หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรักตอนพิเศษ 11-1 เล่นงานเทพสายน้ำ มังกรน้อยมา

ตอนพิเศษ 11-1 เล่นงานเทพสายน้ำ มังกรน้อยมา

ตอนพิเศษ 11-1 เล่นงานเทพสายน้ำ มังกรน้อยมา

ศิษย์พี่อวี๋ทิ้งคุณชายน้อยหรงไว้ให้คอยเฝ้าค่ายปราการ แล้วพาหลิงจือกับเด็กสาวรากปราณสวรรค์ไปตรวจดูสถานการณ์ทางริมแม่น้ำ

น่าจะเพราะถึงวันเซ่นไหว้แล้ว ชาวบ้านเป็นกังวลว่าจะเจอกับเทพสายน้ำที่อาจจะขึ้นฝั่งมาได้ทุกเมื่อจึงไม่กล้ามาเดินแถวริมแม่น้ำ

ริมแม่น้ำว่างเปล่าไร้ผู้คน ผิวน้ำกว้างไกล ลมอ่อนๆ พัดผ่านระลอกผิวน้ำ มาพร้อมกับลมเย็นอ่อนๆ

ผู้ดูแลบ้านเจ้าหน้าที่จ้าวพาพวกเขาเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็ตกใจจนไม่ยอมเดินต่อ

ศิษย์พี่อวี๋ก็ไม่ฝืนใจเขา ให้เขากลับจวนไปก่อน ทางนี้มอบหมายให้พวกเขาก็พอ

ผ้าโปร่งปิดหน้าของเด็กสาวรากปราณสวรรค์ถูกลมอ่อนๆ พัดจนปลิวขึ้นมา สายตาที่ทอประกายของนางทอดมองผิวน้ำที่ดูคล้ายเงียบสงบ ไม่รู้นางรับรู้ถึงอะไรได้ คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อย

หลิงจือก็รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ นี่เป็นประสาทสัมผัสของคนที่ฝึกวิชาสายน้ำเท่านั้นถึงจะมี

ศิษย์พี่อวี๋เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “พวกเจ้าก็สัมผัสได้แล้วใช่หรือไม่”

เด็กสาวรากปราณสวรรค์เอ่ยว่า “ไอมารที่รุนแรงมาก”

ศิษย์พี่อวี๋พยักหน้า “ถูกต้อง น่ากลัวว่าใต้น้ำนี้คงมีสัตว์อสูรที่ร้ายกาจอยู่ตัวหนึ่ง การฝึกตนไม่เป็นรองพวกเจ้ากับข้าสามคนเลย”

เด็กสาวรากปราณสวรรค์เอ่ยเสียงเรียบ “เช่นนั้นก็ไม่เห็นมีอะไรนี่ สัตว์อสูรที่ฝึกขั้นพื้นฐานใช่ว่าจะไม่เคยสู้มาก่อน”

ศิษย์พี่อวี๋เข้าใจว่าที่นางเอ่ยถึงคือญาณประจำอาวุธเหล่านั้นของสำนักว่านเซี่ยง ศิษย์พี่อวี๋เหลือบมองนางทีหนึ่งพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยว่า “ยามเมื่อสัตว์อสูรถูกผนึกกลายเป็นญาณประจำอาวุธนั้น มันสามารถเก็บความสามารถไว้ได้ครึ่งเดียวเท่านั้น ที่เจ้าสามารถเอาชนะญาณประจำอาวุธขั้นพื้นฐานเหล่านั้นได้ ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะเอาชนะอสูรที่มีชีวิตในระดับขั้นเดียวกันได้ ในทางกลับกัน เพราะความต่างทางคุณสมบัติร่างกายที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ทำให้สัตว์อสูรในลำดับขั้นเดียวกันเก่งกาจกว่าผู้ฝึกตนในลำดับขั้นเดียวกันไม่น้อย”

เด็กสาวรากปราณสวรรค์ดูจะไม่ยอมเชื่อ การประมือกับคู่ต่อสู้ที่อยู่ในลำดับขั้นเดียวกันสำหรับนางแล้วไม่มีความกดดันเลยสักนิด นางถึงขั้นเอาชนะคู่ต่อสู้ที่ลำดับขั้นสูงกว่ามาแล้ว สัตว์อสูรตัวนั้นถึงแม้จะเก่งกาจ แต่ก็ไม่แน่ว่านางจะแพ้ให้กับมัน

ศิษย์พี่อวี๋เห็นสายตาของนางอย่างชัดเจน เขาลอบส่ายศีรษะ ต้นอ่อนนั้นเป็นต้นอ่อนที่ดีอยู่หรอก เพียงแต่ถึงอย่างไรก็ยังอายุน้อยจิตใจบุ่มบ่ามอยู่สักหน่อย อย่างไรหลิงจือนางก็…

ศิษย์พี่อวี๋หันไปมองหลิงจือ

หลิงจือดูจะตื่นเต้นอยากทดสอบฝีมือเสียยิ่งกว่าเด็กสาวรากปราณสวรรค์เสียอีก

ศิษย์พี่อวี๋ “…”

เด็กสมัยนี้ เหตุใดถึงไม่กลัวตายกันไปหมดนะ

ครั้งนี้เป็นการฝึกภาคปฏิบัติของลูกศิษย์ใหม่ ศิษย์พี่อวี๋จะพยายามให้ทั้งสองได้แสดงความสามารถให้มากที่สุด

เด็กสาวรากปราณสวรรค์เอาไข่มุกกั้นน้ำซึ่งเป็นอาวุธวิเศษขั้นสูงออกมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไข่มุกกั้นน้ำเม็ดนี้เป็นของล้ำค่าที่ผู้พิทักษ์รองให้มาเช่นกัน

เด็กสาวรากปราณสวรรค์ค่อยๆ เคลื่อนพลังปราณเข้าสู่ไข่มุก ไข่มุกกั้นน้ำลอยสูงขึ้น แปรงสภาพเป็นฟองอากาศวาวใสขนาดประมาณบ้านหลังเล็กๆ แล้วเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้น

ไข่มุกกั้นน้ำนอกจากจะเป็นฉากกั้นน้ำแล้ว ยังสามารถป้องกันการโจมตีใต้น้ำได้ส่วนหนึ่งอีกด้วย ซ้ำยังไม่กระทบต่อการถ่ายทอดพลังปราณของนางออกไป นับว่าเป็นอาวุธวิเศษที่ทำได้ทั้งโจมตีและป้องกัน

หลิงจือใช้คาถากั้นน้ำ ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ต่างกับไข่มุกกั้นน้ำมากนัก เพียงแต่ต้องใช้พลังปราณมากกว่า

ศิษย์พี่อวี๋ก็เอาอาวุธวิเศษกั้นน้ำออกมาเช่นกัน

ทั้งสามลงไปในน้ำ

ไอมารใต้น้ำรุนแรงกว่าบนบกหลายเท่า พวกเขาใช้ศิลาหน่วงนำกับเข็มทิศเป็นตัวบอกทางจึงไปถึงจุดที่แผ่ไอมารออกมารอบทิศได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

หลิงจือลองเดินเข้าไป แต่กลับถูกบางอย่างขวางเอาไว้

หลิงจือลองดัน “กำแพง” ตรงหน้าที่มองไม่เห็นพลางเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจว่า “นี่มันอะไรกัน”

ศิษย์พี่อวี๋บอกว่า “ที่นี่มีการตั้งค่ายปราการ สร้างเป็นเขตป้องกันเอาไว้ และคอยกันการบุกรุกจากโลกภายนอกเอาไว้ด้วย ด้านในนี้น่าจะเป็นรังของปีศาจน้ำ ต้องคิดหาทางบุกเข้าไป”

เด็กสาวรากปราณสวรรค์ชักกระบี่โลหิตมังกรที่อยู่ตรงเอวออกมา แล้วเริ่มฟันใส่ค่ายปราการนั้นสุดแรง

แต่เขตป้องกันนี้ประหลาดนัก สัมผัสมันอ่อนนุ่ม ทุกครั้งที่เด็กสาวรากปราณสวรรค์เสียบกระบี่ลงไปจะรู้สึกคล้ายแทงเข้ากับปุยนุ่น

หลิงจือก็ชักกริชออกมาลองดูเช่นกัน ครั้งที่หนึ่ง ยุบลงไป ลองอีกครั้ง ก็ยุบลงไปอีก “ยืดหยุ่นดีเกินไปแล้วกระมัง”

ศิษย์พี่อวี๋ก็เพิ่งเคยพบเหตุการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก สยบความแข็งกร้าวด้วยความอ่อนนุ่ม จะใช้แต่แรงอย่างเดียวไม่ได้ “ลองคิดหาทางอื่นอีกที”

ในขณะที่สองลูกศิษย์ใหม่เค้นสมองเพื่อหาทางทำลายเขตป้องกันนี้ กลับไม่รู้เลยว่าอีกด้านหนึ่งมีคนลอบเปิดทางออกเอาไว้เงียบๆ แล้ว

กลับมาเอ่ยถึงเรื่องหลังจากศิษย์พี่อวี๋พาลูกศิษย์หญิงทั้งสองไปแล้ว ทิ้งให้คุณชายน้อยหรงเฝ้าอยู่ที่นี่

คุณชายน้อยหรงนึกกลัวแทบแย่ แต่ก็ไม่กล้าให้ผู้อื่นมองออก เขานั่งอยู่บนบันไดหน้าประตู เบิกตาโตอย่างเอาเป็นเอาตาย ท่าทางดูห้าวหาญ แต่แท้จริงแล้วขาใต้เสื้อผ้าเริ่มสั่นแล้ว

คุณชายน้อยหรงเป็นคนเดียวที่ทั้งเคยเห็นสิงโตขาวขั้นสาม ทั้งเคยสังหารเสือดำขั้นห้า แต่กระนั้นหลังจากประสบกับสองเหตุการณ์นั้นมาแล้ว ไม่เพียงไม่ทำให้เขาใจกล้าขึ้น แต่กลับทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวสัตว์อสูรมากขึ้นอีกด้วย

คนที่ไม่เคยประสบกับตัวไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกช่วงที่เกือบต้องลงไปตายอยู่ในท้องสัตว์อสูรเด็ดขาด

น่ากลัวเกินไปแล้ว เขาถึงขั้นคิดถึงแม่แล้วเนี่ย!

ได้ยินว่าปีศาจน้ำครานี้เก่งกาจกว่าเสือดำขั้นห้าที่เขาเคยเจอเสียอีก เขาๆๆๆๆ…เขาคงไม่มีโอกาสได้กลับบ้านแล้ว…

ในขณะที่คุณชายน้อยหรงขวัญเสียจนแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้วนั้น เงาดำเงาหนึ่งก็ปีนกำแพงเข้ามา

ถึงแม้เขาจะทำทุกอย่างเบามากๆ แล้ว แต่คุณชายหรงฝึกตนจนอยู่ในขั้นพื้นฐานแล้ว เขาจึงคล้ายถูกบังคับให้ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านหลังกำแพง ดังนั้นเขาจึงยิ่งกลัวหนักขึ้น

แต่เขากลัวไปก็ไร้ประโยชน์ เงาดำนั้นขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ในตอนนั้นใต้เท้าเจ้าตำหนักในตะกร้ารู้สึกตัวตื่นแล้ว แต่เขาขยับตัวไม่ได้สักนิด เพราะเขาถูกเฉียวเวยเวยกอดไว้แน่น ส่วนเฉียวเวยเวยนั้นหลับไปแล้ว

เงาดำนั้นปล่อยควันสลบออกมา ปุถุชนคนธรรมดาในบ้านจึงสลบไสลกันไปหมด

คุณชายน้อยหรงจะว่าอย่างไรก็เป็นยอดฝีมือขั้นพื้นฐาน ควันสลบที่ใช้กับคนธรรมดาเช่นนี้ทำอะไรเขาไม่ได้

เขาจึงมองเห็นอีกฝ่ายเดินตรงมาทางนี้กับตา

สิบก้าว เก้าก้าว แปดก้าว… ห้าก้าว…

คุณชายน้อยหรงตัวสั่นเทิ้ม!

ทันใดนั้นเอง คุณชายน้อยหรงก็จำได้ว่าก่อนศิษย์พี่อวี๋จะไปได้ให้ยันต์คาถาเขาไว้ ศิษย์พี่อวี๋บอกว่า หากกลัวว่าปีศาจน้ำหรือมีมารจะแฝงตัวเข้ามา ให้เอายันต์สีเหลืองนี้ออกมาใช้ ขอเพียงสามารถเอายันต์นี้แปะที่ตัวอีกฝ่ายได้ อีกฝ่ายก็จะถูกทำร้ายอย่างหนักทันที

คุณชายน้อยหรงไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบยันต์คาถาออกมาแปะบนหน้าผากอีกฝ่ายทันที!

เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้า อีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทันสักนิด ก็ถูกเขาแปะยันต์ใส่เสียแล้ว

ชายชุดดำยืนตัวแข็ง กะพริบตาปริบๆ อยู่ตรงนั้น

ใต้เท้าเจ้าตำหนักกุมหน้าผาก เจ้าต้องร่ายคาถาด้วยสิ เจ้าโง่!

ยันต์ที่ไม่ได้ร่ายคาถาไม่ต่างอะไรกับยันต์คาถาของปุถุชนธรรมดา ผลในการขับไล่วิญญาณอาจจะมีบ้างแต่กลับอ่อนแรงอย่างยิ่ง สำหรับยอดฝึมือขั้นพื้นฐานแล้วไม่ต่างอันใดกับการจั๊กจี๋

ชายชุดดำมองคุณชายน้อยหรงราวกับมองคนมีปัญหาทางสมอง เล่นเสียใหญ่โตเพียงนี้ ข้ายังนึกว่าจะเสียท่าแล้วเสียอีก!

ศิษย์พี่อวี๋สอนวิธีการประสานคาถาให้คุณชายน้อยหรงแล้ว แต่คุณชายน้อยหรงกระทั่งคาถาคืออะไรก็ยังนึกไม่ออก คิดแค่ว่าตนแปะยันต์บนหน้าผากอีกฝ่ายให้ได้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่เป็นอะไรเลย เช่นนี้เท่ากับว่า… อีกฝ่ายไม่ใช่มารปีศาจใดๆ แต่เห็น…โจรกระจอกเท่าไปหรือไม่

คุณชายน้อยหรงคิดว่าตนรู้ความจริงแล้ว!

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง (偏方方) แนะนำเรื่องย่อ เมื่อหมอสาวยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณแถมพ่วงด้วยลูกแฝดอีกสอง ทำขนม ดักสัตว์ ทำไร่ ทำทุกอย่างที่ได้เงิน! เฉียวเวย เด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรจู่ๆ ก็ทะลุมิติมายังยุคโบราณที่ไม่รู้จัก นอกจากจะมาอาศัยร่างคนอื่นอยู่แล้ว ร่างเดิมนี้ยังมีลูกแฝดอีกสองชีวิตให้ต้องเลี้ยงดู! นางที่ไร้ซึ่งความทรงจำใดๆ ในโลกใบใหม่แต่พราะทักษะติดตัวสมัยยังต้องดิ้นรนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทำให้ชีวิตไม่ลำบากเกินไปนัก ทำขนม ดักสัตว์ ปลูกพืช รักษาคน จากนี้นางจะเลี้ยงลูกๆ ให้เติบใหญ่ด้วยมือของนางเอง! เจ้าซาลาเปาน้อยจูงมือบุรุษใบหน้าเคร่งขรึมเข้ามา "ท่านแม่ ท่านลุงบอกว่าเขาเป็นพ่อของข้า" เฉียวเวยยิ้มละไม "ลูกรัก บอกพ่อเจ้าหน่อย ว่าต้องทำเช่นไรถึงจะพิสูจน์ว่าเป็นพ่อของเจ้าได้" เจ้าซาลาเปาน้อยเปิดสมุดทองคำ พูดอย่างชื่อๆ ว่า "ข้อที่หนึ่งร้อยหนึ่งของ 'กฎครอบครัวเฉียว' หลอกลวงเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีโทษตัดอวัยวะสืบพันธุ์ ท่านลุง หากท่านเป็นพ่อของข้าจริงๆแล้วล่ะก็..." โดยไม่รอให้เจ้าซาลาเปน้อยจะพูดจบ ปลายนิ้วอันย็นเฉียบของชายคนนั้นก็บีบคางของเฉียวเวย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เย็นชาและเป็นอันตราย "หากข้าจำไม่ผิด คืนนั้น เหมือนเจ้าจะเป็นคนบังคับขืนใจข้า!"

Options

not work with dark mode
Reset