ตอนพิเศษ 19-1 กินเนื้อ เอาคืนให้สาสม
คณะของเหวินเหรินเฟิงมายังเนินเขาแห่งหนึ่ง ที่นี่มีจุดกำบังที่อาจารย์กับอาจารย์อาทำเอาไว้ แล้วใช้อาวุธวิเศษบดบังทางเข้า แต่อาวุธวิเศษสามารถแยกแยะดวงจิตที่อาจารย์ทิ้งไว้บนตัวพวกเขาได้ ดังนั้นเมื่อเหวินเหรินเฟิงกับสวี่หลีเย่ว์เดินเข้าไปใกล้จุดกำบัง ทางเขาจึงแทบจะปรากฏออกมาเองทันที
ทั้งสองเดินเข้าไปอย่างคุ้นเคย ดูออกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก
อุณหภูมิภายในต่ำกว่าภายนอกไม่น้อย สวี่หลีเย่ว์เป็นห่วงว่าเด็กทั้งสองจะหนาว เลยรีบถ่ายทอดพลังปราณให้เด็กน้อยจำนวนหนึ่ง เพื่อช่วยคลายหนาวให้พวกเขา
ตอนถ่ายพลังปราณให้จีเสี่ยวซิวยังไม่เท่าไร แต่พอถึงคราวเฉียวเวยเวย ไม่รู้สวี่หลีเย่ว์คิดไปเองหรือไม่ แต่นางรู้สึกว่าเด็กคนนี้ตัวอุ่นกว่านางเสียอีก
เหวินเหรินเฟิงแบกนางจนเหงื่อเต็มหลัง อย่าว่าแต่ความหนาวเย็นเลย เขาแทบอยากจะกระโดดลงโพรงน้ำแข็งไปแช่ให้ฉ่ำใจสักยกเลยด้วยซ้ำ
เอาเข้าจริงเหวินเหรินเฟิงไม่เข้าใจว่าเหตุใดเด็กคนนี้ถึงได้ตัวหนักเช่นนี้ ทั้งๆ ที่นางไม่มีกระทั่งรากปราณด้วยซ้ำ…
ด้วยลำดับขั้นของเหวินเหรินเฟิงยังมองร่างเดิมของเฉียวเวยเวยไม่ออก อันที่จริงตอนอยู่ที่แดนยมโลก กระทั่งผู้พิพากษาชุยก็ยังมองไม่ออก หากไม่ใช่ใต้เท้าเจ้าตำหนักที่รู้ถึงฐานะของเฉียวเวยเวยตั้งแต่เอ่ยปาก น่ากลัวว่าผู้พิพากษาชุยคงคิดว่านางเป็นเพียงเด็กน้อยทั่วไปคนหนึ่ง
หลังจากแบกไปได้พักหนึ่ง เหวินเหรินเฟิงก็หมดแรงแล้วจริงๆ “พัก…พัก…พักเดี๋ยว…”
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากสิ้นเปลืองพลังปราณ
จะว่าไปเหวินเหรินเฟิงก็ขัดแย้งในตัวเอง ด้านหนึ่งเพื่อให้ไปถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด เขาเลือกใช้เส้นทางที่มีอันตราย อีกด้านหนึ่งเพื่อประหยัดพลังปราณ กลับหยุดพักเพื่อให้เสียเวลา
สวี่หลีเย่ว์ดูจะไม่ได้ใส่ใจกับการตามหาผลผูถีนัก หรือจะบอกว่านางไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด จะเดินอย่างไร จะไปทางไหน จะพักหรือไม่ พักนานเท่าไร นางแล้วแต่เหวินเหรินเฟิงทั้งสิ้น
อุณหภูมิที่นี่ยิ่งต่ำลงจนน่าตกใจ พื้นทางเดินมีแต่ก้อนน้ำแข็ง ส่วนข้างใต้น้ำแข็งเป็นผิวน้ำที่ไหลเอื่อยๆ
เวลานี้พวกเขานั่งอยู่บนผิวน้ำแข็ง หลังพิงกับผนังหินเย็นยะเยือก
ความหนาของผิวน้ำแข็งทั้งหมดอยู่ที่สามถึงสี่ฉื่อ แข็งแรงยิ่งนัก อุ้มมังกรตัวหนึ่งเดินไปก็ยังไม่เป็นปัญหา แต่ก็มีบางส่วนที่ค่อนข้างบาง
เหวินเหรินเฟิงมองเห็นใบหน้าที่อ่อนล้าของศิษย์น้องหญิง “หิวหรือไม่ เดี๋ยวข้าไปจับปลามาให้สักสองตัว”
สวี่หลีเย่ว์ยังไม่เลี่ยงการกินธัญพืชทั้งห้าอย่างเป็นทางการ ทุกวันนางจึงกินเหมือนคนปกติทั่วไป นางรู้สึกหิวแล้วจริงๆ นางหันไปมองเด็กทั้งสอง “พวกเจ้าหิวหรือไม่”
จีเสี่ยวซิว “ไม่หิว”
โคร่ก ~ ท้องร้องเสียแล้ว
ใต้เท้าเจ้าตำหนักพลันหน้าบึ้ง!
เหวินเหรินเฟิงไปจับปลา เขาเคยมาที่นี่ รู้ว่าใต้ผิวน้ำยังมีปลาน้ำแข็งตัวเล็กโปร่งใสที่เนื้อแน่นเด้งอยู่ ขนาดใหญ่แค่ฝ่ามือ แต่สดและเด้งยิ่งนัก
ปลาประเภทนี้ปกติมักแหวกว่ายอยู่ใต้ผิวน้ำที่ค่อนข้างบาง
เหวินเหรินเฟิงคอยมองไปบนผิวน้ำด้วยความระมัดระวัง ไม่เท่าไรก็เจอผิวน้ำส่วนที่มีความหนาประมาณหนึ่งฉื่อ เขาใช้พลังปราณเจาะเป็นรูเล็กๆ
แต่ใต้รูนี้ไม่มี เขาเลยขยับไปอีกสามเมตร แล้วเจาะอีกรูหนึ่ง
รูแล้วรูเล่า
เฉียวเวยเวยก้าวขาเล็กๆ เดินเข้าไป ทุกครั้งที่เขาเจาะรู เฉียวเวยเวยจะเอาศีรษะน้อยๆ ของเธอยื่นลงไปมอง
ตัวของมารมังกรมีความยื่นหยุ่นดีเยี่ยม
ขาเล็กๆ ของนางยืดตรง โน้มตัวลงศีรษะยังสามารถมุดเข้าไปรูได้
ในที่สุดหลังจากไม่รู้เอาศีรษะมุดไปในรูที่เท่าไรแล้ว ศีรษะของนางก็ติดอยู่ข้างใน ดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออก…
กว่าเหวินเหรินเฟิงจะจับปลาน้ำแข็งได้ในที่สุดและหันมาอีกที ก็เห็นเด็กน้อยตัวอวบยืนขายืดตรง พยายามบิดก้นอ้วนกลม ศีรษะทั้งหมดปักอยู่ในรูน้ำแข็ง…
…
เหวินเหรินเฟิงจับปลาน้ำแข็งได้เต็มตะกร้า ปลาน้ำแข็งประเภทนี้สามารถกินสดได้ พอเข้าปากจะละลายทันที ทั้งยังไม่มีก้างปลา แต่เครื่องในของมันมีพิษรุนแรง จำเป็นต้องเอาเครื่องในออกไปก่อน
เหวินเหรินเฟิงเริ่มเลี่ยงธัญพืชแล้ว จะไม่กินอาหารสักสิบวันครึ่งเดือนก็ไม่ใช่ปัญหาสักนิด เขาตั้งใจตัดเครื่องในออกอยู่ข้างๆ แต่ไม่เท่าไรเขาก็หดหู่ใจที่ได้รู้ว่าความเร็วในการตัดเครื่องในออกของตนยังไม่ทันความเร็วในการกินปลาของเฉียวเวยเวยด้วยซ้ำ
เขาเป็นมือมีดที่ขึ้นชื่อเรื่องความรวดเร็วของสำนักแล้วนะจะบอกให้!
ปลาน้ำแข็งหนึ่งตะกร้าหายไปอย่างรวดเร็วจนเห็นก้นตะกร้า
จีเสี่ยวซิวได้กินไปเพียงตัวเดียว สวี่หลีเย่ว์ยังดีหน่อย ได้กินไปสองตัวครึ่ง
อุโมงค์เชื่อมต่อไปถ้ำหินขนาดใหญ่หลายอัน ส่วนถ้ำที่ไม่มีใครรู้นั้นก็คือถ้ำที่ซ่อนสัตว์อสูรไว้ พวกเขาเลยจะอ้อยอิ่งอยู่ที่นี่นานไม่ได้
หลังจากพอกินให้ท้องอิ่มแล้ว คณะของพวกเขาก็เดินทางต่อไป
ผ่านไปไม่เท่าไรพวกเขาก็เดินพ้นผิวน้ำแข็ง เข้าไปยังถ้ำที่อุณหภูมิปกติ
แต่พอเดินไปได้ไม่เท่าไร อยู่ๆ สวี่หลีเย่ว์ก็เอามือจับหน้าอก ตัวเซไปชนกับผนังหินด้านหนึ่ง
จีเสี่ยวซิวเดิมทีนางจูงมืออยู่ พอตัวนางไปชนกับกำแพง จีเสี่ยวซิวก็เกือบล้มลงไปด้วย
เหวินเหรินเฟิงที่แบกเฉียวเวยเวยอยู่ได้ยินก็รีบเดินเข้าไป “ศิษย์น้อง! อาการเก่าเจ้ากำเริบอีกแล้วหรือ”
สวี่หลีเย่ว์ย่อตัวลงด้วยความเจ็บปวด
เหวินเหรินเฟิงควักขวดยาเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อ เทยาเม็ดสีแดงมาป้อนใส่ปากนาง จากนั้นก็เอาถุงน้ำเตรียมจะให้นางกลืนยาลงไป แต่เขาเพิ่งรู้ว่าในถุงน้ำไม่มีน้ำเหลือแล้ว “เมื่อครู่ข้าลืมเติมน้ำ! ศิษย์น้องเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่เดี๋ยวนะ!”
สวี่หลีเย่ว์พยักหน้าด้วยความทรมาน
เหวินเหรินเฟิงแกะ “ห่อผ้า” แล้ววางเฉียวเวยเวยลง ส่วนตนเองวิ่งเร็วจี๋ไปยังจุดที่เมื่อครู่จับปลาหิมะได้
เขาหารูบนน้ำแข็งที่ใกล้ที่สุด ย่อตัวลงแล้วยื่นถุงน้ำลงไป
ในตอนนั้นเอง กระบี่ยาวทอประกายคมกล้าก็ยื่นมาจ่อที่คอ
สายตาเขาพลันเปลี่ยนเป็นดุดัน!
“อย่าขยับ คมมีดไม่มีตาหรอกนะ”
เหวินเหรินเฟิงแผ่พลังกดดันของขั้นผสานตันออกไปทันที
“ข้าขอเตือนว่าเจ้าอย่าได้เปลืองพลังปราณจะดีกว่า เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
สายตาของเหวินเหรินเฟิงขยับเล็กน้อย ดึงถุงน้ำที่ใส่น้ำไว้เต็มขึ้นมา ยัดจุกกลับลงไปแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นหันกลับไปมองบุรุษที่ใส่ผ้าคลุมสีดำ
บุรุษผู้นั้นเป็นเช่นเดียวกับเขา อยู่ในยอดฝีมือระดับผสานตันด้วยกันทั้งคู่
แต่บนตัวบุรุษผู้นั้นมีอาวุธวิเศษอยู่นับไม่ถ้วน ตัวอย่างเช่นกระบี่หลิงซีเล่มนี้ก็สามารถแผ่ไอที่สามารถโจมตีท่านเซียนได้แล้ว
เหวินเหรินเฟิงบังคับตัวเองให้สงบนิ่ง “เจ้าเป็นใคร”
ฉือเฟิงหัวเราะเสียงเรียบ “ข้าเป็นใครไม่สำคัญเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ให้แน่ชัด รู้ไปก็ใช่ว่าจะมีประโยชน์กับเจ้า”
เหวินเหรินเฟิงขมวดคิ้ว “เจ้าคิดจะทำอะไร”
ฉือเฟิงเอ่ยว่า “อยากทำข้อตกลงกับเจ้า”
เหวินเหรินเฟิงหรี่ตา “เจ้าอยากได้ผลผูถี”
บุรุษผู้นั้นพลันคลี่ยิ้ม “จะใช่เรื่องนั้นได้อย่างไร หากข้าต้องการผลผูถี แค่สังหารพวกเจ้าทิ้งก็พอมิใช่หรือ”
เหวินเหรินเฟิงไม่ได้ตอบอะไร
อีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกตนที่สามารถสังหารและช่วงชิงผลผูถีกับเขาจริงๆ
บุรุษผู้นั้นเอ่ยเสียงเรียบว่า “ข้าต้องการเด็กสองคนนั้น”
เหวินเหรินเฟิงพลันนึกบางอย่างได้ ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เมื่อครู่คนที่ตามจับพวกเขาก็คือเจ้า?”
บุรุษผู้นั้นยิ้มบางๆ “ข้าบอกแล้ว เรื่องของข้า ทางที่ดีเจ้าอย่าได้อยากรู้มากเกินไป ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนจากแดนล่าง เจ้ากับศิษย์น้องหญิงเจ้าลักลอบเข้ามาในแดนกลาง นี่เป็นโทษตายที่ไม่อาจอภัยได้ หากให้คนของสหพันธ์รู้ อย่าว่าแต่ผลผูถีเลย เจ้ากับศิษย์น้องหญิงเจ้าจะมีชีวิตรอดออกจากแดนกลางได้หรือไม่ก็เป็นปริศนาแล้ว”
เหวินเหรินเฟิงมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อ “เจ้าคือ…”
เขาเอ่ยถึงตรงนี้แล้วจึงชะงักไปอย่างทันเวลา
บุรุษผู้นั้นเอ่ยยิ้มๆ “อยากถามว่าข้ารู้ได้อย่างไรหรือ? ยังคงตอบประโยคเดิม เรื่องของข้าทางที่ดีเจ้าอย่าถามให้มาก”
เหวินเหรินเฟิงกำหมัดแน่น “หากเจ้าอยากได้ตัวเด็ก ก็เอาผลผูถีมาแลกไป”
บุรุษผู้นั้นเอ่ยช้าๆ ว่า “นี่เจ้าโลภมากเกินไปแล้ว ที่ข้าไม่เปิดโปงพวกเจ้าก็นับว่าเมตตาพวกเจ้ามากแล้ว นี่เจ้ายังคิดจะหลอกใช้ข้าเอาผลผูถีมาให้พวกเจ้าอีก? ความอดทนของข้ามีจำกัดนะ หากก่อนออกจากถ้ำข้างหน้าเจ้าไม่ทิ้งเด็กไว้ให้ข้า ข้าก็จะเปิดเผยร่องรอยพวกเจ้ากับสหพันธ์”
พูดจบบุรุษผู้นั้นก็หัวเราะเสียงเย็น โยนโซ่หาดมังกรให้เหวินเหรินเฟิง “มัดเด็กสองคนนั้นซะ”
…