ตอนพิเศษ 28-2 ท่านแม่? (2)
หลังจากเหาะไปได้หนึ่งเค่อ ในที่สุดหลิงจือก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว ดูเหมือนจำนวนคนจะไม่น้อยเสียด้วย
หลิงจือเหาะเข้าไปดูใกล้ๆ บ้าจริง ใช่แค่ไม่น้อยเมื่อไรกัน อยู่กันพร้อมหน้าเลยทีเดียว!
นอกจากนางแล้ว ผู้ฝึกตนอีกสิบสี่คนล้วนมากันยังหุบเขาแห่งนี้ สิบสามคนกำลังต่อสู้กันอุตลุด มีคนหนึ่งดูเหมือนจะบาดเจ็บหนัก นอนหายใจรวยรินอยู่บนก้อนหินก้อนหนึ่ง
การตะลุมบอนค่อนข้างดุเดือด หลิงจือแบกเด็กอยู่บนหลัง จึงไม่อยากเข้าไปผสมโรงด้วยในตอนนี้ ในขณะที่นางกำลังคิดจะเหาะออกไปนั้น กลับถูกเด็กสาวรากปราณสวรรค์เห็นเข้าเสียได้!
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ใช้กระบี่ขวางผู้ฝึกตนคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาจะทำร้ายนางไว้ เหลือบตามองหลิงจือที่อยู่กลางอากาศ “ยังเฉยอยู่ไย ไม่รีบมาช่วยกันอีก!”
หลิงจือเลิกคิ้ว “ช่วยอะไรกัน ข้าไม่ได้คิดจะแย่งกับพวกเจ้าเสียหน่อย ข้าจะไปหาของข้าเอง!”
ผู้ฝึกตนอีกคนหนึ่งฟาดอาวุธใส่เด็กสาวรากปราณสวรรค์
เด็กสาวรากปราณสวรรค์รีบร่ายคาถาสร้างปราการน้ำ กางกั้นอีกฝ่ายไว้อย่างแน่นหนา นางหันมาเอ่ยกับหลิงจือว่า “เจ้าตาบอดหรือโง่เขลากันแน่ ไม่เห็นหรือว่าที่นี่เกิดเรื่องแล้วน่ะ”
“อ๊า…” ผู้ฝึกตนหญิงคนหนึ่งถูกคนแทงเข้าที่ท้อง นางร้องเสียงหลงขึ้นมา แต่นางไม่ได้ล้มลงเหราะเหตุนี้ กลับชัดกริชที่ท้องขึ้นมาไล่แทงผู้ฝึกตนมารที่อยู่ด้านข้างอย่างบ้าคลั่ง ผู้ฝึกตนมารคนนั้นไม่ได้ทำอะไรนางเลยสักนิด!
แน่นอนว่าเวลานี้นางทำให้อีกฝ่ายเดือดดาลขึ้นมาแล้ว อีกฝ่ายจึงหันมาเล่นงานนางแทน
หลิงจือขมวดคิ้วมอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง “คนพวกนี้…คนพวกนี้เป็นอะไรไป”
ปราการน้ำเด็กสาวรากปราณสวรรค์ต้านทานไว้ไม่อยู่แล้ว จำต้องวาดกระบี่เข้าฆ่าฟัน “ข้าจะรู้ได้อย่างไร พวกเขาเป็นบ้ากันไปหมด! หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ทุกคนได้ตายกันหมดแน่!”
เรื่องนี้น่าประหลาดเกินไปจริงๆ นอกจากเด็กสาวรากปราณสวรรค์แล้ว ผู้ฝึกตนคนอื่นอาการคล้ายเสียสติกันหมด เจอใครเป็นต้องฆ่า ไม่รู้จักเจ็บปวด ไม่หวั่นเกรงความตาย
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ใกล้จะต้านไว้ไม่ไหวแล้ว “เจ้ายังลังเลอะไรอยู่อีก มีคนอยากให้พวกเราตายกันอยู่ที่นี่!”
สายตาหลิงจือพลันดุดัน เอาตัวเฉียวเวยเวยที่หลับสนิทซ่อนไว้หลังต้นไม้ใหญ่
พอนางลงมายืนบนพื้นแล้ว ก็ใช้กระบี่รุกไล่ผู้ฝึกตนที่ล้อมเด็กสาวรากปราณสวรรค์ออกไป “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์กับหลิงจือหันหลังชนกัน ตั้งท่าพร้อมรับมืออย่างสมบูรณ์แบบ “ข้าก็บอกอยู่ว่าข้าไม่รู้! ตอนข้ารีบมาที่นี่ พวกเขาก็สู้กันอยู่แล้ว”
หลิงจือไล่ผู้ฝึกตนอีกคนหนึ่งออกไป “สู้กันแล้วเจ้ายังจะเข้ามาอีก ไม่รู้จักหนีหรือ”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์กัดปากไม่ตอบอะไร
หลิงจือพลันคิดบางอย่างไร ตาเบิกโต “เจ้าคิดจะฉวยโอกาส?”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ยกเท้าถีบผู้ฝึกตนคนหนึ่งที่คิดจะลอบทำร้ายหลิงจือ “มองข้างหน้าสิ! อย่าเสียสมาธิ!”
หลิงจือเอ่ยเสียงดุว่า “หากไม่ใช่เจ้าที่ลากข้าลงมาตัวเปื้อนด้วย ข้าคงไปนานแล้ว! ยังต้องสนใจเรื่องเสียสมาธิเมื่อไรกัน”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ใช้กระบี่ฟาดฟันต่อไป “อาวุธวิเศษสิบชิ้นหาครบแล้ว อยู่กับพวกเขานี่แหละ อย่างมากอีกเดี๋ยวพวกเราก็แบ่งกันคนละครึ่ง!”
หลิงจือ “ครั้งนี้ข้าต้องได้เลือกก่อน!”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์กัดฟัน “…ได้!”
ผู้ฝึกตนที่เข้าสู่รอบตัดสินได้ แต่ละคนฝีมือไม่ธรรมดาทั้งสิ้น เด็กสาวรากปราณสวรรค์กับหลิงจือถึงแม้จะร่วมมือกันได้ดียิ่ง แต่อย่างไรพวกนางที่ไม่คิดเอาชีวิตผู้อื่นก็ต้านทานคนเหล่านั้นที่ไม่สนใจความเป็นความตายของพวกนางสองคนและยิ่งไม่สนใจชีวิตตนเองได้
พลังปราณของหลิงจือค่อยๆ ลดลงจนแทบจะไม่เหลือ “ไม่ได้บอกว่าห้ามเอาชีวิตกันหรอกหรือ ผู้ฝึกตนเหล่านั้นเป็นอะไรกันไปหมด โดนคาถาอะไรเข้าหรือ”
คำพูดของนางคล้ายปลุกอีกฝ่ายให้ตื่นจากฝัน เด็กสาวรากปราณสวรรค์สายตาพลันเปลี่ยน “ข้าสงสัยว่าพวกเขาจะถูกคนควบคุมอยู่”
หลิงจือถึงกับขนหัวลุก “สามารถควบคุมผู้ฝึกตนได้จำนวนมากเช่นนี้ คงไม่ใช่คนที่เจ้าหรือข้าจะรับมือได้กระมัง”
แน่นอนว่าเป็นเช่นนั้น ระดับการฝึกตนของอีกฝ่ายอย่างน้อยต้องอยู่เหนือขั้นผสานตันขึ้นไป เป็นไปได้สูงที่จะเป็นผู้ประเสริฐในชั้นอมตะหรือชั้นบรรลุญาณที่เก่งกาจคนหนึ่ง
ดูท่าคงมีคนอื่นที่มีที่มาไม่ชัดเจนลักลอบเข้ามาในการประลองครั้งใหญ่นี้
แค่ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของอีกฝ่ายคืออะไร สังหารลูกศิษย์ใหม่ที่มากความสามารถจากแต่ละสำนักอย่างนั้นหรือ
เด็กสาวที่อายุรวมกันยังไม่ถึงสามสิบปี คาดเดาเป้าประสงค์ของอีกฝ่ายไม่ออก
หลิงจือ “เจ้าฟังข้านะ พวกเราเอาชนะพวกเขาไม่ได้ แผนการในตอนนี้คือต้องรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ส่งเสียงหึ “เจ้าคิดจะละทิ้งการประลองหรือ”
จะจากไปย่อมง่ายดาย แค่กำเม็ดไข่มุกก็จะถูกส่งกลับไปยังแท่นครึ่งวงเดือนแล้ว แต่พวกนางกลับไปมือเปล่าก็เท่ากับไม่มีคะแนน
หลิงจือโมโหจนกระทืบเท้า “ชีวิตสำคัญหรือการประลองสำคัญกันแน่”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์เพ่งสายตาเอ่ยว่า “สำคัญทั้งหมด สำคัญทั้งสองอย่างนั่นแหละ!”
ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานสิบสามคนร่วมมือกัน ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่หลิงจือกับเด็กสาวรากปราณสวรรค์สามารถเอาชนะได้ ที่สำคัญกว่านั้นคือ ผู้ฝึกตนเหล่านี้ดูเหมือนจะมีพลังปราณที่ใช้เท่าไรก็ไม่หมด
เด็กสาวรากปราณสวรรค์เอ่ยอย่างนิ่งขรึมว่า “มีคนคอยถ่ายพลังปราณให้พวกเขาจากแถวๆ นี้!”
หลิงจืออยากด่าทออีกฝ่ายยิ่งนัก “เช่นนั้นสู้ต่อไป ไม่พวกเราถูกพวกเขาฟันตาย ก็คงเหนื่อยตายอยู่ดี!”
“เจ้าต้านทานไว้สักพักได้หรือไม่ ข้าจะใช้ป้ายตามหาวิญญาณค้นหาคนผู้นั้นดู!” เด็กสาวรากปราณสวรรค์เอ่ย
ป้ายตามหาวิญญาณเป็นอาวุธวิเศษสายป้องกันประเภทหนึ่ง ซึ่งสามารถไล่ตามร่องรอยจนหาที่มาของพลังปราณเจอได้
หลิงจือเวลานี้ไม่มีแค่ใจจะอิจฉาว่าเหตุใดนางถึงมีของดีติดกายมากเพียงนั้น หลิงจือคิดว่าตนเองต้านทานไม่ไหว นางหันไปมองเฉียวเวยเวยที่หลับสนิทอยู่ใต้ต้นไม้แล้วกัดฟันเอ่ยว่า “เจ้าลงมือเถิด!”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์พยักหน้า เร้นกายถอยออกจากวงต่อสู้
ผู้ฝึกตนกลุ่มนั้นไม่ปล่อยนางไปง่ายๆ เพียงนั้น พวกเขาเข้าไปล้อมนางไว้ทันที
หลิงจือสูดหายใจเข้าลึกๆ หลายครั้ง หลับตาแน่นก่อนจะลืมตาโตขึ้น พลังปราณดินจำนวนมหาศาลค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามา ก่อตัวเป็นกำแพงปิดสนิทขึ้นกลางอากาศ ขวางผู้ฝึกตนกลุ่มนั้นเอาไว้ในทันที
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ตะลึงค้าง ไม่เพียงแค่พลังปราณไฟ พลังปราณไม้ แต่ยัยเด็กนี้ยังสามารถเคลื่อนย้ายพลังปราณดินได้อีก?
พลังปราณของหลิงจือเหือดแห้งจนแทบไม่เหลือ “เจ้าใกล้เสร็จรึยัง ข้าจะไม่ไหวแล้ว…”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ข่มความตกใจเอาไว้ ร่ายคาถากระตุ้นให้ป้ายตามวิญญาณทำงาน ป้ายตามวิญญาณพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว!