บทที่ 309 คู่หมั้นของหวังเสว่
สักครู่ กระดาษโน๊ตของดาวห้องก็อยู่ในมือลู่เสี้ยงหยางแล้ว เขาเปิดอ่าน ดาวห้องต้องการชวนเขาไปทานข้าว
‘วันนี้หลังเลิกเรียน เราเจอกันที่ร้านอาหารแสงดาวไม่พบไม่กลับ’
ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกลำบากใจ เมื่อสักครู่ตอนที่เขาเดินเล่นที่สนามกับเย่สวนนั้น ก็ได้พูดไว้ว่าวันนี้เขาสองคนจะทานข้าวด้วยกัน ฉะนั้นเขาหยิบปากกาขึ้นมาเขียนปฏิเสธดาวห้องบนกระดาษโน๊ตใบนั้นอย่างไม่ลังเล
เมื่อกงหยู่หนิงรู้ว่าลู่เสี้ยงหยางปฏิเสธเธอ เธอก็รู้สึกประหลาดใจ
แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยเป็นฝ่ายชวนผู้ชายคนไหนทานข้าวก่อน ที่ผ่านมา ก็มีแต่ผู้ชายที่เป็นฝ่ายชวนเธอทานข้าว แต่เธอปฏิเสธไป แต่ตอนนี้ มองมุมกลับกัน เธอเป็นฝ่ายชวนลู่เสี้ยงหยางทานข้าวก่อน กลับถูกลู่เสี้ยงหยางปฏิเสธ
“ฮึ่ม ไม่รู้อะไรเลย” กงหยู่หนิงแอบคิดในใจ ว่าที่ลู่เสี้ยงหยางจงใจปฏิเสธเธอ เพราะอยากดึงดูดความสนใจจากเธอ
ผู้ชายคนนี้ต้องมีแผนในใจ ต้องมีความคิดแบบนั้นกับตนแน่นอน ถึงเวลาเมื่อเธอให้ความสนใจแก่เขา เขาก็จะลงมือทันที ตัวเธอเองก็จะตกอยู่ในกำมือของเขา
เมื่อคิดเช่นนั้น หงหยู่หนิงเดาเจตนาของเขาได้ทันที มิน่าล่ะที่ลู่เสี้ยงหยางสามารถเป็นเขยแต่งเข้าของตระกูลเย่ เป็นหนุ่มหน้ามนที่เย่สวนเลี้ยงไว้ ที่แท้ไอ้หมอเป็นคนเจ้าเล่ห์คมในฝัก จีบผู้หญิงเก่งนี่เอง
“ผู้ชายกาก! ช่างเป็นผู้ชายกากเสียจริง” กงหยู่หนิงรู้สึกขยะแขยงลู่เสี้ยงหยางขึ้นมาทันที
วันนี้ที่เธอชวนลู่เสี้ยงหยางทานข้าว ก็แค่อยากจะปรึกษาหารือเรื่องการปรุงยาเท่านั้นเอง
ยังดีที่ลู่เสี้ยงหยาง ไม่รู้ว่ากงหยู่หนิงคิดเช่นนี้กับเขา มิเช่นนั้นจะทำให้เขาเศร้าจนแทบกระอักเลือดแน่นอน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตา คาบเรียนช่วงเช้าก็จะหมดเวลาแล้ว
หลังจากหมดคาบเรียนช่วงเช้า นักเรียนทั้งหมดยังไม่ได้ออกไปจากห้องเรียน เซียวมู่ไป๋ก็เดินไปหน้าชั้นเรียน พูดกับทุกคนว่า “ทุกคน ขอโทษด้วย ขอรบกวนเวลาหน่อย คืนนี้ร้านอาหารของบ้านผมจะเปิดร้านเป็นวันแรก จึงอยากจะชวนเพื่อน ๆ ในห้องเรียนทั้งหมดไปสังสรรค์เพื่อสร้างบรรยากาศให้ร้านได้คึกคักกันสักหน่อย”
เมื่อหลายวันก่อน เซียวกวางฮุยพ่อของเซียวมู่ไป๋ ได้มาที่ปินเหอ รู้สึกว่าเมืองปินเหอเหมาะแก่การเปิดร้านอาหาร เขาจึงได้ซื้อตึกเพื่อเปิดเป็นร้านอาหาร แล้วก็เร่งตกแต่ง คืนนี้ได้ฤกษ์เปิดร้านแล้ว
เมื่อเซียวมู่ไป๋พูดจบ นักเรียนส่วนใหญ่ตื่นเต้นดีใจ คนพวกนี้ส่วนมากจะเป็นลูกคนรวย เจ้าชู้ประตูดิน สิ่งที่ชอบที่สุดก็คือสถานที่คึกคักแบบนี้
ลู่เสี้ยงหยางเดินออกไปจากห้องเรียน เย่สวนได้รอลู่เสี้ยงหยางอยู่ที่ใต้ตึกก่อนแล้ว
วันนี้เย่สวน เธอสวมชุดเดรสสั้นสีขาว และใส่กางเกงลำลองสีขาว รูปร่างสูงโปร่ง ยิ่งทำให้ดูสูงยิ่งขึ้น มีเสน่ห์เซ็กซี่
เมื่อมองจากไกล ๆ ช่างมีเสน่ห์เซ็กซี่เหลือเกิน
ผู้ชายจำนวนไม่น้อยได้มองมาที่เธอ จนน้ำลายเกือบหก แล้วก็บ่นต่าง ๆนานา
“แม่งฉิบหาย ดาวสถาบันคนนี้ กลับกลายเป็นภรรยาของไอ้คนไร้ค่าคนนี้ ไม่คู่ควรกันเลย เหมือนดอกไม้ปักอยู่ที่กองขี้ควาย เสียของเปล่า ๆ”
สักครู่ ภายใต้สายตาที่สิ้นหวังของผู้ชายเหล่านี้ ลู่เสี้ยงหยางยิ้มบาง ๆ เดินไปจูงมือของเย่สวนแล้วออกไปจากสถาบัน
บูม ๆ ๆ
หากผู้ชายที่หัวใจไม่แข็งแรง เหมือนหัวใจถูกเหยียบย่ำลงไปที่พื้น แม่งฉิบ รู้สึกทนไม่ได้กับความรู้สึกบาดใจเช่นนี้
พวกเขาได้แต่ถามตัวเองว่า พวกเขาเหนือกว่าเขยแต่งเข้าไร้ค่าลู่เสี้ยงหยางเป็นพันเท่า แต่ก็ไม่สามารถแต่งงานกับดาวสถาบันอย่างเย่สวน
สิบนาทีผ่านไป ลู่เสี้ยงหยางกับเย่สวนก็ไปถึงร้านหาอารหลิวซิงที่อยู่ใกล้สถาบัน
ร้านอาหารนี้เป็นร้านดัง คู่รักหนุ่มสาวมากมายมักจะเลือกมาทานข้าวที่นี่
ตอนที่สั่งอาหาร เย่สวนเหมือนนกน้อยที่อิงแนบอยู่ในอ้อมกอดของลู่เสี้ยงหยาง ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกมีความสุข ฮ่า ๆ ตอนนี้เย่สวนยิ่งอยู่ยิ่งติดเขามากขึ้น เชื่อว่าอีกไม่นาน เขาจะทำให้การแต่งงานของเขาถูกต้องตามกฎหมายแน่นอน
ไม่กี่นาที ลู่เสี้ยงหยางก็สั่งอาหารเสร็จแล้ว ส่งรายการอาหารให้พนักงานต่อ
และช่วงเวลานี่เอง มีคนหนึ่งที่ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกคุ้นเคย
เป็นหวังเสว่ที่นั่งอยู่โต๊ะตรงข้ามพวกเขา มีผู้ชายร่างใหญ่หล่อเหล่าใส่สูทสวมรองเท้าหนัง นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ
ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกงุนงง หรือสาวเลือดร้อนอย่างหวังเสว่จะมีความรักแล้ว?
เมื่อคิดเช่นนี้ สายตาของเขาก็มองไปที่หวังเสว่หลายรอบ
วันนี้หวังเสว่สวมใส่เสื้อผ้าแนวสปอร์ตรัดรูป ห่อหุ้มรูปร่างที่งดงามของเธออย่างมิดชิด
การแต่งกายเช่นนี้ ทำให้สามารถเห็นสัดส่วนเซ็กซี่ของหวังเสว่ได้อย่างชัดเจน
ไหล่ของเธอตั้งตรง ร่างบางเอวคอด ขาทั้งสองข้างเรียวยาว
ช่างเป็นรูปร่างที่งดงามได้สัดส่วนเสียจริง
แน่นอน รูปร่างของเย่สวนก็เซ็กซี่เช่นกัน แต่เธอไม่ร้อนแรงเหมือนหวังเสว่
ฮ่า ๆ ฉันคิดว่าหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอนั้น คงไม่สามารถตอบสนองความต้องการให้หวังเสว่พอใจได้หรอก
หวังเสว่เป็นคนที่มีความรู้สึกไว คงรู้ว่ามีคนมองเธอ เธอจึงเงยหน้าขึ้นมามอง ประจวบเหมาะเห็นลู่เสี้ยงหยางพอดีเลย
เธอคาดไม่ถึงว่าจะมาเจอ เมื่อได้สติขึ้นมา รีบลุกจากที่นั่ง เดินเข้ามาหาลู่เสี้ยงหยาง ยิ้มแล้วพูดว่า “ลู่เสี้ยงหยาง เย่สวน พวกคนสองคนก็อยู่ที่นี่ด้วย”
เย่สวนไม่คิดว่าหวังเสว่จะมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเธออย่างกะทันหันแบบนี้ รีบผละออกจากอ้อมกอดลู่เสี้ยงหยางทันทีด้วยความใบหน้าที่แดงระรื่น
“เสี่ยวเสว่ รู้สึกดีใจมากที่พบเจอเธอที่นี่ นั่งลงกินข้าวด้วยกันน่ะ” เย่สวนรีบลุกขึ้นทักทายอย่างอบอุ่น
หวังเสว่ยิ้มบาง ๆ ผงกศีรษะ แล้วนั่งลง พูดตามตรง การที่เธอนั่งกินข้าวกับผู้ชายคนนั้น ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาก กำลังอยากหาข้ออ้างจากไป นึกไม่ถึงว่าตอนนี้ เย่สวนกับลู่เสี้ยงหยางอยู่ที่นี่ด้วย ได้โอกาสเป็นตัวช่วยให้เธอพ้นจากสถานการณ์อึดอัดเช่นนี้ได้
ฝั่งซุนยีเฉิน เมื่อมองเห็นคู่หมั้นของเขา ไปนั่งที่โต๊ะโน้น ทำให้เขารู้สึกอึ้งไป
ตัวเองไม่ง่ายเลยที่กลับมาจากไห่ตงเพื่อมาพบเธอ แต่เธอกลับทิ้งตนเอง แล้วไปนั่งที่โต๊ะโน้น
แม่ง!
ซุนยีเฉินรู้สึกโมโหขึ้นมา แต่ก็อดทนไว้ เดิมหวังเสว่ก็ไม่อยากพบเจอเขาอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะว่าแรงกดดันจากตระกูล เธอคงไม่หมั้นกับเขาอย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นหากเขาไม่ทำตัวดี อาจจะถูกเธอถอนหมั้นได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการแต่งงานกับหวังเสว่ในอนาคตเลย
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ซุนยีเฉิน หายใจเข้าลึก ๆ ปรับอารมณ์ของตนเองให้ปกติ ยิ้มแล้วเดินไปนั่งอยู่ข้าง ๆ หวังเสว่
เมื่อเห็นลู่เสี้ยงหยางที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดา เขาก็มองด้วยสายตาที่ดูถูก ดูแล้วเขาคงเป็นเพื่อนคนที่ยากจนของหวังเสว่เป็นแน่
เมื่อเขาเห็นเย่สวน ตาก็ลุกวาวขึ้นมาทันทีเลย
เย่สวนช่างงดงามนัก ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาที่สมส่วน สวยไม่น้อยไปกว่าหวังเสว่
เฮือก ๆ!
เขากลืนน้ำลายลงคออย่างเฮือก ๆ ซุนยีเฉินคิดแผนถ่อยในใจ หากสามารถทำให้เย่สวนกับคู่หมั้นของเขาขึ้นเตียงได้ ในชีวิตเขาก็ถือว่าได้รับชัยชนะอย่างที่สุดแล้ว
ตอนนี้ เย่สวนขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่หวังเสว่แล้วถามขึ้นว่า “เสี่ยวเสว่ เขาคนนี้คือ?”
หวังเสว่ ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่รู้ ฉันก็ไม่รู้จักเขา”
อะไรน่ะ?
ไม่รู้จักตนเอง? !
ซุนยีเฉินรู้สึกอึ้ง แม่งฉิบ คู่หมั้นของเขาบอกว่าไม่รู้จักเขา
“อ้อ” เย่สวนผงกศีรษะ มองซุนยีเฉินแล้วพูดอย่างเยือกเย็นว่า “คุณ คุณนั่งผิดโต๊ะแล้วมั้ง เชิญคุณลุกออกไปค่ะ”
ซุนยีเฉินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มองหน้าลู่เสียงหยางแล้วพูดว่า “แก ไอ้น้อง คนที่กำลังพูดถึงก็คือแก ไสหัวออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้ ฉันจะให้เงินแกหนึ่งแสน”
เพราะในสายตาเขา ลู่เสี้ยงหยางก็คือคนที่ไม่เอาถ่าน เป็นคนที่เห็นแก่เงินอย่างแน่นอน เขาอยากจะเหยียบลู่เสี้ยงหยางให้จมดิน เพื่อที่ตัวเองจะได้สึกรู้มีตัวตน
แล้วก็บอกกับหวังเสว่ ว่า “ดูสิเพื่อนเสเพลที่เธอคบหาแต่ละคน เชื่อถือได้เหรอ? ”