บทที่ 448 ถูกเผาจนว่างเปล่า
ในสถานการณ์แบบนี้ ทุกคนต่างหันไปที่ลู่เสี้ยงหยาง ด้วยความเห็นใจ และเศร้าสลด
สำหรับพวกเขา ลู่เสี้ยงหยางต้องถูกเงาดำเหล่านี้กลืนกินจนไม่เหลือแน่
โจวต้าวหย่วนหัวเราะออกมาอย่างสะใจ พร้อมเอ่ยกับลู่เสี้ยงหยาง “ไอ้หนู หากแกยอมจำนนต่อฉันแต่โดยดี ฉันก็จะไว้ชีวิตแก”
อันที่จริง ลู่เสี้ยงหยางอายุแค่นี้แต่กลับมีความสามารถถึงเพียงนี้ เขาจัดอยู่ในระดับอัจฉริยะเลยทีเดียว หากจะฆ่าไปแบบนี้ น่าเสียดายเกินไป หากเขายอมจำนนต่อตนเอง เขามีเป็นร้อยวิธีในการช่วงชิงวิญญาณของเขา ถึงตอนนั้น เขาก็จะรับใช้ตนอย่างว่าง่าย
ในการสู้รบในภายภาคหน้า ไอ้หมอนี่ต้องช่วยเขาได้อย่างมากแน่
ลู่เสี้ยงหยางหัวเราะเยาะ “ตาแก่อย่างแก คิดที่จะให้ผมจำนนด้วย ฝันไปเถอะ”
สิ้นสุดประโยค เพลิงไฟที่โหมกระหน่ำออกมาจากร่างของเขา เพียงแค่ชั่วพริบตา ร่างทั้งร่างของเขาห่อหุ้มด้วยเพลิงไฟ
สิ่งที่เกิดขึ้น เสมือนกับว่าร่างทั้งร่างของลู่เสี้ยงหยางราดไปด้วยน้ำมัน เมื่อถูกจุดประกาย ทะเลเพลิงก็กลืนกินร่างของเขาไปทั้งร่าง
บัดซบ! นี่มัน…..เกิดอะไรขึ้น?
ทุกคนอย่างจ้องเขม็งด้วยความทึ่ง หรือว่าลู่เสี้ยงหยางรู้แก่ใจ ว่าตัวเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปรมาจารย์โจว จึงคิดที่จะฆ่าตัวตาย เพื่อจบชีวิตของตนเอง
ไม่มีเหตุผล ไอ้หมอนี่เมื่อสักครู่โม้เอาไว้ใหญ่โต ว่าจะฆ่าปรมาจารย์โจวเพื่อให้ความยุติธรรมแทนสวรรค์ ทำไมตอนนี้ถึงฆ่าตัวตายเสียได้
“เอ๋? ไม่สิ เขากำลังแสดงวิชาเวทย์ที่แข็งแกร่ง” ใครบางคนตะโกนขึ้นกะทันหัน
เมื่อได้ยินประโยคนั้น หลายคนต่างเพ่งมองพิจารณาอย่างตั้งใจ ไม่นานพวกเขาค้นพบว่า ลู่เสี้ยงหยางไม่ได้คิดฆ่าตัวตาย แต่กำลังใช้วิชาเวทย์ที่แข็งแกร่งอยู่
ภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ทุกคนต่างนิ่งอึ้ง รู้สึกมึนหัว สำหรับอาจารย์ฮวงจุ้ย และลัทธิอภิปรัชญา หากต้องการฝึกวิชาเวทย์ ต้องใช้ยันต์หรือคาถามนต์ช่วยเสริม ถึงจะเกิดผลลัพธ์ได้
แต่ลู่เสี้ยงหยางไม่ใช้ยันต์หรือคาถาช่วยเสริม ก็สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ออกมาได้ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?
แน่นอน ว่านี่เป็นเวทย์ที่เขาศึกษาจากหยกชิ้นนั้น ซึ่งเป็นเทคนิคต้นฉบับดั้งเดิม บวกกับพลังจิตของนักกลั่นยาระดับห้า ก็แกร่งกล้ามากพอ จนไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ยันต์ช่วยเสริม หรือว่าคาถามนต์ใดๆ
เปรี๊ยะ!
ในตอนนี้เอง เงาดำพุ่งเข้าใส่ร่างของลู่เสี้ยงหยาง
เมื่อกลุ่มเงาดำสัมผัสถูกเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ ก็กลายเป็นควันเขม่าสลายดับไป
สิ่งที่เกิดขึ้น เสมือนกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ถูกเพลิงไฟกลืนกินหายไปในพริบตา
“ไม่ ไม่ เป็นไปไม่ได้” โจวต้าวหย่วนตะคอกเสียงดังลั่น กับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า จนลูกตาแทบหลุดออกจากเบ้า
วิชาที่เขาฝึกเป็นเวทย์ที่ร้ายกาจที่สุดเมื่อร้อยปีก่อน ที่ฆ่าได้ทุกอย่างบนโลกแม้แต่เทพเจ้า ไม่คิดเลยว่าต่อหน้าไอ้หมอนี่ กลับไม่สามารถใช้การณ์ใดๆ ได้เลย
“เหอะ ความสามารถแค่นี้ ฉันไม่เชื่อว่าแกทนต่อไปได้” ตระหนกก็ส่วนตระหนก โจวต้าวหย่วนได้สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
ต่อให้ลู่เสี้ยงหยางงัดวิชาเวทย์ที่แข็งแกร่งสักเพียงใด ก็ต้องเสียพละกำลังไป หากเขาจู่โจมไปเรื่อยๆ ในตอนนี้ คอยดูแล้วกันว่าใครจะทนอยู่ได้นานกว่ากัน
เมื่อนึกได้ดังนั้น เขาเป่าขลุ่ยต่อ เพื่อส่งเงาดำทั้งหมดจู่โจมไปที่ลู่เสี้ยงหยาง
ไม่นาน ร่างของลู่เสี้ยงหยางถูกครอบงำด้วยเงาดำจำนวนนับไม่ถ้วนจนมองไม่เห็นร่างของเขา
โจวต้าวหย่วนเผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างได้ใจ ก่อนที่จะหัวเราะออกมาด้วยความอำมหิต “ไอ้หนู อีกไม่นาน ฉันก็จะฆ่าแกทิ้งจนได้”
เมื่อได้ยินคำกล่าว หลายคนต่างลอบถอนหายใจอย่างสลด
ไม่ว่าอย่างไร คนนอกพื้นที่อย่างโจวต้าวหย่วน แถมยังฝึกวิชาเวทย์ดำ ทุกคนในที่นี้ต่างเหยียดขยาด
หากเป็นไปได้ พวกเขาก็ยินดีให้คนในพื้นที่อย่างลู่เสี้ยงหยางเป็นผู้นำ
น่าเสียดาย โจวต้าวหย่วนดีใจเร็วเกินไป
ลู่เสี้ยงหยางในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะถูกเงาดำนับไม่ถ้วนล้อมรอบ แต่ก็ไม่ได้เสียเปรียบแต่อย่างใด
วิชามหัศจรรย์บ้อเก๊กถูกปล่อยสำแดงจนถึงขีดสุด เพลิงไฟที่ลุกไหม้ไปทั่วร่าง ลุกไหม้แรงมากกว่าเดิม เงาดำทุกตนที่สัมผัสกับเปลวเพลิง สลายดับไปทันที
เมื่อวิชามหัศจรรย์บ้อเก๊กปล่อยออกมา ก็จะสามารถปลดปล่อยพลังธาตุทอง ธาตุไม้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ และธาตุดินออกมา แต่วิชาที่โจวต้าวหย่วนปลดปล่อยออกมานั้นเป็นเวทย์สายดำ ซึ่งไฟสามารถลบล้างสิ่งอัปมงคลให้ดับมอดได้
เพราะงั้นลู่เสี้ยงหยางจึงเลือกใช้พลังธาตุไฟ
สถานการณ์ตรงต่อ ดำเนินต่อไปหลายนาที
เมื่อเงาดำชุดสุดท้ายสัมผัสกับเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ รอบกายลู่เสี้ยงหยางก็ไม่มีเงาดำพุ่งเข้าใส่อีกเลย
“ไม่ ไม่ เป็นไปไม่ได้ ไร้เหตุผล” โจวต้าวหย่วนตกใจจนแทบเหลือเพียงครึ่งชีวิต เพื่อฆ่าลู่เสี้ยงหยาง เขาพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว
แต่ไม่คิดเลยว่าเพียงระยะเวลาไม่กี่นาที การจู่โจมของเขาถูกลู่เสี้ยงหยางจัดการจนสิ้น
“พระเจ้า ไอ้หมอนี้วิชาเวทย์แข็งแกร่งเป็นบ้า” คนรอบข้างต่างนิ่งอึ้งกับเหตุการณ์ หัวหมุนติ้ว
“นี่มัน เขายังเป็นคนอยู่อีกหรือเปล่า?” หยางหรองตระหนกจนพูดไม่ออกมานาน เธอรู้สึกมหัศจรรย์ ลู่เสี้ยงหยางเป็นคนที่น่ากลัวที่สุด เท่าที่เธอเคยเจอมา
ในเวลาปกติมักไม่แสดงความสามารถออกมา ดูภายนอกเหมือนไอ้งั่งคนหนึ่ง แต่ในเวลาคับขัน หากโกรธขึ้นมาละก็ ไร้สิ่งใดเทียมเท่าได้ สามารถลบล้างได้ทุกสิ่ง
“บัดซบ เขาเป็นคนหรือปีศาจกันแน่?” มู่หรงข่ายตกใจกลัวจนแทบฉี่ราด อาจารย์ใช้หมดวิธีแล้ว แต่ก็ยังฆ่าไอ้หมอนี่ไม่ได้ มันจะแข็งแกร่งเกินไปหน่อยแล้ว
ในเวลานี้ ลู่เสี้ยงหยางไม่แยแสความคิดของคนอื่น เขาปัดเศษเถ้าถ่านที่ไม่มีอยู่บนร่างกาย เอ่ยกับโจวต้าวหย่วนด้วยรอยยิ้ม “ต่อจากนี้ ถึงตาผมบ้างแล้ว”
เมื่อสิ้นสุดเสียง ลู่เสี้ยงหยางอ้าปากพ่นบางอย่างออกไป เสาไฟต้นหนึ่งถูกพ่นออกมาจากปากของเขา
แม้ว่าเสาไฟนี้จะมีขนาดเท่ากับหัวแม่มือ แต่กลับสามารถพุ่งไปได้ไกลหลายสิบเมตร ทิ่มแทงบนร่างของโจวต้าวหย่วน
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเร็วมาก ในเวลาเพียงเปิดสวิตซ์ไฟฟ้าเท่านั้น กระทั่งโจวต้าวหย่วนไม่ทันได้ไหวตัว
“โอ๊ย!” เมื่อโจวต้าวหย่วนตั้งสติได้ก็ไม่ทันเสียแล้ว ร่างของเขาเกิดเพลิงลุกไหม้
โจวต้าวหย่วนขัดขืนสุดแรงเกิด เพื่อที่จะสลัดร่างให้หลุดออกจากลูกไฟ แต่ลูกไฟเหล่านี้เสมือนกับครอบงำเข้าไปในกระดูก ไม่ว่าเขาจะพยายามดิ้นอย่างไรก็ไร้ผล แถมไฟเพลิงยังโหมกระหน่ำแรงขึ้นไปอีก
“ไม่ ไม่ ไม่นะ” หลังจากนั้นเกิดเสียงร้องอย่างอนาถ แรงขัดขืนของโจวต้าวหย่วนแผ่วลงทุกที ก่อนที่จะล้มลงกับพื้น สิ้นลมหายใจ
ในตอนนี้ ไฟลุกโหมหนักถึงขีดสุด เปลวไฟที่โหมกระหน่ำลุกโชนสูงถึงสามเมตร
เหตุการณ์นี้ ดำรงอยู่หลายนาที เมื่อไฟมอดดับลง ร่างของโจวต้าวหย่วนก็มลายหายไปกลางอากาศ
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าในทะเลเพลิงเมื่อสักครู่ เขาถูกเผาจนกลายเป็นความว่างเปล่า!
เงียบกริบ!
ที่เกิดเหตุเงียบกริบ!
ตุ่บ!
ตุ่บ!
ตุ่บ!
ต่อมา หลายคนคุกเข่าลงกับพื้น เอ่ยกับลู่เสี้ยงหยางด้วยความเคารพนับถือ “ขอแสดงความยินดีกับปรมาจารย์ลู่ที่ขจัดปีศาจร้ายไปได้ ช่วยให้ความยุติธรรมแทนสวรรค์ จากนี้ไป ท่านจะเป็นผู้นำของวงการฮวงจุ้ยลัทธิอภิปรัชญาของมณฑลเจียงหนาน”