บทที่ 264 เทียนเหมิน
ลู่เสี้ยงหยางเพิ่งออกไปจากห้างสรรพสินค้าไป สีหน้าของหลี่ฉี่หมิงเปลี่ยนทันที จ้องไปที่หม่าจิงจิงกล่าวอย่างน่ากลัวว่า “แม่งเอ๊ย นังตัวดีอย่างแกนี่วันๆเอาแต่สร้างเรื่อง จากนี้ไปห้างเหนียนหัวไม่ต้อนรับแกอีก หากกล้าก้าวเข้ามาเองก้าวเดียว ก็เจอหนึ่งครั้งตีหนึ่งครั้ง ”
หม่าจิงจิงได้พยักหน้าแบบร่างไร้วิญญาณ
หลินอ้าวเสว่ได้มองไปทิศทางที่ลู่เสี้ยงหยางจากไป รู้สึกภายในใจว่างเปล่า หวังตลอดว่า คนที่เดินเคียงข้างลู่เสี้ยงหยางน่าจะเป็นเธอเอง
แต่นี่ก็ได้แค่คิดไปเองเท่านั้น ต่อมา ตบไปที่ไหล่ของหลี่ฉี่หมิง กล่าวว่า:“ทำดีดีล่ะ ”
“ครับครับครับ ผู้อาวุโสหลิน คุณวางใจได้ เพื่อห้างสรรพสินค้าแล้ว ผมจะทำให้ดีที่สุดแม้ต้องตายก็ตาม แต่ว่ายังหวังให้ผู้อาวุโสหลินพูดอะไรดีดีแทนผมต่อหน้าท่านประธานด้วย หนี้บุญคุณนี้ ผมจะไม่ลืมผู้อาวุโสหลินเลย ”หลี่ฉี่หมิงรีบแสดงถึงความภักดี
หลังจากที่ลู่เสี้ยงหยางกับจ้าวหรูเย็นออกจากห้างเหนียนหัวไป แล้วไปเดินเล่นกันต่อที่ตลาดคนเดิน
จ้าวหรูเย็นได้ซื้อแบบกระโปรงที่ชอบทั้งหมดมาอีกรอบ
หลังซื้อของเสร็จ ลู่เสี้ยงหยางได้พาจ้าวหรูเย็นไปตากลมเล่นที่ปินเหอ
กินมื้อเย็นในตอนกลางคืน ก็เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว เวลาที่จะจากกับลู่เสี้ยงหยางใกล้เข้ามาทุกที
แม้ว่าจ้าวหรูเย็นฝืนตัวเองให้ยิ้มตลอด แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ลู่เสี้ยงหยางถอนหายใจ แล้วพูดกับจ้าวหรูเย็นว่า “ที่จริงเรื่องนี้ผมก็รู้สึกผิด โทษผมที่ความสามารถไม่เพียงพอ ห้ามเธอไม่ไปเทียนเหมินไม่ได้ คุณวางใจได้นะ หลังคุณไป ผมจะหาคนไปดูแลคุณลุงเอง รับรองว่าชาตินี้มีกินมีใช้แน่นอน ”
จ้าวหรูเย็นพยักหน้า พูดอย่างติดอ่าง “ขอบคุณนะ ”
“ไม่ต้องเกรงใจ พวกเราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด มันต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ”ลู่เสี้ยงหยางตอบกลับ
จ้าวหรูเย็นเงียบไปสักพัก พูดว่า:“ฉันว่านี่มันก็ดึกมากแล้ว คุณส่งฉันกลับบ้านได้ไหม จากไปพรุ่งนี้ คุณไม่ต้องไปส่งฉันละ ”
เธอกลัวว่าลู่เสี้ยงหยางไปส่งเธอพรุ่งนี้ ใจเธอจะไม่เด็ดพอที่จะตามท่านยายนั้นไป พอถึงเวลานั้นท่านยายโกรธขึ้นมาล่ะก็ อาจทำเรื่องร้ายๆกับคุณพ่อของเธอและลู่เสี้ยงหยางได้ และนี่เป็นสิ่งที่เธอไม่อยากให้เห็น
ลู่เสี้ยงหยางเข้าใจถึงความกังวลของจ้าวหรูเย็น พยักหน้า พาจ้าวหรูเย็นนั่งรถไฟแล้วส่งเธอกลับไปที่คลินิก
ยี่สิบนาทีหลังจากนี้ ลู่เสี้ยงหยางได้จอดรถอยู่ที่หน้าบ้านทางเข้าคลินิกของจ้าวหรูเย็น
จ้าวหรูเย็นหัวเราะกับตัวเอง แล้วพูดว่า:“ทำไมถึงเร็วจัง ”
ลู่เสี้ยงหยางได้เงียบไปไม่พูดไม่จา เอาความจริง เขาไม่รู้ว่าต้องพูดยังไง
รู้ว่าพรุ่งนี้จ้าวหรูเย็นต้องไปจากปินเหอแล้ว ต่อไปก็ไม่สามารถเจอกันอีกแล้ว ในใจเขารู้สึกหดหู่
จ้าวหรูเย็นถอนหายใจ ยื่นมือไปเปิดประตูรถออก เตรียมจะลงจากรถ แต่ในเวลานี้ เธอได้รวบรวมความกล้า ถามสิ่งที่ใจอยากถามมานาน
“ลู่เสี้ยงหยาง คุณ เคยชอบฉันบ้างหรือเปล่า?”
ลู่เสี้ยงหยางตอบตรงๆว่า “เคยชอบ แต่ว่าฉันมีเย่สวนอยู่ทั้งคนแล้ว ดังนั้น……”
“พอได้ละ ฉันรู้แล้ว คำพูดหลังจากนี้คุณไม่ต้องพูดแล้ว ”จ้าวหรูเย็นได้ขัดการพูดของลู่เสี้ยงหยาง “ฉันแค่รู้ว่าคุณชอบฉัน ก็เพียงพอแล้ว ”
เมื่อเสียงพูดสิ้นสุดลง ใบหน้าของจ้าวหรูเย็นได้ยิ้มออกอย่างพอใจ หันกลับมาอีกรอบ ประกบริมฝีปากของเธอ แล้วจูบไปที่ปากของลู่เสี้ยงหยางทีหนึ่ง
การกระทำนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและก็จบอย่างรวดเร็ว ราวกับแมลงปอแตะโดนน้ำอย่างนั้น จบลงอย่างเร็ว
จ้าวหรูเย็นไม่กล้าที่จะคิดถึงลู่เสี้ยงหยางมากนัก ไม่งั้นเธอคงห้ามใจไม่ไหว ที่จะไปจากที่นี่กับท่านยาย
“ไปแล้ว ฉันจ้าวหรูเย็นชาตินี้ขอรักผู้ชายอย่างลู่เสี้ยงหยางเพียงคนเดียว ได้พบเจอคุณในชาตินี้ ฉันก็พอใจแล้ว ”จ้าวหรูเย็นพูดไปยิ้มไป แต่พอยิ้มไปยิ้มไปก็ร้องไห้ออกมา ในขณะเดียวกันเธอได้กระโดดลงจากรถไปแล้ว เข้าไปในคลินิกอย่างเร่งรีบ ปั้งได้ปิดประตูคลินิกลง
ยังสามารถได้ยินความโศกเศร้าเสียใจมากอย่างแผ่วเบาได้ และเสียงร้องไห้จากใจที่แตกสลาย
ลู่เสี้ยงหยางเกิดอาการหนักใจ อยากเข้าไปเช็ดน้ำตาที่หางตาของจ้าวหรูเย็น แต่ด้วยเหตุผลที่ได้เตือนสติเขา ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้
เพื่อจ้าวหรูเย็น และเพื่อความปลอดภัยของจ้าวต้าไห่ เขาต้องมีสติ
“ลาก่อน หวังว่าต่อไปเรายังสามารถพบเจอกันอีก ” ลู่เสี้ยงหยางพูดกับตัวเอง ตัดสินใจใจร้าย เหยียบคันเร่งจนสุดเท้า รถบีเอ็มM8ได้หายไปในพริบตา
ได้รับผลกระทบจากการจากลา วันนี้ทั้งคืนลู่เสี้ยงหยางไม่สามารถหลับได้เลย ในเช้าวันที่สอง ก็ตื่นมาทำอาหารเช้าให้กับเย่สวนและหลิวจิ้ง หลังกินเสร็จเขามุ่งหน้าไปยังหยูเม่ยหยินกรุ๊ป
นั่งอยู่ในห้องทำงานสักพักละ ใจก็ไม่สามารถนิ่งได้ แท้จริงแล้วจ้าวหรูเย็นอยู่ในตำแหน่งหัวใจเขา มันสำคัญมากขนาดนี้เลย
แม่งเอ๊ย! เป็นเพราะไอ้เทียนเหมินที่สมควรตายนี้ ได้บีบบังคับคน พาจ้าวหรูเย็นไป
แต่ลู่เสี้ยงหยางก็รู้สึกหดหู่ใจ เทียนเหมินเป็นหนึ่งในห้าลัทธิใหญ่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้เอาแต่ใจอย่างนี้ ข่มขู่ผู้อื่นทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ แล้วนี่มันต่างอะไรไปกับปีศาจมารที่ไม่มีเหตุผลล่ะ?
ในใจรู้สึกแปลกใจกับเทียนเหมิน ดังนั้นเขาจึงโทรไปหาหวังเสว่ เตรียมสืบหาเรื่องราวจากเธอหน่อย ยังไงซะหวังเสว่ก็เป็นลูกศิษย์ของหลิวหลีกง น่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเทียนเหมินหน่อย
ไม่นานก็โทรติด เสียงคมชัดของหวังเสว่ได้พูดออกมา:“คุณชายลู่คะ โทรหาฉันธุระอะไรหรือเปล่าคะ?หรือว่าจะเป็นเรื่องการฆาตกรรมที่ไร้ศีรษะนั่น มีความคืบหน้ามาอีก?”
ลู่เสี้ยงหยางเหงื่อตกไปแป๊บ ดอกทองนี่! ในสายตาของหวังเสว่มีแต่คดีความหรือยังไง?
“ไม่ใช่ ผมแค่มีเรื่องหนึ่งอยากทำ ”ลู่เสี้ยงหยางกล่าว
“ก็ได้ คุณว่ามา หากเป็นเรื่องที่ฉันรู้ฉันจะตอบคุณทุกอย่าง ”หวังเสว่ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
ลู่เสี้ยงหยางได้ถามไป “รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเทียนเหมินบ้างไหม?”
“อะไรนะ?สถานการณ์ของเทียนเหมิน คุณถามเรื่องนี้ไปทำไม?”หัวงเสว่รู้สึกอาการเปลี่ยนไปเล็กน้อยทันที
ลู่เสี้ยงหยางตอบอย่างเย็นชาว่า “อันนี้คุณไม่ต้องรู้หรอก เล่าสิ่งที่คุณรู้ให้ผมฟังก็พอ ”
หวังเสว่ได้เงียบไปกี่วิ ถึงจะพูดว่า:“ลัทธิเทียนเหมินนี้ไม่ธรรมดาเลย คุณไม่รู้จะยังดีกว่า ไม่งั้นอาจนำความเดือดร้อนเข้าหาตัวเองได้ พอละ ฝั่งฉันยังมีคดีบางส่วนต้องจัดการอีก แค่นี้ก่อนละกัน บ๊ายบาย ”
ตูตู!
พูดจบ ยังไม่ได้ปล่อยให้ลู่เสี้ยงหยางมีโอกาสได้ถาม หวังเสว่ก็ได้วางสายไป ลู่เสี้ยงหยางรู้ว่านี่เป็นการหลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้ของหวังเสว่ เธอไม่อยากเล่าเรื่องของเทียนเหมิน
แม่งเอ๊ย หรือว่าเทียนเหมินมีเรื่องภายในที่ไม่สามารถให้ใครรู้ได้?
ลู่เสี้ยงหยางปวดหัวทันที แม่งเอ๊ยนี่ ผู้หญิงอ่อนแออย่างจ้าวหรูเย็นตกอยู่ในมือของเทียนเหมิน จะมีชีวิตดีดีอยู่ได้ยังไง?
ถูกหวังเสว่ทำแบบนี้ ความอยากรู้ของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอีก เริ่มการโทรอีกเบอร์หนึ่งออกไป
เบอร์นี้นานมากแล้วที่เขาไม่เคยโทร
เบอร์นี้เป็นเบอร์ของอาจารย์ที่เคยสอนศิลปะการต่อสู้ให้เขา
หลายปีก่อน อาจารย์ของเขาได้ถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้จบลง กำชับเขาว่า ต่อไปถ้าไม่จำเป็นจริงๆไม่ต้องติดต่อเขา
ลู่เสี้ยงหยางเคารพอาจารย์ท่านนี้มาตลอด ดังนั้นได้เชื่อฟังคำกำชับของเขา
โทรศัพท์ดังไปแป๊บหนึ่ง ถึงมีคนรับสาย ข้างในได้มีเสียงแก่ๆดังออกมา:“นายโทรหาฉันจนได้นะ เร็วกว่าที่คิดไว้อีก ”
แม่ง อาจารย์รู้ทันว่า ไม่ช้าก็เร็วผมจะโทรมาหางั้นเหรอ ? ลู่เสี้ยงหยางมึนไปหมด
“อาจารย์ ผมอยากถามเรื่องๆหนึ่งหน่อยครับ ” ลู่เสี้ยงหยางได้ยิ้มแล้วพูดไป น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคารพ
“ว่ามาสิ ”
“ครับ อาจารย์ ท่านรู้อะไรเกี่ยวเทียนเหมินไหมครับ?”ลู่เสี้ยงหยางก็ไม่อยากไร้สาระ ถามไปแบบตรงๆเลย
“เทียนเหมิน?”อีกฝั่งของโทรศัพท์ก็ได้เงียบไป