ตอนพิเศษ 31-2 ความจริง
เฉียวเวยเวยพองแก้มอย่างฉุนเฉียว นางพยายามฮึบหดพุงกลมดิกกลับเข้าไปอย่างสุดความสามารถ ทว่าฮึบได้ครู่เดียวก็ฮึบไม่ไหว พุงน้อยๆ ดีดปึ๋งยื่นออกมาอีกหน เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! ซ้ำร้ายยังได้ยินเสียงฉีกขาดดังขึ้นสามหน กระดุมดีดหลุดออกมาทั้งแผง
หลิงจือ “…”
เฉียวเวยเวย “…”
เฉียวเวยเวยยกมือขึ้นปิดตา
ข้ามองไม่เห็นๆ
…
หลังจากงานประลองใหญ่ผ่านไปไม่นาน ผู้อาวุโสปี้กับผู้อาวุโสหลิวแห่งเผ่ามารก็นำชาวเผ่ากลุ่มหนึ่งเข้ามาในแดนกลาง พวกเขามาตามหารองหัวหน้าสหพันธ์กับฉินเซวียน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เผ่ามารส่งคนมา ก่อนหน้านี้ตอนที่มุกมังกรสัมผัสกลิ่นอายของจอมมารได้หนแรก เผ่ามารก็เคยหวาดกลัวจนมาหารองหัวหน้าสหพันธ์เพื่อขอสงบศึกไปหนหนึ่งแล้ว
แต่กลิ่นอายที่สัมผัสได้หนนั้นเบาบางอย่างยิ่ง เพียงชั่วพริบตาก็หายไป มุกมังกรจึงค้นหาตำแหน่งที่จอมมารปรากฏตัวไม่พบ แต่หนนี้ดวงจิตของจอมมารปรากฏที่แดนกลางอยู่ครึ่งคืนเต็มๆ มุกมังกรจึงตรวจจับได้สำเร็จ ด้วยเหตุนี้ผู้อาวุโสทั้งสองของเผ่ามารจึงมาเยือนจวนของรองหัวหน้าสหพันธ์ตั้งแต่เช้าตรู่
ตอนที่บ่าวรับใช้เข้าไปแจ้งรองหัวหน้าสหพันธ์ รองหัวหน้าสหพันธ์กำลังป้อนยาให้บุตรชายอยู่ ฉินเซวียนเติบโตขึ้นมาพร้อมกับการถูกจับกรอกยา แม้จะอาศัยสมบัติล้ำค่านับไม่ถ้วนดันทุรังเลี้ยงดูเขาจนเขาฝึกตนมาถึงขั้นประสานเม็ดตันสำเร็จ แต่ร่างกายก็ยังอ่อนแอมากอยู่ดี เมื่อคืนวานอยู่ข้างนอกทั้งคืน พอกลับมาเขาก็หมดสติ
ฉินเซวียนดื่มยาหมดก็ส่งถ้วยยาให้รองหัวหน้าสหพันธ์ “ข้าเป็นตัวถ่วงท่านพ่อแท้ๆ หากท่านพ่อไม่ต้องคอยวุ่นวายดูแลข้า แต่ได้ไปจัดการงานของสหพันธ์แห่งแดนกลางโดยไม่ต้องคอยหยุดงาน ยามนี้ตำแหน่งหัวหน้าสหพันธ์แห่งแดนกลางก็คงจะเป็นของในกระเป๋าของท่านพ่อนานแล้ว”
รองหัวหน้าสหพันธ์มองเขาแล้วเอ่ยว่า “พ่อไม่อาลัยอาวรณ์ตำแหน่งหัวหน้าสหพันธ์อะไรนั่นสักนิด พ่อเพียงอยากให้เจ้าแข็งแรงดี”
ฉินเซวียนตอบว่า “ข้าได้ยินพ่อบ้านเล่าว่าครั้งที่ข้าถูกคนในเผ่าจับถ่วงน้ำในมหาสมุทร ท่านพ่อรีบมาถึงทันเวลาจึงงมข้าขึ้นมาได้…ท่านพ่อ เหตุใดท่านจึงแน่ใจนักว่าข้าคือบุตรของท่าน”
รองหัวหน้าสหพันธ์หัวเราะ “ในทะเลจะมีเด็กคนที่สองหรือไร ยิ่งไปกว่านั้นสายเลือดตัดกันไม่ขาด ข้าเห็นเจ้าแวบแรก ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าคือลูกของข้ากับแม่ของเจ้า”
ฉินเซวียนหลุบตาลง เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “ดังนั้นท่านพ่อจึงยอมสละพลังปราณมากมายเพียงนั้นจนระดับการฝึกตนถดถอยอย่างไม่เสียดายเพื่อต่อชีวิตข้าหรือ”
รองหัวหน้าสหพันธ์เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “อย่าพูดถึงระดับการฝึกตนถดถอยเลย ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตนี้แล้วอย่างไร เพื่อเจ้าแล้ว ข้าทำสิ่งใดก็คุ้มค่าทั้งสิ้น”
ฉินเซวียนก้มหน้าอย่างละอายใจ “แต่…หากข้าไม่มีวันหายดี ก็คงจะไม่มีวันสืบทอดเผ่ามารได้ใช่หรือไม่”
ร่างกายอันอ่อนแอของฉินเซวียนไม่ใช่สิ่งที่เสแสร้งแกล้งทำ เขาเคยแช่อยู่ในทะเลมรณะจริงๆ อวัยวะภายในทุกส่วนจึงเสียหายทั้งสิ้น หลังจากถูกงมขึ้นมาชีวิตก็หายไปครึ่งหนึ่งแล้ว รองหัวหน้าสหพันธ์ใช้พลังปราณกับสมบัติล้ำค่าจำนวนมหาศาลดูแลเขามาเนิ่นนานหลายปีขนาดนี้ เขาก็ยังไม่หายดี
ฉินเซวียนนึกถึงมังกรน้อยตัวนั้นอย่างห้ามตนเองไม่ได้ เจ้าตัวจ้อยตัวนั้นแช่อยู่นานกว่าเขาแท้ๆ ตามหลักแล้วมันสมควรเจ็บหนักมากกว่าเขาจึงจะถูก แต่ดูสภาพของนางสิ ตัวอ้วนพีกลมดิก เห็นชัดๆ ว่าหายดีมากสุดๆ!
สมควรตาย! เจ้าตัวจ้อยตัวนั้นหายดีได้อย่างไรกัน!
ระหว่างที่ขบคิด พ่อบ้านประจำจวนก็เดินเข้ามาประสานมือคำนับรองหัวหน้าสหพันธ์แล้วรายงานอย่างนอบน้อม “นายท่าน ผู้อาวุโสปี้กับผู้อาวุโสหลิวแห่งเผ่ามารมาพบขอรับ”
รองหัวหน้าสหพันธ์ตบหัวไหล่บุตรชายเบาๆ “ข้าจะออกไปสักครู่ เจ้านอนพักสักตื่น สิ่งอื่นไม่ต้องไปคิด ไม่ว่าเรื่องใดก็ยังมีข้าอยู่”
ฉินเซวียนพยักหน้าอย่างซาบซึ้งอย่างยิ่งแล้วมองส่งรองหัวหน้าสหพันธ์เดินจากไป
รองหัวหน้าสหพันธ์มาพบผู้อาวุโสทั้งสองที่โถงดื่มชา เขากล่าวทักทายอย่างมีมารยาท “ผู้อาวุโสปี้ ผู้อาวุโสหลิว”
ผู้อาวุโสปี้เป็นผู้เฒ่ารูปร่างผอมผู้สงวนถ้อยคำ สีหน้าติดจะเคร่งขรึมเล็กน้อย
ส่วนผู้อาวุโสหลิวร่างกายค่อนข้างอ้วนท้วม ปฏิบัติกับผู้อื่นค่อนข้างจะอ่อนโยน พบหน้าหนใดก็มีรอยยิ้มประดับอยู่สามส่วน หลังจากพวกเขากล่าวทักทายกับรองหัวหน้าสหพันธ์แล้ว ก็เปิดปากบอกจุดประสงค์ที่มาเยือนอย่างตรงประเด็น “เมื่อคืนมุกมังกรสัมผัสกลิ่นอายของท่านจอมมารได้ มิทราบว่าท่านจอมมารได้มาเยือนแดนกลางหรือไม่”
รองหัวหน้าสหพันธ์ส่ายหน้า “เมื่อคืนเป็นเพียงดวงจิตเสี้ยวหนึ่งของชิงเอ๋อร์”
ได้ยินคำตอบนี้ บนใบหน้าของผู้อาวุโสทั้งสองคนก็ไม่ประหลาดใจเท่าไรนัก ไม่ว่าอย่างไรระดับการฝึกตนอย่างจอมมารก็ยากจะเข้ามาในแดนกลางได้ นอกเสียจากนางจะกดระดับการฝึกตนของตนให้ลดลงอย่างฮวบฮาบเพื่อหลบเลี่ยงกฎแห่งสวรรค์ของแดนกลาง แต่หากนางทำเช่นนั้น มุกมังกรก็คงจะสัมผัสกลิ่นอายของนางไม่ได้
ผู้อาวุโสหลิวถอนหายใจเอ่ยว่า “ข้าก็เดาว่าน่าจะเป็นเสี้ยวดวงจิต พาพวกเราไปดูจุดที่ดวงจิตของจอมมารปรากฏออกมาได้หรือไม่”
รองหัวหน้าสหพันธ์ตอบว่า “ที่นั่นเป็นภูเขาร้างห่างจากแท่นบูชาครึ่งวงเดือนไปทางตะวันออกร้อยลี้ ผู้อาวุโสทั้งสองเชิญตามข้ามา”
ทั้งสามคนเดินทางมาถึงเทือกเขาที่มังกรมารปรากฏตัว หลังจากเข้าไปในเทือกเขา มุกมังกรก็เริ่มเปล่งแสงเรืองๆ เมื่อมีมุกมังกรนำทางทั้งสามคนจึงเดินทางมาถึงถ้ำของปีศาจจิ้งจอก ทันใดนั้นมุกมังกรก็เปล่งแสงสว่างมากกว่าเดิมหลายเท่า นี่บ่งบอกว่ากลิ่นอายของมังกรมารตรงจุดนี้เข้มข้นที่สุด
ทั้งสามคนเข้าไปในถ้ำ ผู้อาวุโสปี้ถือมุกมังกรเดินเข้าไปสำรวจในถ้ำเพียงลำพัง ผู้อาวุโสหลิวคลี่ยิ้มหันมาเอ่ยกับรองหัวหน้าสหพันธ์ว่า “หนนี้พวกเรายังมีธุระอีกเรื่องหนึ่งด้วย เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสืบทอดเผ่ามารของนายน้อย ไม่ทราบว่ายามนี้นายน้อยกลายร่างได้แล้วหรือไม่”
รองหัวหน้าสหพันธ์ถอนหายใจตอบว่า “ร่างกายของเซวียนเอ๋อร์อ่อนแอเกินไปยังมิอาจกลายร่างได้”
ผู้อาวุโสปี้ที่เงียบงันมาตลอดจู่ๆ ก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า “เช่นนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นนี่คือสิ่งใด”
รองหัวหน้าสหพันธ์กับผู้อาวุโสหลิวหันไปมองมุกมังกรที่อยู่ในมือผู้อาวุโสปี้ ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นเมฆหมอกเลือนรางปรากฏขึ้นในเม็ดไข่มุกสีทอง ใจกลางเมฆหมอกกลุ่มนั้นคือมังกรมารสีดำขลับตัวหนึ่งที่กำลังขดตัวโอบมังกรน้อยที่กำลังขดตัวนอนหลับฝันหวาน