หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรักตอนพิเศษ 30-1 บุตรสาวของนาง สิ้นสุดการประลอง

ตอนพิเศษ 30-1 บุตรสาวของนาง สิ้นสุดการประลอง

ตอนพิเศษ 30-1 บุตรสาวของนาง สิ้นสุดการประลอง

ปีศาจจิ้งจอกคิดถึงตอนตัวเองตายเอาไว้มากมาย… ถูกสายฟ้ามหันตภัยฟาดตาย ถูกผู้ฝึกตนฆ่าตาย แก่ตายไปตามยถากรรม… แต่นางไม่เคยคิดว่าตนจะถูกมารมังกรทำให้โกรธจนตายไปเฉยๆ เช่นนี้

ปีศาจจิ้งจอกรู้สึกว่าการตายเช่นนี้ช่างเสียเกียรติยิ่งนัก ไว้หลังจากจิตตั้งต้นของนางหาที่สิงสถิตย์ใหม่เจอแล้ว จะต้องไม่ตายอย่างน่ารันทดเช่นนี้แน่

น่าเสียดายที่กระทั่งโอกาสนั้นนางก็ยังไม่มี

จอมมารยามสังหารใครสักคน ไม่มีทางปล่อยให้จิตตั้งต้นของคนผู้นั้นหลีกหนีไปได้

จิตตั้งต้นของนางยังไม่ทันหลุดออกจากร่างก็ถูกจอมมารบดขยี้จนแหลกละเอียด!

เหตุใดตนถึงตกอยู่ในสภาพที่น่าเวทนาเช่นนี้… ปีศาจจิ้งจอกไม่มีวันได้รู้คำตอบแล้ว

หลังจากปีศาจจิ้งจอกโมโหจนตายไป เงาดำของมารมังกรตัวมหึมาก็ค่อยๆ หดตัวลงแล้วลอยสบายๆ เข้าไปในถ้ำ

ลูกจิ้งจอกเงินภายในถ้ำตกใจแทบสิ้นสติ!

เงาของมารมังกรไม่แม้แต่จะมองพวกมัน แค่เพียงลอยผ่านตัวพวกมันไป จากนั้นลูกจิ้งจอกเงินที่เริ่มมีสติรับรู้แล้วก็คล้ายถูกสายฟ้าฟาด ตัวชะงักค้างไปเสียอย่างนั้น!

ภายในถ้ำใหญ่มาก มารมังกรหดร่างให้เล็กลงแล้วก็ยังคงดูอึดอัด มารมังกรขัดสมาธิลงบนเตียงหิน เฉียวเวยเวยนอนบนตัวมารมังกร ได้รับการโอบล้อมอย่างระมัดระวังและนุ่มนวลจากมัน

ไอสังหารในตาของมารมังกรหายไปจนหมดสิ้น ที่เข้ามาแทนที่คือความอ่อนโยนอย่างที่แดนทั้งหกไม่เคยพบเห็นมาก่อน

มารมังกรจูบหน้าผากน้อยๆ อย่างนุ่มนวล

เฉียวเวยเวยกำลังหลับสบาย ปากก็คอยส่งเสียงพึมพำจากในฝันเป็นระยะๆ

มารมังกรอุ้มบุตรตัวน้อยของตนไว้กับอก สายตาเต็มไปด้วยความรักและอ่อนโยน

เฉียวเวยเวยดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงกลิ่นไอที่ชื่นชอบ นางส่งเสียงครางอือๆ ทั้งๆ ที่หลับตาพร้อมกับซุกไซ้เข้ากับอกของมารมังกร

มารมังกรเฝ้านางอยู่เงียบๆ

แต่นางเฝ้าอยู่ได้ไม่นานนัก

ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ร่างจริงของนาง เป็นเพียงดวงจิตที่ถูกผนึกไว้ในรูปภาพเท่านั้น

เมื่อใช้ดวงจิตไปแล้ว ก็หมายความว่าเดี๋ยวนางต้องสลายไปแล้ว

ดวงจิตของยอดฝีมือทั่วไปเมื่อได้ใช้ก็จะสลายไป แต่มารมังกรกลับเฝ้าอยู่ได้หนึ่งคืนเต็มๆ จนกระทั่งตรงขอบฟ้ามีแสงค่อยๆ สว่างขึ้น ส่องตรงมายังร่างที่โปร่งแสงขึ้นเรื่อยๆ ของนาง นางถึงได้ค่อยๆ…สลายจนเหลือเพียงความว่างเปล่า

หลังจากดวงจิตของมารมังกรหายไปจนสิ้นแล้ว ยอดฝีมือเหล่านั้นที่ตัวแข็งไปถึงได้กลับมาขยับตัวได้อีกครั้งราวตื่นจากฝัน

ความทรงจำของพวกเขายังหยุดอยู่เมื่อตอนใช้วิชาต่อสู้กับปีศาจจิ้งจอก ระหว่างนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง สภาพท้องฟ้าเกิดความพลิกผัน อยู่ๆ ตรงเหนือศีรษะก็มีมังกรตัวเขื่องเพิ่มเข้ามาตัวหนึ่ง แต่ทุกคนยังไม่ทันรู้ว่ามังกรตัวเขื่องนั้นคืออะไร ก็ทยอยภาพตัดกันไปเสียแล้ว

พวกเขาตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นตอนนี้แล้ว แต่เวลานี้อยู่ห่างจากเมื่อตอนเกิดเรื่องไปครึ่งคืนจนฟ้าสว่างโร่แล้ว!

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” ผู้พิทักษ์รองหันไปถามพวกเจ้าสำนัก

ผู้พิทักษ์ใหญ่ส่ายหน้า บอกว่าตนก็ไม่แน่ใจ

ประมุขเหลยนึกย้อนไปถึงมังกรดำตัวเขื่องที่ขดตัวอยู่เหนือท้องฟ้า ถึงแม้จะเห็นเพียงแวบเดียวแล้วไม่รับรู้อะไรอีก แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่านั่นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในแดนกลาง “ข้าไม่เคยพบเจอมารมังกรที่แข็งแกร่งเพียงนี้มาก่อน”

พอได้ยินคำว่ามารมังกร ผู้พิทักษ์รองก็เบิกตากว้าง “หรือว่าจะเป็น…”

“เป็นจอมมาร” เจ้าสำนักสวี่เอ่ยขึ้น

ผู้พิทักษ์รองไม่เข้าใจ “จอมมารจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร ความหมายของข้าคือ…นางเข้ามายังแดนกลางได้อย่างไร”

แดนกลางไม่ใช่สถานที่ที่จะ “ยอม” ให้จอมมารมาอยู่ได้ ด้วยระดับการฝึกตนของจอมมาร ขอเพียงนางก้าวย่างเข้ามาในแดนกลางก็สามารถอัดทำลายทั้งแดนกลางได้เลยทีเดียว

เจ้าสำนักสวี่ส่ายหน้า “นั่นไม่ใช่ร่างจริงของจอมมาร แต่เป็นดวงจิตส่วนหนึ่งของจอมมาร”

แค่ดวงจิตส่วนหนึ่งก็ทำสามารถทำให้ทิวเขาทั่วบริเวณนี้แตกเป็นสองส่วนได้แล้ว

หนำซ้ำจอมมารยังไม่ได้ตั้งใจอีกด้วย

“ปีศาจจิ้งจอกเล่า” อยู่ๆ ผู้พิทักษ์ใหญ่ก็ถามขึ้น

ประมุขเหลยชี้ไปยังศพที่อยู่ไม่ไกล “ตายแล้ว”

ทุกคนตกใจกันไปอีกครั้ง

ผู้พิทักษ์รองตาโตอ้าปากค้าง “เป็น เป็นจอมมารที่สังหารนางหรือ อย่าบอกนะว่า… ดวงจิตส่วนหนึ่งของจอมมารสังหารครึ่งเซียนที่ผ่านวิบากมาสองครั้งได้แล้วยังสามารถกดตัวพวกเราไว้ได้ครึ่งคืนอีกหรือ”

นี่เป็นการดำรงอยู่ที่ท้าทายสวรรค์อะไรเยี่ยงนี้!

ครึ่งเซียนสามคนเชียวนะ!

ยามอยู่ต่อหน้าจอมมารถึงขั้นไม่มีพลังจะสวนกลับเลยสักนิด หนำซ้ำนี่ยังเป็นเพียงดวงจิตส่วนเดียวของจอมมารอีกด้วย ไม่อยากคิดเลยว่าร่างจริงของนางจะแข็งแกร่งเพียงใด

มาถึงตรงนี้ ทุกคนเชื่อกันสนิทใจเสียทีว่าตำนานเรื่องจอมมารเกือบทำลายแดนเซียนนั้นไม่ได้เล่ากันเกินจริงเลยสักนิด นางมีความสามารถเช่นนั้นจริงๆ

“แต่ว่า ดวงจิตของจอมมารเหตุใดจึงมาปรากฏอยู่ที่นี่ได้” ผู้พิทักษ์ใหญ่จู่ๆ ก็ถามขึ้น

นี่ก็เป็นจุดที่ทุกคนหาคำตอบไม่ได้ พวกเขาคิดไม่ตกว่าจอมมารเกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์เมื่อคืน จอมมารไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น นางจะแบ่งดวงจิตส่วนหนึ่งมาเล่นงานปีศาจจิ้งจอกตนหนึ่งที่ไม่รู้กระทั่งชื่อไปไย

อีกอย่าง หากเทียบกับปีศาจจิ้งจอกแล้ว จอมมารดูน่าจะรังเกียจผู้ฝึกตนสายธรรมะอย่างพวกเขามากกว่าเสียอีก ไม่มีเหตุใดเลยที่ปีศาจจิ้งจอกจะตายไป ส่วนพวกเขายังมีชีวิตรอดอยู่เช่นนี้

เจ้าสำนักสวี่นิ่งไป “จะใช่ว่า…เกี่ยวข้องกับรองหัวหน้าสหพันธ์หรือไม่”

ประมุขเหลยเอ่ยว่า “เรื่องนี้ เกรงว่าคงต้องไปขอการยืนยันจากรองหัวหน้าสหพันธ์เอง ตามหาตัวเด็กก่อนเถิด”

พวกเขาเข้าไปในถ้ำและไปพบตัวเฉียวเวยเวยกำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงหิน ตามปกติในเวลานี้เฉียวเวยเวยควรตื่นได้แล้ว แต่เมื่อวานนางเข้านอนดึก เวลานี้จึงยังคงอยู่ในนิทรา

เจ้าสำนักสวี่ลองตรวจสอบชีพจรนางดู ทุกอย่างเป็นปกติ

คนของสำนักเชียนหลันพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ไม่เท่าไรหลิงจือก็เข้ามาด้วย

หลิงจืออุ้มเฉียวเวยเวยที่ได้ตัวคืนกลับมาขึ้นมากอด ใจที่เต้นไม่เป็นส่ำมาครึ่งคืนของนางในที่สุดก็วางลงได้สักที

ประมุขเหลยมองไปรอบๆ พร้อมเอ่ยกับทุกคนว่า “ปีศาจจิ้งจอกถึงจะถูกกำจัดไปแล้ว แต่ก็ยากที่มั่นใจว่านางไม่มีพรรคพวกอยู่อีก ทุกคนช่วยกันตามหาให้ทั่วที ดูสิว่าจะพบเจออะไรหรือไม่”

ยอดฝีมือจากแต่ละสำนักใหญ่ต่างเห็นว่าประมุขเหลยกล่าวได้มีเหตุผล จึงแยกย้ายกันไปค้นดูภายในถ้ำอย่างละเอียด

พรรคพวกเดียวกันนั้นไม่พบ แต่มีผู้ฝึกตนของสำนักว่านเซี่ยงคนหนึ่งเจอถุงเฉียนคุนกับภาพภาพหนึ่งอยู่บนพื้น บนภาพไม่มีสัญลักษณ์อะไรบอก แต่บนถุงเฉียนคุนมีทำตราของสำนักเชียนหลันไว้

คนอื่นอาจไม่รู้จักตรานี้ แต่สำนักว่านเซี่ยงที่เป็นคู่ปรับตัวฉกาจคุ้นเคยเป็นอย่างดี

ผู้ฝึกของสำนักว่านเซี่ยงถามว่า “นี่ใช่ของของสำนักเชียนหลันหรือไม่”

หลิงจือที่กำลังอุ้มเฉียวเวยเวยเดินออกจากถ้ำได้ยินเข้าก็หันไปมอง แล้วหันฝีเท้าเดินกลับมา “ของข้าเอง”

ผู้ฝึกตนของสำนักว่านเซี่ยงเอาถุงเฉียนคุนกับภาพวาดคืนให้นาง “เจ้าลองดูว่ามีอะไรหายไปหรือไม่”

หลิงจือตรวจดูในถุงเฉียนคุน เงินกับศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในยังอยู่ครบถ้วน แต่คนในภาพหายไปแล้ว “เอ๋?”

“ทำไมหรือ” ผู้พิทักษ์ใหญ่เดินเข้ามา

หลิงจือส่งภาพวาดไปให้นาง “ภาพนี้เวยเวยเก็บได้จากในป่า ข้าจำได้ว่าด้านในมีภาพคนอยู่ แต่ตอนนี้หายไปแล้ว”

“เจ้าตาฝาดไปหรือไม่” ผู้พิทักษ์ใหญ่ถาม

หลิงจือมั่นใจมากว่าตนไม่ได้ตาฝาด แต่นางไม่แน่ใจว่าตอนนั้นนางถูกมนต์พรางตาอะไรของปีศาจจิ้งจอกเข้าหรือไม่ บางทีภาพภาพนี้อาจเป็นปีศาจจิ้งจอกที่ตั้งใจทำตกไว้ในป่า หากใครเก็บได้ คนผู้นั้นก็จะตกเป็นเป้าหมายของนาง

ผู้พิทักษ์ใหญ่ก็คาดเดาไปในทางเดียวกัน นางเอ่ยอย่างใช้ความคิดว่า “บางทีอาจเป็นปีศาจจิ้งจอกที่ใส่ดวงจิตเอาไว้ในภาพ หลังจากพวกเจ้าเก็บภาพมาได้นางก็ลอบควบคุมพวกเจ้าโดยไม่ให้รู้ตัว เจ้านึกย้อนดูทีว่าหลังจากเก็บภาพวาดได้แล้ว เวยเวยดูมีท่าทีแปลกไปบ้างหรือไม่”

หลิงจือพยักหน้า “มี นางชอบภาพวาดนี้มาก ถึงขั้นไม่ยอมให้ข้าถือให้”

ผู้พิทักษ์ใหญ่ยิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตน “เช่นนั้นก็คงใช่แล้ว จะต้องเป็นปีศาจจิ้งจอกที่ร่ายวิชาใส่ภาพวาดเอาไว้ เวยเวยถูกนางทำให้มึนเมา ยังดีที่สุดท้ายแล้วทุกคนไม่เป็นอะไร ข้าคิดว่า…ที่เวยเวยมาที่นี่ แปดส่วนต้องเป็นเพราะกลลวงของปีศาจจิ้งจอกแน่นอน”

มีคำเล่าขานกันมานานแล้วว่าปีศาจจิ้งจอกชอบกินเด็ก ชอบดูดกินความอ่อนเยาว์

หลิงจือรู้สึกว่าอาจารย์ของตนวิเคราะห์ได้เป็นเหตุเป็นผล ปีศาจจิ้งจอกจะต้องอยากกินเด็กถึงได้ยื่นมือชั่วร้ายของนางมาที่เวยเวย

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง (偏方方) แนะนำเรื่องย่อ เมื่อหมอสาวยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณแถมพ่วงด้วยลูกแฝดอีกสอง ทำขนม ดักสัตว์ ทำไร่ ทำทุกอย่างที่ได้เงิน! เฉียวเวย เด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรจู่ๆ ก็ทะลุมิติมายังยุคโบราณที่ไม่รู้จัก นอกจากจะมาอาศัยร่างคนอื่นอยู่แล้ว ร่างเดิมนี้ยังมีลูกแฝดอีกสองชีวิตให้ต้องเลี้ยงดู! นางที่ไร้ซึ่งความทรงจำใดๆ ในโลกใบใหม่แต่พราะทักษะติดตัวสมัยยังต้องดิ้นรนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทำให้ชีวิตไม่ลำบากเกินไปนัก ทำขนม ดักสัตว์ ปลูกพืช รักษาคน จากนี้นางจะเลี้ยงลูกๆ ให้เติบใหญ่ด้วยมือของนางเอง! เจ้าซาลาเปาน้อยจูงมือบุรุษใบหน้าเคร่งขรึมเข้ามา "ท่านแม่ ท่านลุงบอกว่าเขาเป็นพ่อของข้า" เฉียวเวยยิ้มละไม "ลูกรัก บอกพ่อเจ้าหน่อย ว่าต้องทำเช่นไรถึงจะพิสูจน์ว่าเป็นพ่อของเจ้าได้" เจ้าซาลาเปาน้อยเปิดสมุดทองคำ พูดอย่างชื่อๆ ว่า "ข้อที่หนึ่งร้อยหนึ่งของ 'กฎครอบครัวเฉียว' หลอกลวงเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีโทษตัดอวัยวะสืบพันธุ์ ท่านลุง หากท่านเป็นพ่อของข้าจริงๆแล้วล่ะก็..." โดยไม่รอให้เจ้าซาลาเปน้อยจะพูดจบ ปลายนิ้วอันย็นเฉียบของชายคนนั้นก็บีบคางของเฉียวเวย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เย็นชาและเป็นอันตราย "หากข้าจำไม่ผิด คืนนั้น เหมือนเจ้าจะเป็นคนบังคับขืนใจข้า!"

Options

not work with dark mode
Reset