หมอผีแม่ลูกติดบทที่ 330 จับกุมตัวแม่ทัพเยี่ย

บทที่ 330 จับกุมตัวแม่ทัพเยี่ย

    บทที่ 330

    จับกุมตัวแม่ทัพเยี่ย

    

    “หึ จะฆ่าเรางั้นเหรอ?”

    

    ทั้งบรรยากาศ, คำพูดและการกระทำของจงซู่เฟิงนั้นได้เปลี่ยนไปอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขานั้นเป็นเหมือนสุภาพบุรุษที่อ่อนโยนราวกับหยก แต่ในเวลานี้เขาเป็นหมาป่าเดียวดายยามค่ำคืนพร้อมด้วยสายตาที่เกลียดชัง

    

    “ถ้าคิดว่าทำได้ ก็ลองทำให้ดูหน่อยสิ!”

    

    แล้วมีดคมๆเล่มนั้นก็ได้ข่วนไปยังผิวบางๆที่คอของ จงจวินหราน ด้วยท่าทีที่ไม่สนใจเขาเช่นนี้ทำให้จงจวินหรานเริ่มรู้สึกกลัว

    

    แล้วเขาก็ได้รีบคิดและหาว่ามีคนหรืออะไรบางอย่างที่จะนำมาใช้ขู่จงซู่เฟิงได้บ้างหรือไม่ แต่ทว่าหลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ๆ เขาก็พบว่าน้องชายของเขาคนนี้ไม่มีอะไรให้เป็นห่วงอีกแล้ว

    

    หมาป่ากระหายหิวที่ไร้ซึ่งความกังวลอย่างนั้นเหรอ? ในเวลานี้เขาเริ่มกลัวจริงๆขึ้นมาแล้ว แต่ตัวเขานั้นมีประสบการณ์ผ่านพายุเลือดมาตั้งมากมายแล้ว ทำให้เขายังสามารถเก็บอารมณ์ของเขาได้เป็นอย่างดี “น้องสี่ถ้าเจ้าเกิดฆ่าข้า เจ้าก็จะไม่รอดไปจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้แน่ แล้วใครกันที่จะเป็นคนล้างแค้นให้น้องสาวของเจ้า?”

    

    มีดในมือของจงซู่เฟิงก็ได้ขยับเล็กน้อย แล้วเลือดก็ได้เริ่มกระตือรือร้นพากันไหลออกมาจากคอของจงจวินหรานมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับพวกมันอยากจะออกมาจากร่างของจงจวินหราน

    

    “ไม่ใช่ว่าท่านบอกว่าท่านฆ่าชายคนนั้นไปแล้วหรอกเหรอ?”

    

    “เราฆ่าชายคนนั้นไปแล้วก็จริง แต่มีอยู่เรื่องที่เจ้ายังไม่รู้นั่นคือฉินเอ๋อนั้นควรจะต้องเป็นคนที่ถูกเลือกให้ไปแต่งงาน แต่ทว่าในท้ายที่สุดแล้วกลับเป็นอิ๋งอิ๋ง เจ้าไม่สงสัยบ้างเหรอว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

    

    หลังจากที่ได้ยินที่จงจวินหรานกล่าวแล้ว จงซู่เฟิงก็ได้ตกตะลึงขึ้นมา แล้วจากนั้นก็ได้มีจิตสังหารแผ่ออกมาจากดวงตาของเขา น้องสาวของเขานั้นทั้งใจดีและซื่อตรง นางจะต้องถูกหลอกโดยจงฉินเอ๋อเป็นแน่

    

    จงซู่เฟิงก็ได้โยนมีดเล่มนั้นทิ้งไป แล้วจงจวินหรานก็รู้สึกได้ว่าตัวเขานั้นรอดแล้ว และปรากฏแววตาดีใจขึ้นมาในดวงตาของเขา แต่ทว่าในวินาทีถัดมาตัวเขาก็ไม่อาจที่จะหัวเราะออกมาได้ เพราะในตอนนั้นเองจู่ๆก็มีคนมากมายปรากฏตัวเต็มโรงเตี๊ยมแห่งนี้โดยที่เขาไม่รู้ตัว

    

    คนของจงจวินหรานนั้นได้ถูกล้อมโดยเหล่าคนที่โผล่มาใหม่เหล่านี้ แล้วคนคนหนึ่งที่ปิดหน้าเอาไว้ก็ได้เดินออกมาแล้วคุกเข่าอยู่ตรงหน้าจงซู่เฟิง “องค์ชายขอรับ ทุกอย่างได้เตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ เหล่าขุนนางในพระราชสำนักจำนวนมากกว่าครึ่งต่างก็รอคอยท่านกลับมาที่พระราชสำนักเพื่อสืบทอดราชบัลลังก์ขอรับ”

    “เจ้า….ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะวางแผนเอาไว้ดีขนาดนี้แม้แต่ข้าก็ยังถูกเจ้าหลอกจนได้” แม้ว่าใบหน้าจงจวินหรานนั้นจะยังไม่ยอมแพ้ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เขานั้นคิดมาจงซู่เฟิงนั้นอ่อนแอเหมือนกระต่ายมาโดยตลอด ที่ต่อให้โมโหและกัดสักทีสองทีก็ไม่เป็นอะไร

    

    แต่ทว่าอีกฝ่ายนั้นกลับกลายเป็นหมาป่าที่อยู่ในคราบกระต่ายที่น่ารักไปเสียแล้ว!

    

    เยี่ยจุนเจี๋ยเองก็ตกใจกับสถานการณ์ที่พลิกกลับเช่นนี้ เขาจึงได้คิดที่จะเดินทางกลับและกล่าวบอกลา “องค์ชายจงมีอำนาจมากถึงขนาดนี้ เกรงว่าท่านคงไม่ต้องการการคุ้มกันจากข้าแล้ว ดังนั้นข้าคิดว่าพวกเราควรแยกทางกันตรงนี้!”

    

    หลังจากที่พูดจบเขาก็ได้เดินหน้าและคิดที่จะจากไปพร้อมกับเหล่าทหารของเขา

    

    แต่เมื่อเขากำลังเดินไปที่ประตูของโรงเตี๊ยม พวกเขาก็ได้ถูกขวางด้วยดาบ

    

    เยี่ยจุนเจี๋ยจึงได้หรี่สายตาของเขาลงแล้วหันไปมอง จงซู่เฟิง “องค์ชายสี่ทำเช่นนี้หมายความเช่นไร? ท่านคิดที่จะก่อสงครามกับรัฐเจียงอย่างนั้นเหรอ?”

    

    จงซู่เฟิงนั้นไร้ซึ่งอารมณ์บนใบหน้าของเขาและกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “ซู่เฟิงก็แค่ต้องการที่จะเชิญท่านแม่ทัพเยี่ยมาที่เมืองหลวงของรัฐจงเราเพื่อตอบแทนท่านแม่ทัพที่มาส่งเราก็เท่านั้น”

    

    “มิได้ มันเป็นหน้าที่ของข้าที่จะต้องมาส่งองค์ชาย ได้โปรดให้พวกเรากลับไปด้วย” ทันทีที่เยี่ยจุนเจี๋ยกล่าวจบ เขาก็ได้กลิ่นที่รุนแรงขึ้นมา จากนั้นเขาก็ได้หน้ามืดและหมดสติไป

    

    แล้วจงซู่เฟิงก็ได้คว้าแม่ทัพเยี่ยที่กำลังจะล้มลงเอาไว้แล้วกล่าวออกมาเบาๆ “หากเราได้ตัวท่านมาอยู่ในกุมมือของเรา แม่นางหลินจะต้องมาที่รัฐจงเป็นแน่”

    

    แล้วในเวลานั้นเขาก็จะทำให้แม่นางหลินได้กลายเป็นพระชายาของเขา

    

    ในขณะเดียวกัน หลินซีเหยียนและครอบครัวก็ได้เดินทางมาถึงวังหลวง เจียงหวายเย่กับหลินซีเหยียนก็ได้จูงมือซ้ายและขวาของเทียนเอ๋อเข้ามาในงานเลี้ยงพร้อมกัน

    

    “ดูนั่นสิ นั่นท่านมหาอุปราชไม่ใช่เหรอ?”

    

    “แล้วนั่นคือองค์ชายน้อยในข่าวลือกับหลินซีเหยียนอย่างนั้นเหรอ?”

    

    “ก็ใช่น่ะสิ ก็แค่ไปเกาะขาของท่านมหาอุปราชแล้วก็ได้ขึ้นสวรรค์แบบพรวดเดียว!” ที่งานเลี้ยงนั้น มีเหล่าหญิงสาวที่อิจฉาและได้พูดเข้าหูของเจียงหวายเย่อย่างชัดเจน

    

    เจียงหวายเย่ก็ได้จ้องไปที่ผู้หญิงเหล่านั้นอย่างเตือนๆ แล้วผู้หญิงทั้งสามคนนั้นก็ได้รีบหุบปากทันที

    

    หลินซีเหยียนก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ที่มุมปากของนางนั้นก็ได้เผยยิ้มออกมาอย่างช้าๆ ราวกับว่าในเวลานี้นางจะมีความสุขมากและหาได้เสียใจเพราะคำพูดเหล่านั้นไม่

    

    เมื่อเจียงหวายเย่กับคนอื่นๆได้มาถึงยังที่นั่งที่จัดเอาไว้เฉพาะขององค์มหาอุปราชแล้ว เจียงหวายเย่ก็พบว่าใกล้ๆนั้นเป็นที่นั่งของหลินรั่วจิ่ง….

    

    ผู้ที่เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงครั้งนี้คือไทเฮา และเรื่องนี้ก็จะต้องเป็นแผนที่วางเอาไว้โดยไทเฮาเป็นแน่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายนั้นคิดที่จะดูหมิ่นหลินซีเหยียนเพื่อทำให้ทุกคนนั้นรู้ว่านางนั้นไม่คู่ควรกับเจียงหวายเย่

    

    แล้วดวงตาของเจียงหวายเย่ก็ได้มืดดำขึ้นมา แต่ก่อนที่เขาจะได้เปิดปากขึ้นมา เขาก็ได้ยินเสียงของหลินรั่วจิ่งเสียก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้ทักทายกับเขาด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่, มหาอุปราช ตอนนี้ก็สายมากแล้วรีบนั่งที่กันเถอะ!”

    

    อย่างที่คนพูดกันเอาไว้มือที่ยื่นมาย่อมไม่ตบคนที่ส่งยิ้มให้ หลินซีเหยียนจึงได้ดึงมือของเจียงหวายเย่แล้วยิ้มให้และผงกหัว จากนั้นก็ได้พูดขึ้นมา “เห็นองค์หญิงรั่วจิ่งยิ้มเมื่อสักครู่ก็ได้ทำให้เราก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ข้านั้นไม่อยากให้องค์หญิงของรัฐเจียงต้องถูกครหาได้ ดังนั้นข้าจะนั่งข้างๆองค์ชายเอง”

    

    หลังจากที่กล่าวจบนางก็ได้นั่งโต๊ะอย่างไม่สนใจปล่อยให้หลินรั่วจิ่งต้องทำสีหน้าเหมือนคนหมดสติ เพราะคำพูดของ หลินซีเหยียนทำให้ดวงตาของนางได้กลายเป็นสีแดงขึ้นหน่อยๆ ด้วยสีหน้าที่เจ็บใจแต่ไร้ซึ่งน้ำตา ซึ่งได้ทำให้นางได้รับความเห็นใจขึ้นมาทันที

    

    “ท่านพี่ ที่นั่งนี้เป็นที่นั่งที่จัดให้โดยไทเฮาเอง และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับน้องจริงๆนะ” หลินรั่วจิ่งที่ดูเหมือนจะพูดพยายามเอาใจหลินซีเหยียนและอธิบายออกมาด้วยเสียงเบาๆ

    

    แล้วคุณหนูที่สนิทกับหลินรั่วจิ่งก็ทนดูไม่ได้อีกต่อไป แล้วนางก็ได้ลุกขึ้นมาแล้วเดินมาหา “หลินซีเหยียนเจ้าจะมากไปแล้วนะ ที่ปล่อยให้องค์หญิงรั่วจิ่งต้องก้มหัวให้เจ้าเช่นนี้”

    

    “แม่นางเฉิงหยุดพูดเถอะ นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำในฐานะน้องสาว” หลินรั่วจิ่งก็ได้กล่าวอย่างนุ่มนวลราวกับว่านางนั้นไม่ต้องการที่จะดึงดูดความสนใจของผู้อื่น และจะทำให้เข้าใจผิดมากขึ้น

    

    แต่กลับทำให้พากันเข้าใจหลินซีเหยียนผิดมากขึ้นไปอีกคิดว่าหลินซีเหยียนนั้นอาศัยใบบุญขององค์ชายเพื่อทำอะไรไร้ยางอายและไร้กฏเกณฑ์ ซึ่งน่ารังเกียจมาก

    

    หลินซีเหยียนก็ได้จ้องไปที่เฉิงซีเหอ ขณะที่กำลังนั่งอย่างนุ่มนวลแล้วกล่าวด้วยสีหน้านิ่งๆ “คำพูดของแม่นางเฉิงนั้นช่างดึงดูดความสนใจของผู้อื่นได้ง่ายเสียจริงๆ”

    

    “ท่านพี่ มันเป็นรั่วจิ่งเองที่ไม่ดี ที่ไปรบกวนท่านกับมหาอุปราช ดังนั้นข้าจะขอย้ายที่นั่งเอง” หลินรั่วจิ่งได้กล่าวกับ เฉิงซีเหอเพื่อย้ายที่นั่ง

    

    ท่าทีเช่นนี้ได้ทำให้เฉิงซีเหอโมโหขึ้นมา แล้วนางก็ได้ยืนโต้ตอบอยู่ตรงที่เดิม “รั่วจิ่ง ท่านเป็นถึงองค์หญิง ทำไมท่านถึงได้ใจดีกับนังผู้หญิงไม้ประดับที่ไร้ความสามารถเช่นนั้นด้วย”

    

    แล้วงานเลี้ยงก็ได้เงียบลงทันที แล้วเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ได้พบว่าในเวลานี้พวกเขาได้ตกเป็นเป้าสายตาแล้ว

    

    เฉิงซีเหอที่เหมือนว่าจะไม่รู้เรื่องนี้ นางก็ได้มองไปที่ หลินซีเหยียนแล้วกล่าวอย่างประชดประชัน “เจ้าน่ะเสื่อมเสียไปแล้วเพราะว่าท้องก่อนแต่ง อย่าคิดนะว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของท่านมหาอุปราชแล้ว เจ้าจะสามารถบินมาเกาะกิ่งไม้แล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้น่ะ ข้าจะบอกให้เจ้าได้รู้เอาไว้ว่าไม่มีใครที่เห็นด้วยกับเจ้าด้วยหรอกนะ และข้าจะบอกให้เจ้ารู้เอาไว้นะ หากข้าเป็นองค์หญิงรั่วจิ่งที่แสนฉลาดและงดงามเหมือนอย่างเจ้าแล้ว และต้องมามีพี่สาวอย่างเจ้า ข้าก็คงจะอับอายเสียจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”

    

    “พูดพอหรือยัง?” หลินซีเหยียนก็ได้กล่าวอย่างไม่โมโหอะไรเลย แต่กลับจ้องมองไปที่แม่นางเฉิงอย่างตรงๆ “ถ้าข้าไม่ดีถึงขนาดนั้น ก็ไม่น่าที่จะมีจุดไหนที่จะไปปลุกเร้าอารมณ์อิจฉาของเจ้าได้เลยนะ?”

    

    จากนั้นนางก็ได้หันไปมอง“น้องสาวตัวดี”ของนาง “และข้าก็ไม่เคยบอกให้องค์หญิงรั่วจิ่งต้องถ่อมตัวกับข้าเลย กลับกันก็เหมือนเจ้านั่นแหละ ข้าออกจะชื่นชมน้องสาวผู้ชายฉลาดของข้าเสียด้วยซ้ำ

    

หมอผีแม่ลูกติด

หมอผีแม่ลูกติด

Score 10
Status: Completed
หลินซีเหยียนหญิงสาวผู้บ้าคลั่งชายหนุ่มรูปงาม ได้หายตัวไปถึง 5 ปี และนางได้กลับมาอีกครั้งในฐานะหมอผี ผู้รักษาได้ทุกโรค พร้อมกับกระเตงลูกชายวัย 5 ขวบมา 1 คน “ท่านแม่ ใครคือพ่อของข้า?” “ข้าหยิบเจ้ามาจากกองขยะ!”

Options

not work with dark mode
Reset