ตอนพิเศษ 21-2 ข้ามขั้นกันถ้วนหน้า เล่นงานสำนักว่านเซี่ย
ในขณะที่คณะของเจ้าสำนักสวี่ขี่กระบี่บินกันไปถึงกลางเขานั้น จู่ๆ ตรงขอบฟ้าก็เกิดสายฟ้าฟาดลงมา เล่นเอาพวกเขาตกใจจนเกือบร่วงหล่นจากกระบี่!
“เกิดอะไรขึ้น!” ลู่หยวนเจิ่นตกใจจนหน้าถอดสี
ประมุขเหลยบอกว่า “มีคนกำลังผสานตัน”
การผสานตันเป็นเส้นเขตแดนที่ขีดเอาไว้ของผู้ฝึกตน ก่อนผสานตัน ชีวิตของผู้ฝึกตนจะไม่ต่างไปจากคนธรรมดาเท่าไรนัก แต่เมื่อผสานตันแล้วคนผู้นั้นจะมีอายุขัยอย่างน้อยหลายร้อยปี นี่เรียกได้ว่าเป็นเส้นทางที่ฝืนชนะสวรรค์ ซึ่งจะนำพาเอาอัสนีวิบากที่นับเป็นวิถีแห่งสวรรค์เข้ามา
อัสนีวิบากระดับขั้นผสานตันนั้นถือว่ารุนแรงน้อยที่สุด เกิดขึ้นเพียงสามครั้ง ซึ่งไม่นับว่าเป็นสายฟ้าที่รุนแรงนัก แต่สำหรับผู้ฝึกตนในระดับนี้ก็นับว่าอันตรายมากแล้ว
เจ้าสำนักสวี่เหลือบมองจุดที่สายฟ้าฟาดลงมา “นั่นไม่ใช่ทางที่เหวินเหรินเฟิงกับแม่นางสวี่จากไปหรอกหรือ หรือว่าแม่นางสวี่จะผสานตันแล้ว”
ทั้งๆ ที่แม่นางสวี่เป็นคนที่มีบาดแผลภายใน ตามหลักการแล้วหากแผลยังไม่หายดี จะไม่มีทางข้ามขั้นได้อีก เหตุใดจู่ๆ ถึงเกิดผสานตันเสียได้
ยังไม่ทันที่เจ้าสำนักสวี่จะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ลู่หยวนเจิ่นที่กำลังอุ้มจีเสวี่ยซิวอยู่ก็เอ่ยปากขึ้นว่า “เจ้าสำนัก! ข้า…ข้า…เหมือนว่าข้า…”
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดติดอ่างจบ ตรงขอบฟ้าก็เกิดฟ้าฝ่าอีกครั้ง ครั้งนี้มุ่งตรงมาทางพวกเขา!
ในช่วงเวลาคับขัน ลู่หยวนเจิ่นส่งตัวจีเสี่ยวซิวไปให้ผู้พิทักษ์รองที่อยู่ใกล้ตนที่สุด ส่วนตัวเขาเหาะกระบี่ขึ้นไปรับสายฟ้าสายที่หนึ่งที่เป็นของเขาในวันนี้!
เจ้าสำนักสวี่ตกใจยิ่งนัก “หยวนเจิ่นเจ้าก็จะข้ามขั้นเช่นกันหรือ”
ลู่หยวนเจิ่นเดิมเป็นผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับผสานตันขั้นปลาย แต่ระดับการฝึกตนของเขาอยู่ดีๆ ก็ทะลุทะลวงขึ้นไป… ขั้นผสานตันสมบูรณ์น้อย ขั้นผสานตันครบสมบูรณ์ อมตะ…
เขากำลังจะก้าวเข้าสู่ขั้นอมตะแล้ว!
ตั้งแต่ขั้นผสานตัน ทุกก้าวที่ขึ้นสู่ลำดับขั้นใหม่จะชักนำเอาอัสนีวิบากระลอกใหม่มาทั้งสิ้น อัสนีวิบากของขั้นอมตะก็จะเกิดสามครั้งเช่นกัน แต่กลับอันตรายกว่าขั้นผสานตันมากกว่าสิบเท่า
ลู่หยวนเจิ่นเพื่อไม่ให้อันตรายไปถึงคนอื่นๆ เขาจึงบินออกไปคนเดียวไกลๆ
เปรี๊ยง!
สายฟ้าอีกเส้นหนึ่งฟาดมาทางพวกเขาอีกแล้ว!
สายฟ้าครั้งนี้มุ่งตรงไปทางผู้พิทักษ์ใหญ่ที่อุ้มเฉียวเวยเวยอยู่
ผู้พิทักษ์ใหญ่ก็รีบโยนตัวเฉียวเวยเวยออกไป “ประมุขเหลย!”
ประมุขเหลยกำลังจะยื่นมือไปรับ ให้ตายสิ อัสนีวิบากของเขาก็มาเช่นกัน!
เจ้าสำนักสวี่อยากจะเป็นบ้า วันนี้พวกเจ้าเป็นอะไรกัน!
เจ้าสำนักสวี่เหาะออกไปรับตัวเฉียวเวยเวยไว้
ประมุขเหลยเป็นยอดฝีมือขั้นบรรลุญาณ ขั้นที่เขากำลังจะก้าวข้ามคือขั้นหินยาน มีอัสนีวิบากทั้งหมดหกเส้น แต่ละเส้นพลังใกล้เคียงกับมหาอัสนีวิบากยิ่งนัก
เส้นผมของประมุขเหลยถูกสายฟ้าฟาดจนยุ่งเหยิงไปหมด!
ประมุขสวี่เหลือบมองผู้พิทักษ์รองที่ดูจะตกใจไม่น้อย “พวกเราสองคนจะต้อง…”
เปรี๊ยงๆๆ…
มหาอัสนีวิบากที่ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดเฉียดตายกำลังจะมาถึง
ไม่ต้องบอกเลยว่ามหาอัสนีวิบากนี้มุ่งหน้ามาหาเจ้าสำนักสวี่ เพราะมีเพียงเขาที่มีระดับการฝึกตนในขั้นมหายาน ส่วนระดับมหายานก็อยู่ห่างจากการลอยขึ้นไปเป็นเซียนเพียงก้าวเดียวแล้ว
เมื่อหนึ่งเดือนก่อนเขาลอยขึ้นไปไม่สำเร็จ อัสนีวิบากครั้งต่อไปที่เร็วที่สุดควรต้องมาหลังจากนี้หนึ่งร้อยปีถึงจะถูก…
บ้าจริง เหตุใดจึงมาตอนนี้ได้
เขายังอุ้มเด็กอยู่คนหนึ่งเสียด้วย!
เจ้าสำนักสวี่เหลือบมองผู้พิทักษ์รองที่กำลังอุ้มจีเสี่ยวซิวอยู่ เขาไม่กล้าส่งเฉียวเวยเวยไปให้นางอีกคน เขารีบเรียกเรือเหาะมา คว้าตัวจีเสี่ยวซิวมาแล้วโยนลงเรือเหาะไปพร้อมกับเฉียวเวยเวย ให้เรือเหาะพาเด็กทั้งสองคนออกไป
วิธีที่เขาเลือกนับว่าหลักแหลม เพราะจังหวะที่เรือเหาะบินออกไปนั้น อัสนีวิบากของผู้พิทักษ์รองก็มาแล้วเช่นกัน!
…
คนที่อยู่ในละแวกข่ายอาคมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดเขาหมิงหวังอยู่ๆ ถึงมีผู้ฝึกตนที่จะข้ามชั้นมากเพียงนี้ ก่อนหน้านี้ตอนอัสนีวิบากขั้นผสานตันของสวี่หลีเย่ว์ฟาดลงมา ทุกคนยังไม่คิดอะไร เพราะถึงอย่างไรวันนี้ก็มีผู้ฝึกตนมามาก จะบังเอิญเจอคนสองคนที่จะข้ามขั้นบ้างก็เป็นเรื่องปกติ
หลังจากนั้นในอีกทิศหนึ่ง อัสนีวิบากขั้นอมตะสายหนึ่งก็ฟาดลงมา
ทุกคนก็ยังคิดว่าพอจะ พอจะนับว่าปกติกระมัง
หลังจากนั้นอีก ก็มีอัสนีวิบากขั้นบรรลุญาณของผู้พิทักษ์ใหญ่ ตามด้วยอัสนีวิบากขั้นหินยานของประมุขเหลย…
สีหน้าทุกคนค่อยๆ เปลี่ยนไป
จนกระทั่งมหาอัสนีวิบากของเจ้าสำนักสวี่เดินทางมา ฟาดเปรี้ยงลงมาจนข่ายอาคมยังสั่นสะเทือน ในที่สุดทุกคนก็อยู่กันไม่นิ่งอีก!
เหตุใดในยุคสมัยนี้ จะข้ามขั้นยังมีแบบหมู่คณะด้วยหรือ!
ภายใต้การโจมตีของมหาอัสนีวิบากของเจ้าสำนักสวี่ อัสนีวิบากขั้นบรรลุญาณของผู้พิทักษ์รองก็ดูจะไม่แสบตาเพียงนั้นอีก
แต่ต่อให้ไม่แสบตาเพียงนั้น แต่การข้ามขั้นกันเป็นหมู่คณะเช่นนี้ก็น่าตกใจเกินไป!
อัสนีวิบากและมหาอัสนีวิบากจำนวนนับไม่ถ้วนฟาดเปรี๊ยงปร๊างลงมาจนเขาหมิงหวังเกือบครึ่งลูกต้องพังทลาย ในเวลานั้นการอยู่กลางภูเขานับเป็นเรื่องที่อันตรายยิ่งนักอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ผลผูถีใกล้จะออกลูกแล้ว ใครกันจะทำใจจากไปได้
ชิวอีซานเดินพลังของครึ่งเซียนสร้างเป็นค่ายปราการปกคลุมทุกคนเอาไว้ภายใน
สายฟ้าไม่ได้มุ่งตรงมาฟาดลงที่เขา เขาแค่ต้องกันแรงที่สะท้อนมาก็พอ ด้วยความสามารถของเขาย่อมไม่ถึงกับกันไม่ได้
แต่เขางุนงงยิ่งนัก เท่าที่เขารู้คนที่เข้ามาในเขาหมิงหวังวันนี้ มีเพียงเจ้าสำนักสวี่ของสำนักเชียนหลันเท่านั้นที่เป็นยอดฝีมือขั้นมหายานที่ใกล้จะลอยขึ้นฟ้าเพียงคนเดียว หรือว่าเขาจะเป็นคนชักนำมหาอัสนีวิบากมา
แต่ไม่ใช่ว่าเขาข้ามขั้นล้มเหลวไปเมื่อเดือนที่แล้วหรือ ไม่มีเหตุอันใดให้ครั้งที่สองมาถึงเร็วเพียงนี้เลยนี่…
มหาอัสนีวิบากเก้าชั้น แต่ละครั้งจะหนักหนาขึ้นเรื่อยๆ คนทั่วไปก่อนหน้าจะลอยขึ้นชั้นฟ้าจะต้องมีการวางแผนและการเตรียมความพร้อมร่างกายให้ดีก่อน เช่นนี้แล้วจะได้มีความพร้อมที่ดีพอ แต่เจ้าสำนักสวี่ต่อให้ฝันก็ไม่คาดคิดว่าตนจะข้ามขั้นได้ เขามากับมือเปล่าโดยสิ้นเชิง กระทั่งยาปราณสายฟ้าก็ไม่ได้ติดมาด้วย อาวุธญาณเดียวที่มีก็คือเรือเหาะ ซึ่งก็ให้เด็กสองคนโดยสารไปแล้ว
บนตัวเขาไม่มีสิ่งใดเป็นปราการปกป้อง ซึ่งนี่ได้กำหนดว่าเขาคงต้องถูกสายฟ้าฟาดตายแน่นอนแล้ว
แต่ในจังหวะที่สายฟ้าเส้นสุดท้ายฟาดลงมานั้น จีเสี่ยวซิววัยสามขวบก็เอ่ยเสียงเคร่งขรึมว่า “เถิงเสอ”
เถิงเสอบินร่อนลงมาทันที!
เถิงเสออยากจะบอกว่าตนไม่ได้เต็มใจเลยจริงๆ!
เถิงเสอถูกสายฟ้าเส้นที่เก้าฟาดใส่จนมึนงงไปหมด มันลิ้นจุกปากตาลอยคว้าง ตัวลอยละลิ่วลงไปด้านล่าง
มหาอัสนีวิบากหยุดลงแล้ว เขาหมิงหวังสงบแล้ว
ตัวของเจ้าสำนักสวี่ค่อยๆ ลอยขึ้น พลังของครึ่งเซียนปกคลุมไปทั่วเขาหมิงหวัง
เหล่าผู้ฝึกตนที่ล้อมรอบข่ายอาคมอยู่ถึงกับอ้าปากค้าง!
“เป็นไปไม่ได้!” ชิวอีซานไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะทานทนมหาอัสนีวิบากทั้งเก้าสายได้ง่ายดายเช่นนี้ ต้องรู้ก่อนว่าเมื่อครั้งของเขาเล่นเอาเขาเกือบตายทีเดียว!
ชิวอีซานส่งพลังปราณอันกล้าแกร่งออกไปอย่างไม่ยอมแพ้
เจ้าสำนักสวี่สะบัดแขนเสื้อ ฟาดฝ่ามือกลับจนชิวอีซานตัวกระเด็นตกทางน้ำเน่าไป!