บทที่ 416 เรียกพี่ชายสิ
หยางหรองและหยางฮุยหวงไม่คิดเลย ว่าพ่อของพวกเขาจะให้พวกเขาคุกเข่าต่อหน้าไอ้จนตรอกนี่
หากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป ต้องอับอายขายขี้หน้ามากแน่
ทุกคนรอบด้าน ต่างสงสัยว่าพวกเขาได้ยินอะไรผิดไป พลางยกนิ้วขึ้นแคะขี้หูกันถ้วนหน้า มันหมายความว่ายังไง?
“ท่านพ่อ”
“พ่อครับ…..”
ใบหน้าของหยางหรองและหยางฮุยหวงเหยเกดูไม่ได้
ไม่รอให้พวกเขาได้เอ่ยใดๆ เก๋อเก๋อยกมือขึ้น พร้อมเอ่ย “พวกแกสองคนไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ทำตามคำสั่งของฉันแค่นั้นก็พอ หากคิดจะต่อต้าน ก็ไสหัวออกไปจากตระกูลหยางซะ แล้วอย่ากลับมาอีก”
เมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวของผู้เป็นบิดา ที่ต้องการให้พวกเขาคุกเข่า เพื่อขอขมาไอ้จนตรอกตรงหน้า
หยางหรองและหยางฮุยหวงรู้นิสัยของพ่อของเขาดี เรื่องที่เขาตัดสินใจ ไม่มีใครที่จะเปลี่ยนแปลงเขาได้
จึงได้แค่กัดฟันกรอด คุกเข่าลงต่อหน้าลู่เสี้ยงหยาง พร้อมเอ่ยอย่างอ่อนแรง “เราผิดไปแล้ว”
เมื่อลู่เสี้ยงหยางเห็นหยางหรองหญิงสาวสุดสวยคุกเข่าลงต่อหน้าของตน เขาหัวเราะอย่างได้ใจ ในหัวปรากฏความคิดที่ชั่วร้ายขึ้นมากะทันหัน
นางเอกหนังในเกาะไอซ์แลนด์ ก็คุกเข่าบริการพระเอกแบบนี้แหละ
ฮ่าฮ่า รู้สึกดีจัง ตื่นเต้นชะมัด
ในเวลานี้เอง หยางเก๋อเก๋อพลันเอ่ยขึ้น “ท่านอาจารย์ เมื่อสักครู่หรองหรองและฮุยหวงล่วงเกินท่าน ตอนนี้ปมให้พวกเขาคุกเข่าลงขอขมาท่าน หวังว่าท่านจะใจกว้าง ไม่ถือสาพวกเขา”
พูดขนาดนี้แล้ว ลู่เสี้ยงหยางก็ไม่ใช่พวกใจแคบ จึงส่ายหน้า “ไม่หรอก พรุ่งนี้เช้า ผมจะมาช่วยพวกคุณกำจัดไอพิฆาตทันที”
หยางเก๋อเก๋อฉีกยิ้มกว้าง รีบควักนามบัตรใบหนึ่งให้กับลู่เสี้ยงหยาง ก่อนที่จะขอเบอร์ติดต่อลู่เสี้ยงหยาง
เพื่อแสดงถึงความจริงใจ พรุ่งนี้เช้า หยางเก๋อเก๋อจะสั่งคนไปรับถึงที่
ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้า หลังจากนั้นเขาไม่คิดที่จะอยู่ต่อไป พลันจากไปพร้อมกับพระพุทธรูปหยกในมือ
หยางหรองและหยางฮุยหวงจับจ้องแผ่นหลังไกลลับตาไป ด้วยความโกรธ พวกเขาเคยต้องคุกเข่า ให้กับคนนอกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แถมยังคุกเข่าต่อหน้าพ่อของเธออีก
ขายขี้หน้านัก! ขายขี้หน้าเกินไปแล้ว!
โดยเฉพาะหยางหรอง ดวงตาเธอไฟลุกโชน ไอ้หมอนั่นกล้าดึงเธอเข้าไปกอด จับเอวเธอ แถมยังตีก้นเธออีกสองหน
ขายขี้หน้าสิ้นดี!
“เหอะ ความแค้นนี้ ฉันจะแก้ให้ได้ ไม่เช่นนั้น ฉันจะไม่ใช้สกุลหยาง” หยางหรองให้คำมั่นในใจ
…..
ทางด้านลู่เสี้ยงหยาง หลังจากที่เขาออกจากถนนขายของเก่าโบราณ เตรียมกลับบ้าน เขาพิจารณาพระพุทธรูปหยกในมืออย่างละเอียด
ไม่ถึงครึ่งทาง เขาก็ได้รับสายหนึ่ง ที่ทำให้เขาประหลาดใจ อาจารย์ประจำชั้าจูหยู่เจิน
วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ สถาบันไม่มีการเรียนการสอน อาจารย์ประจำชั้นโทรหาเขาทำไมกัน?
ลู่เสี้ยงหยางกดรับ ด้วยความสงสัย ไม่รอให้เขาได้พูดอะไร น้ำเสียงที่รีบเร่งแล่นเข้ามาทันที “ลู่เสี้ยงหยาง นายมีเวลาไหม?”
ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้า “มีครับ อาจารย์ มีอะไรไหม?”
จูหยู่เจินถอนหายใจอย่างโล่งอก “ตั้งแต่เมื่อคืน จนตอนนี้ ดานเถียนของฉันปวดตลอดเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
ลู่เสี้ยงหยางขมวดคิ้วอย่างสงสัย รากฐานของนักบู๊คือดานเถียน ดานเถียนเปรียบเสมือนหัวใจของมนุษย์ธรรมดา ถึงกับชีวิตเลยล่ะ
ดีไม่ดี สถานเบาการฝึกฝนของนักบู๊จะกลับไปเป็นศูนย์ สถานหนักอาจจะส่งผลถึงชีวิต
“อาจารย์ไม่ต้องใจร้อนไป ผมขอถามหน่อย หลายวันมาได้รับบาดเจ็บหรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนของดานเถียน” ลู่เสี้ยงหยางเอ่ยถาม
จูหยู่เจินส่ายหน้า “เปล่าเลย หลายวันมานี้ฉันมีสอนตลอด ไม่ได้ไปไหนเลย”
“อืม” ลู่เสี้ยงหยางส่ายหน้าเบาๆ ก่อนเอ่ยถามเสริม “ถ้างั้นได้ทานอะไรที่ไม่สมควรบ้างหรือไม่”
จูหยู่เจินใช้ความคิดสักครู่ หลายวันก่อนเธอได้ทานยาล้างกระดูกที่ฉินหยุนเฟยนำมาให้เข้าไป คืนเดียวกันที่ทานยาล้างกระดูกเข้าไป ดานเถียนก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา ในตอนนี้ เธอยังสามารถทนได้ เธอเองก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าวิชาของตนถดถอยเสียอีก ดานเถียนจึงมีการเปลี่ยนแปลง
แต่หลังจากนั้น ความเจ็บปวดที่ดานเถียนเพิ่มมากขึ้น ตามเวลา แถมยังหนักขึ้นอีกต่างหาก ตั้งแต่เมื่อคืน เธอรู้สึกเจ็บจี๊ดตลอดเวลา
ในสถานการณ์แบบนี้ จูหยู่เจินนึกถึงคำที่ลู่เสี้ยงหยางเคยได้กล่าวเอาไว้ ยาล้างกระดูกที่ฉินหยุนเฟยให้เธอได้หมดอายุลงแล้ว สั่งห้ามให้ตนทาน แต่สุดท้ายตนก็ทานเข้าไปจนได้
ดูท่าลู่เสี้ยงหยางไม่ได้ไร้สาระ เพราะงั้นวันนี้เธอจึงตัดสินใจโทรหาลู่เสี้ยงหยาง เพื่อขอความช่วยเหลือ
“ฉัน ฉัน…..” จูหยู่เจินอ้ำอึ้ง “คืนนั่นยาล้างกระดูกที่ฉินหยุนเฟยให้มา ฉันทานมันเข้าไป”
แบบนี้นี่เอง
ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกขบขัน ที่แท้ผู้หญิงเฒ่าคนนี้ไม่เชื่อคำพูดตน
ตนหวังดีให้ยาทะลุแดนกับเธอ เธอไม่ทาน แต่กลับไปทานยาที่หมดอายุแทน
“ฮ่าฮ่า ต้องเป็นยาล้างกระดูกที่หมดอายุแล้วแน่ ที่เกิดผลข้างเคียง” ลู่เสี้ยงหยางเอ่ย
จูหยู่เจินนึกเสียใจ หากรู้แต่แรก เธอก็ควรจะเชื่อลู่เสี้ยงหยาง เพราะงั้นเธอรู้ว่าเธอเอง ตึงเอ่ยถามเสียงแผ่ว “ถ้างั้น ฉันควรจะทำยังไงต่อไป? นายช่วยฉันได้ไหม?”
ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกเบื่อหน่ายผู้หญิงคนนี้ ในสถาบัน เธอเหยียดตนเอาไว้มาก แต่ยังไงเธอก็เป็นอาจารย์ของตน ตามหลักเขาไม่ช่วยไม่ได้ “วิธีก็มีอยู่บ้าง เอางี้แล้วกัน อาจารย์ ขอที่อยู่ผมหน่อย ผมจะไปหาอาจารย์เอง
เมื่อได้ยินประโยค จูหยู่เจินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ลู่เสี้ยงหยางมีวิธีจริงๆ ด้วย
ตนดูแคลนเขามากเกินไป เขยแต่งเข้าคนนี้ที่แท้ก็มีความสามารถนี่เอง
เธอให้ที่อยู่ของเธอกับลู่เสี้ยงหยางไป
ทีแรกลู่เสี้ยงหยางคิดจะตัดสายทิ้ง แต่ทันใดนั้นกลับนึกสนุก พลันเอ่ยด้วยรอยยิ้มตาหยี “อาจารย์ อีกเดี๋ยวผมช่วยอาจารย์ขนาดนี้ นี่เป็นงานหนักเลยนะครับ ตอนนี้ช่วยเรียกผมว่าพี่ชายให้ฟังหน่อยสิ เป็นไง?”
ฮ่าฮ่า ผู้หญิงคนนี้กลั่นแกล้งตนที่สถาบันไม่น้อย ถ้างั้นตอนนี้ตนก็ต้องหาความสุขเข้าตัวบ้าง
อะไรนะ?
จูหยู่เจินที่อยู่ปลายสายเมื่อได้ยินประโยค สีหน้าเธอเย็นชาขึ้นมาทันที ไอ้เศษเดน! แม้อาจารย์ของตนเองยังกล้าเอาเปรียบ!
ทีแรกคิดที่จะตัดสายทิ้ง แล้วค่อยสั่งสอนลู่เสี้ยงหยางสักตั้ง
แต่เมื่อคิดดูอีกที ตอนนี้เธอมีเรื่องที่จะต้องขอร้องเขา เพราะงั้นจึงได้แต่แบกหน้าที่แดงก่ำ เอ่ยเพียงแผ่ว “ได้…..ได้……พี่ชาย”
ฮ่าฮ่าฮ่า
ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกสะใจเป็นบ้า ให้ตายสิ ปกติอาจารย์ประจำชั้นมักจะใส่อารมณ์ต่อหน้าเขา แต่ตอนนี้กลับเรียกเขาว่าพี่ชายอย่างว่าง่าย?
หากไอ้งั่งฉินหยุนเฟยมาได้ยินเข้า ต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้างแน่
“อืม เด็กดี น้องสาว พี่ชายที่ดีจะไปแก้ไขปัญหาให้น้องเดี๋ยวนี้เลย” ลู่เสี้ยงหยางเอ่ยอย่างได้ใจก่อนที่จะตัดสายทิ้ง
“เศษเดน! โรคจิต! สวะของสังคม! คอยดูว่าฉันจะสั่งสอนแกยังไง!” จูหยู่เจินโกรธจนลมหายใจถี่รัวหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง ด้วยความโมโห