอีก
ตอนที่จีเสี่ยวซิวกับเฉียวเวยแวยจูงมือเดินมาถึงภูเขาด้านหลัง เถิงเสอกำลังเหยียดร่างกายครึ่งหนึ่งบนผืนหญ้าอย่างเกียจคร้าน ปลายหางแช่อยู่ในน้ำอย่างเพลิดเพลิน ด้านข้างมีถาดผลไม้สดใหม่วางอยู่หนึ่งถาดคู่กับกุ้งทอดซึ่งเป็นของกินเล่นจากแดนกลางที่ห้องครัวเพิ่งส่งมาให้อีกหนึ่งตะกร้า
เฉียวเวยเวยเห็นกุ้งตัวน้อยก็อุทานออกมา “อ๊ะ” จากนั้นนางก็สะบัดมือของจีเสี่ยวซิวออกแล้ววิ่งตึงๆ ไปทางนั้น ทว่ายังไม่ทันที่นางจะได้หยิบกุ้งใส่ปาก เถิงเสอก็กวาดของจากไป
เถิงเสอชอบกินคนเดียวไม่แบ่งผู้ใด!
จีเสี่ยวซิวไพล่มือสองข้างไปด้านหลังแล้วเดินอาดๆ เข้าไปบอกว่า “เถิงเสอ เจ้าตั้งข่ายอาคมซิ ข้าจะสอนนางฝึกวิชา”
เถิงเสอกลอกตาใส่
จีเสี่ยวซิวยิ้มอย่างน่ารักน่าชัง “มังกรบินน้อยยย!”
ท่าทางของเถิงเสอบ่งบอกว่าความจริงแล้วในใจมันอยากปฏิเสธ แต่มันต้านทานความยั่วยวนของการถูกเรียกว่า ‘มังกรบินน้อย’ ไม่ไหวอย่างสิ้นเชิง!
“ฟ่อแฟ่ๆ!” เถิงเสอโบยบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างฮึกเหิม มันพ่นคลื่นแสงระลอกหนึ่งออกมาอย่างองอาจทรงพลัง คลื่นแสงแผ่ขยายตัวกลางอากาศก่อนจะครอบยอดเขาทั้งลูกในพริบตาเดียว
จีเสี่ยวซิวปรบมืออย่างพออกพอใจ “เอาล่ะ เช่นนี้ก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าพวกเรากำลังทำสิ่งใดแล้ว! ถ้าอย่างนั้น มังกรน้อยมานี่สิ!”
เขากระดิกนิ้วโดยไม่หันกลับไปมอง ทว่ากระดิกอยู่นานก็ไม่เห็นมีใครตอบ เขาจึงหันขวับกลับไปแล้วพบว่าเฉียวเวยเวยที่สมควรยืนอยู่ด้านหลังเขาหายตัวไปได้อย่างไรก็ไม่ทราบ!
เขาเงยศีรษะเล็กๆ ขึ้น เถิงเสอก็หายไปแล้วเหมือนกัน
ไม่ทันไร ในถ้ำด้านข้างก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนของเถิงเสอดังออกมา
“อ้ากกก!”
“อ้ากกก!”
“อ้ากกก! อ้ากกก!”
จีเสี่ยวซิวก้าวขาเล็กเดินเข้าไปในถ้ำ พอเข้าไปก็เห็นมือน้อยของเฉียวเวยเวยกำหางของเถิงเสออยู่ นางฟาดมันกับพื้นมาดัง ป้าบ! ป้าบ! ป้าบ!
เถิงเสอถูกฟาดจนหน้าบวมจมูกเขียว เวียนหัวตาลาย น้ำลายฟูมปาก สองตาเห็นดาว ในที่สุดกุ้งตัวน้อยกองโตก็ร่วงออกมาจากถุงเฉียนคุนล่องหนของเถิงเสอ เฉียวเวยเวยโยนเถิงเสอทิ้งแล้วเดินเข้าไปเก็บกุ้งตัวน้อยขึ้นมากินทีละตัวจนแก้มตุ่ย
เถิงเสอขดตัวอยู่ที่มุมผนังถ้ำ ปีกน้อยๆ หุบมากุมศีรษะที่บวมเป็นหัวหมู ขณะที่น้ำตาไหลนองหน้า นี่คือสิ่งที่ต้องจ่ายสำหรับการงกของกินไว้คนเดียว!
หลังจากเฉียวเวยเวยกินอิ่มแล้ว หางมังกรก็ดีดปึ๋งออกมา นางส่ายหางอย่างอารมณ์ดี แล้วเลียนแบบเถิงเสอ นอนเหยียดตัวบนพื้นหญ้าเอาหางแช่สระน้ำ ผึ่งพุงกลมๆ ตากแดด
จีเสี่ยวซิวไม่ได้พานางมาผึ่งพุงอาบแดดสักหน่อย!
แม้พุงขาวๆ กลมๆ จิ้มแล้วนุ่มนิ่มนั่นจะทำให้ใจคนละลายก็ตามที…
จีเสี่ยวซิวอายุสามขวบกระแอมแล้วดึงมือกลับมา ความรู้สึกนุ่มนิ่มยังหลงเหลืออยู่ที่ปลายนิ้ว เขาพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง “กายเนื้อของมังกรมารมีข้อได้เปรียบมาตั้งแต่เกิด เกิดมาก็เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่จำเป็นต้องมีวิชาฝึกตน ไม่ต้องอาศัยอาวุธวิเศษกับอาวุธญาณ เพียงกระตุ้นศักยภาพของตนเองไปเรื่อยๆ ก็เพียงพอแล้ว เผ่ามังกรมารของพวกเจ้ามีสายเลือดอยู่สองแบบ ไม่เป็นสายเลือดมังกรมารน้ำแข็งก็เป็นสายเลือดมังกรมารไฟ ข้าจำได้ว่ามารดาของเจ้าเป็นมังกรมารไฟตัวหนึ่ง เจ้ามีโอกาสแปดเก้าในสิบส่วนที่จะเป็นเหมือนนาง มา มาลองพ่นไฟดูก่อน”
เฉียวเวยเวยไม่ขยับ
จีเสี่ยวซิวอายุสามขวบถอนหายใจเหมือนบิดาชราคนหนึ่ง จากนั้นจึงปะเหลาะหลอกล่อว่า “ผู้ฝึกตนรากปราณไฟคนหนึ่งบังคับพลังปราณไฟในฟ้าดินได้ ทว่ามังกรมารไฟครอบครองพลังปราณไฟมหาศาลอยู่ในตัวเอง ทั้งพลังยังบริสุทธิ์กว่าพลังปราณไฟในฟ้าดินอยู่หลายเท่าจนถึงสิบกว่าเท่า หากเจ้าพ่นไฟได้ ก็คงเก่งกาจใกล้เคียงกับมารดาของเจ้าแล้ว”
จีเสี่ยวซิวอาจจะพูดโม้เกินจริงไปสักหน่อย เฉียวเวยเวยจึงหันใบหน้าโง่งมมามองเขา จีเสี่ยวซิวครุ่นคิดแล้วคิดว่านางอาจจะฟังไม่เข้าใจ ดังนั้นเขาจึงดีดนิ้วไปทางเถิงเสอ “มังกรบินน้อย ไฟ!”
เถิงเสออ้าปากพ่นลูกไฟลูกโตออกมาใส่จีเสี่ยวซิว จีเสี่ยวซิวถูกเผาจนตัวดำปี๋…
สายลมเย็นพัดผ่านวูบหนึ่ง จีเสี่ยวซิวพ่นควันสีดำออกมาจากปากด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก “ข้าสั่งให้เจ้าพ่นไฟ…ไม่ได้บอกให้เจ้าพ่นใส่ข้า…”
มังกรมารน้อยพ่นไฟไม่ได้
ไม่ว่าอย่างไรนางก็ยังเล็ก นี่ไม่ใช่ทักษะที่จะใช้ได้ตั้งแต่เกิด จีเสี่ยวซิวจึงตัดสินใจว่าจะไม่รีบร้อน ก่อนอื่นเริ่มจากฝึกความสามารถพื้นฐานก่อน “ผู้ฝึกตนมักจะต้องอาศัยการขี่กระบี่จึงจะบินได้ แต่มังกรมารเช่นพวกเจ้าเกิดมาขี่เมฆล่องหมอกได้ตั้งแต่เกิด หากเจ้าขี่เมฆล่องหมอกได้ ต่อให้สู้ผู้อื่นไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เจ้ายังหนีได้”
มังกรมารเรียนรู้การโบยบินไม่ต่างจากมนุษย์เรียนรู้การก้าวเดิน เรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องมุ่งมั่นกระตุ้นศักยภาพ โดยส่วนใหญ่ก็ทำเป็นเองโดยสัญชาตญาณ ในเมื่อเฉียวเวยเวยเดินได้แล้ว หลังจากมังกรมารน้อยกลายร่าง นางก็น่าจะบินได้เช่นกัน
“เรื่องนี้ง่ายกว่าพ่นไฟ มาเจ้าลองดู”
จีเสี่ยวซิวไม่กล้าให้เถิงเสอสาธิตแล้ว เขาพามังกรน้อยมาที่ยอดเขาด้วยตัวเอง “ประเดี๋ยวเจ้าบินลงไปจากตรงนี้”
มังกรมารน้อยถดตัวไปด้านหลัง
จีเสี่ยวซิวเขย่งปลายเท้าลูบศีรษะของนางเบาๆ “ไม่ต้องกลัว ข้าจะรอเจ้าอยู่ด้านล่าง” จีเสี่ยวซิววิ่งหอบแฮ่กลงไปยืนอยู่บนผืนหญ้ากว้างสีเขียวขจี แล้วโบกมือให้มังกรมารน้อยที่กระถดตัวถอยหลังไม่หยุด “บินลงมาสิ!”
มังกรมารน้อยไม่ยอมบิน
จีเสี่ยวซิวหยิบถั่วเคลือบน้ำตาลเม็ดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าใบน้อย
มังกรมารน้อยกระโจนฟึบบินออกมาทันใด!
“ต้องแบบนี้สิ” จีเสี่ยวซิวยกมุมปากโค้งเป็นรอยยิ้มอย่างพอใจ ทว่าเขาพอใจได้ไม่ทันไร มังกรมารน้อยที่อยู่กลางท้องฟ้าก็ตะกุยกรงเล็บ ทิ้งตัวร่วงดิ่งลงมาจากฟ้า!
จีเสี่ยวซิวไม่มีเวลาแม้แต่จะหลบ เขาจึงถูกมังกรมารน้อยที่เสียสมดุลร่วงลงมาทับอย่างแรงจนจมลึกลงไปเป็นหลุมบนพื้น…
…