บทที่ 341 ต้องแย่งชิงความดีความชอบอีกครั้ง
ในเวลานี้ฟ้านเจี้ยนจงและฟ้านเจี้ยนหมิงที่อยู่ในพุ่มไม้ได้กระชากเสื้อคลุมของหวังเสว่และเย่สวนขาดหมดแล้ว และกำลังจะกระชากชุดชั้นในของพวกเธอออก
แต่ในขณะนั้นเองพวกเขาก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวมาจากทางรถประจำทางรวมไปถึงเสียงกรีดร้องของฟ้านเจี้ยนหัว
ทั้งสองรู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ พวกเขากระโดดขึ้นจากพื้นแล้วกวาดสายตามองย้อนกลับไปก็เห็นฟ้านเจี้ยนหัวนอนนิ่งอยู่บนพื้น รวมถึงลู่เสี้ยงหยางที่กำลังวิ่งเข้ามาหาพวกเขา
“แม่ง! รนหาที่ตาย!” ฟ้านเจี้ยนจงและฟ้านเจี้ยนหมิงมองหน้ากัน เห็นเจตนาฆ่าที่ยากจะอธิบายในดวงตาของกันและกัน
เท้าทั้งสองกระทืบลงบนพื้น ยิงไปทางลู่เสี้ยงหยางราวกับกระสุนปืนใหญ่
ทันใดนั้นรูม่านตาของลู่เสี้ยงหยางก็หดตัวลงอย่างรวดเร็วพลันหันหลังวิ่งไปทางอื่น
แต่ในเวลานี้ฟ้านเจี้ยนจงและฟ้านเจี้ยนหมิงได้ชักปืนพกที่เอวออกมาแล้วและพร้อมที่จะยิงเขา
แต่ลู่เสี้ยงหยางก็ไม่ได้โง่ ดังนั้นเขาจะไม่พุ่งเข้าหาปากกระบอกปืน อย่างที่ภาษิตกล่าวไว้ ไม่ว่าฝีมือจะดีแค่ไหนก็ต้องกลัวมีดหั่นผัก แล้วนี่ก็ไม่ใช่มีดหั่นผัก แต่เป็นปืนจริงกระสุนจริง
ต่อให้ปรมาจารย์ที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างเทพเทียนหัวมาอยู่ที่นี่ ก็สามารถทำให้เขาล้มลงได้ด้วยกระสุนเพียงนัดเดียว
ปัง ปัง ปัง
เสียงปืนดังขึ้นติดต่อกันหลายนัด ปืนในมือของฟ้านเจี้ยนจงและฟ้านเจี้ยนหมิงเล็งไปที่ลู่เสี้ยงหยางและกราดยิง
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
เสียงกระสุนพุ่งเข้ามาอันเล็กแหลมดังก้องอยู่ในหูของลู่เสี้ยงหยาง
ทันใดนั้นกระสุนจำนวนมากก็พุ่งผ่านศีรษะและเท้าของเขาไป
หัวใจของลู่เสี้ยงหยางเข้ามาจุกอยู่ที่ลำคอ ศักยภาพของเขาก็ถูกปลุกเร้าออกมาอย่างเต็มที่ เขาวิ่งด้วยความเร็วราวกับเกิดลมกรรโชกอยู่ใต้เท้า
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีกระสุนนัดหนึ่งยิงเข้าที่ต้นขาของเขา
เลือดพุ่งกระฉูดออกมาทันที
ลู่เสี้ยงหยางเสียการทรงตัวและล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดอย่างมาก
“ฮ่าฮ่า เจ้าหนุ่มนี่โดนยิงแล้ว เรายิงเขาให้ตายไปเลย” ฟ้านเจี้ยนจงหัวเราะร่าแล้วเหนี่ยวไกปืนในมือ
ลู่เสี้ยงหยางวิ่งต่อไปไม่ไหว ได้แต่กลิ้งไปบนพื้นอย่างรวดเร็ว
โชคดีที่เขากลิ้งไปที่ด้านหลังของล้อรถประจำทางได้อย่างรวดเร็ว กระสุนปลิวว่อนกระทบเข้ากับขอบล้อ
“แม่งเอ๊ย ไอ้เด็กระยำ ดูซิว่าแกหลบอยู่ตรงไหน?” ฟ้านเจี้ยนจงและฟ้านเจี้ยนหมิงไม่ยอมเลิกรา ถือปืนวิ่งไปทางที่ลู่เสี้ยงหยางซ่อนตัวอยู่ พร้อมที่จะฆ่าเขา
ลู่เสี้ยงหยางซ่อนตัวอยู่หลังล้อรถ เอามือปิดต้นขาตรงตำแหน่งที่โดนยิง หัวใจขึ้นมาจุกอยู่ลำคอ สมองก็ทำงานอย่างรวดเร็วเช่นกัน คิดหาวิธีแก้ไขวิกฤตในตอนนี้
โชคดีที่ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ กงหยู่หนิงเก็บปืนพกที่ฟ้านเจี้ยนหัวขว้างออกไปเมื่อครู่ได้ เธอยิงออกไปสองนัดในตอนที่ฟ้านเจี้ยนจงและฟ้านเจี้ยนหมิงไม่ทันได้ระวังตัว
ปัง ปัง!
กระสุนสองนัดพุ่งตรงเข้าที่หัวไหล่ของพวกเขาทั้งสอง ทำให้ปืนพกในมือของพวกเราตกลงกับพื้น
จากนั้นกงหยู่หนิงก็ยิงออกไปอีกสองนัด กระสุนทะลุเข้าที่ต้นขาของแต่ละคน
ตุ้บ ตุ้บ!
ทั้งสองล้มลงกับพื้นเหมือนสุนัขที่ตายแล้ว เลือดไหลท่วมตัว ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
กงหยู่หนิงถือปืนพกในมือทั้งสองสลับกันเล็งไปที่ฟ้านเจี้ยนจงและฟ้านเจี้ยนหมิง เดินเข้าไปหาพวกเขาทั้งสองคนช้าๆ
ในเวลานี้ นักเลงทั้งสามถูกจัดการอยู่หมัดแล้ว คนบนรถประจำทางล้วนเดือดดาล
ซุนยีเฉินที่เอาแต่หวาดกลัวมาตลอดนึกอะไรขึ้นได้ เขากระโดดลงจากรถแล้วรีบวิ่งไปที่พุ่มไม้
จากนั้นเซี่ยงหยู่โม่ก็สงบลงจากความตื่นตระหนก เขากระโดดลงจากรถประจำทางแล้วรีบวิ่งตามซุนยีเฉินเข้าไปในพุ่มไม้
ในไม่ช้าทั้งสองคนก็ปรากฏตัวในพุ่มไม้ เห็นเย่สวนและหวังเสว่
ทั้งสองเพิ่งโดนสกัดจุด ร่างกายไม่สามารถขยับได้ ตอนนี้ยังคงนอนอยู่บนพื้น
“เสว่เอ๋อ ผมมาที่นี่เพื่อช่วยคุณ” ซุนยีเฉินตะโกนเสียงดังแล้วรีบนั่งยองๆ ลง ถอดเสื้อคลุมของตนออกแล้วคลุมให้หวังเสว่
ทันใดนั้นหวังเสว่ก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เธอไม่ได้คาดหวังว่าในเวลาที่ตนเองสิ้นหวัง ซุนยีเฉินจะเป็นคนวิ่งมาช่วยตน
ในความเป็นจริงเธอหวังว่าจะได้เห็นลู่เสี้ยงหยางเป็นคนแรกในสถานการณ์เช่นนี้
แม้ว่าเธอจะรู้ว่าไม่ควรมีความคิดเช่นนี้ แต่ภายในใจก็อดไม่ได้ที่จะคิดไปในแนวทางนี้
เย่สวนตกตะลึงไปชั่วขณะ น้ำตาคลอเบ้า เธอถามขึ้นด้วยความผิดหวัง “แล้วลู่เสี้ยงหยางล่ะ?”
เนื่องจากพวกเธอสองคนนอนอยู่บนพื้นและมีพุ่มไม้บังไว้จึงมองไม่เห็นภาพที่ลู่เสี้ยงหยางต่อสู้กับนักเลงสองคนที่อยู่ด้านนอกเมื่อครู่นี้
เซี่ยงหยู่โม่ยิ้มเยาะแล้วกล่าวว่า “เจ้าหนุ่มลู่เสี้ยงหยางนั่นขี้ขลาดกลัวตาย พอตกอยู่ในอันตรายก็เข้าไปหลบตั้งนานแล้ว จะมีอารมณ์มาช่วยคุณเย่ได้ยังไงล่ะ?”
โครม!
ทันทีที่เย่สวนได้ยินสิ่งนี้ร่างกายของเธอก็แข็งทื่ออย่างหาที่เปรียบมิได้ มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นในใจของเธอ
ความผิดหวังและใจหายที่ไม่อาจบรรยายได้ถาโถมเข้ามา ไม่คิดเลยว่าลู่เสี้ยงหยางจะไม่ออกหน้าช่วยเมื่อคราวที่เธอกำลังจะถูกทำให้ด่างพร้อยและมีอันตรายถึงชีวิต
หวังเสว่ไม่เชื่อคำพูดของเซี่ยงหยู่โม่ เธอกล่าวพูดว่า “จะเป็นไปได้ยังไง ลู่เสี้ยงหยางไม่ใช่คนขี้ขลาดกลัวตายแบบนั้น”
ซุนยีเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าหมอนั่นไม่ถือขี้ขลาดกลัวตายเท่าไรหรอก แค่ฉลาดแต่ไม่มีไหวพริบ ตอนนี้เขาถูกยิง ถ้าไม่ใช่เพราะผมกับคุณเซี่ยงรีบออกมาได้ทันช่วงเวลาสำคัญ ก็ไม่อาจคาดคิดถึงผลที่ตามมา”
ฮ่าๆ ลู่เสี้ยงหยางชอบตอแหลไม่ใช่เหรอ? ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะเอาหน้าแทนเขาในตอนนี้เลย
“เฮ้อ” หวังเสว่ถอนหายใจเบาๆ เธอเป็นหนี้บุญคุณซุนยีเฉินที่ช่วยชีวิตเธอไว้
เมื่อเย่สวนได้ยินว่าลู่เสี้ยงหยางถูกยิง ใจที่คิดโทษเขาก็เบาบางลงมากกลายเป็นความเป็นห่วงใยเขาแทน
แต่อย่างไรก็ไม่สามารถลบล้างความผิดหวังในใจของเธอได้
เซี่ยงหยู่โม่ยักคิ้วเบาๆ แล้วเติมเชื้อไฟต่อ “คุณเย่ เมื่อก่อนผมเคยบอกว่า ลู่เสี้ยงหยางทำอะไรไม่เป็นโล้เป็นพาย ถ้าคุณอยู่กับเขา เขามีแต่จะฉุดให้คุณถอยหลัง…”
ยังไม่ทันจบประโยคก็ถูกเย่สวนขัดจังหวะ “แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเป็นสามีของฉัน ชั่วชีวิตของฉัน เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่ฉันยอมรับ”
“…” แววตาแห่งความเศร้าโศกฉายผ่านดวงตาของเซี่ยงหยู่โม่
เขาตกหลุมรักเย่สวนมาตั้งแต่แรกเห็น ต่อจากนี้ไปคงต้องกำจัดลู่เสี้ยงหยาง เขาถึงจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดเย่สวนและเอาชนะใจเธอได้
หลังจากนั้นไม่นาน
หลังจากกงหยู่หนิงจับฟ้านเจี้ยนจงและฟ้านเจี้ยนหมิงมัดทั้งตัวแล้วก็ก็มาที่พุ่มไม้ คลายจุดบนร่างกายของเย่สวนและหวังเสว่
เย่สวนเป็นห่วงลู่เสี้ยงหยาง เธอรีบเดินออกจากพุ่มไม้มาขึ้นรถประจำทาง
ในเวลานี้แม้ว่าลู่เสี้ยงหยางจะพยายามห้ามเลือดเอาไว้แล้ว แต่เขาก็รู้สึกเวียนหัวเพราะเลือดออกมากเกินไป
คนพวกนั้นในละครทีวียังกระโดดโลดเต้นอยู่ได้หลังจากถูกยิงไปตั้งหลายนัด ทั้งหมดนี้แม่งเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
ในชีวิตจริงคนเราแค่ถูกยิงก็จะมีเลือดออกทั่วร่างกายทันที หากไม่ได้รับการปฐมพยาบาลอย่างทันท่วงที ต่อให้เป็นเทพก็ยากที่จะเยียวยา
เมื่อมองดูใบหน้าที่ซีดเผือดและริมฝีปากสีเขียวคล้ำของลู่เสี้ยงหยาง เย่สวนก็ร้องไห้ออกมาทันที
ลู่เสี้ยงหยางต้องการปลอบเธอ แต่เขาไม่มีแรงที่จะเอ่ยปากพูด
ซุนยีเฉินยิ้มเยาะ “ขยะยังไงก็เป็นขยะ ชั่งน้ำหนักตัวเองไม่เป็นว่ามีความสามารถแค่ไหน ฮ่าฮ่า ถ้าไม่ใช่เพราะผมกับคุณเซี่ยงพาคุณเย่และเสว่เอ๋อกลับมา พวกเธอก็ยังคงตกอยู่ในอันตรายในตอนนี้”
คำพูดนี้ช่างกำกวม เขาต้องการรวบรัดจัดการเรื่องทั้งหมดแล้วถือโอกาสเอาความดีความชอบไว้เอง