บทที่ 245 ขอให้เจริญรุ่งเรืองนับหมื่นปี!
แต่น่าเสียดายที่หม่าเปินถึงและจูเทียนเซิงต่างก็ไม่ได้สนใจพวกคนอย่างหานปิงหานเลย พวกเขาเดินอ้อมเธอแล้วตรงเข้าไปหาซุนเซียงเซียงทันที
“คุณซุนครับ ต้องขออภัยที่พวกเรามาสายนะครับ หวังว่าคุณจะช่วยอธิบายให้ท่านประธานของคุณได้รับทราบนะครับ” หม่าเปินถึงและจูเทียนเซิงพูดถึงลู่เสี้ยงหยางด้วยความเคารพนับถือ
ความจริงแล้วพวกเขาจำเป็นต้องขอที่พึ่งจากตระกูลลู่ ดังนั้น ทันทีที่ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับหยูเม่ยหยินกรุ๊ป พวกเขาก็รีบมาแสดงความจริงใจเพื่อหวังว่าสักวันหนึ่งตระกูลลู่จะส่งเสริมพวกเขาได้
ซุนเซียงเซียงพยักหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวลค่ะ ท่านประธานของเราไม่ว่าอะไรหรอก”
ท่านประธานของเธอก็อยู่ที่นี่ด้วยแล้วไม่ใช่หรือ? แต่น่าเสียดายพวกเขายังไม่ทันสังเกต
แน่นอนว่าซุนเซียงเซียงยังไม่ได้เปิดเผยตัวตนของลู่เสี้ยงหยาง เธอรู้ดีว่าลู่เสี้ยงหยางนั้นเป็นคนถ่อมตนและไม่ชอบเปิดเผยตัวตนของเขา
เมื่อได้เห็นภาพนี้ ทั่วทุกสี่มุมก็เงียบลงจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจ
ให้ตายสิ!
เป็นไปได้ไง?
คนระดับอย่างหม่าเปินถึงกับจูเทียนเซิงจำเป็นต้องให้เกียรติซุนเซียงเซียงขนาดนี้เลยหรือ?
รอยยิ้มอันร่าเริงของหานปิงหานกับจางเทาและคนอื่นๆ ก็หายไปทันที แทนที่ด้วยความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ
เย่สวนเองก็รู้สึกเหลือเชื่อมาก สมเป็นคุณชายตระกูลลู่จริงๆ และเธอไม่คิดเลยว่าลู่เสี้ยงหยางจะรู้จักคนระดับนี้ได้
แต่อย่างไรก็ตาม ความกลัวของหานปิงหานกับจางเทาและคนอื่นๆ เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
ขณะนี้มีขบวนรถอีกขบวนหนึ่งแล่นเข้ามาจากที่ไกล
รถสิบคันหน้าที่ขับนำมาเป็นรถยี่ห้อออดี้สีเขียวขี้ม้า ซึ่งรถออดี้ที่อยู่ในท่ามกลางรถหรูมากมายของเหล่าเศรษฐีนั้นไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย แต่ที่โดดเด่นคือป้ายทะเบียนของพวกเขาเป็นสีขาวทั้งหมด
ซึ่งเป็นรถของข้าราชการทหารเท่านั้น!
ที่สำคัญกว่านั้นคือตัวเลขบนป้ายทะเบียนของรถเหล่านี้ดูน่าตื่นตาเป็นพิเศษ
เจียง B00001!
เจียง C00001!
ชิง A00001!
หลายคนที่มีสภาพจิตใจอ่อนไหวง่ายก็เริ่มขาสั่นกันแล้ว ไม่ว่าเขาจะร่ำรวยและมีอำนาจมากแค่ไหนก็จะใหญ่ค้ำคนเหล่านี้ไม่ได้!
“ไม่นะ เป็นแบบนี้ได้ไง” หานปิงหานและจางเทามองหน้ากัน สีหน้าทั้งสองเริ่มแย่ลงทุกที ถ้าเป็นแค่เศรษฐีที่ออกมาช่วยลู่เสี้ยงหยางพวกเขายังยอมรับมันได้ แต่ทำไมตอนนี้แม้แต่เหล่าทหารก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
คนเหล่านี้มีสถานะสูงเกินไป ไกลเกินกว่าพวกเขาจะเทียบเท่าได้
คลืน……
ขบวนรถที่ขับตามรถออดี้มาเป็นรถหุ้มเกาะทั้งหมด เป็นขบวนรถที่ยาวเป็นหางมังกรที่แล่นเข้ามาด้วยความเร็ว ดูเหมือนจะขนมากันทั้งกองทัพ
ผู้คนนับล้านบนหน้าจอทีวีเริ่มตื่นตัวขึ้น
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครสนใจหยูเม่ยหยินกรุ๊ป ต่างก็คิดว่าหยูเม่ยหยินกรุ๊ปต้องถูกตระกูลหานเล่นงานอย่างไม่เหลือซากแน่
ไม่มีใครคิดเลยว่าหยูเม่ยหยินกรุ๊ปจะมีพาวเวอร์ได้ขนาดนี้ ไม่เพียงแต่มีมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเทียนเหอกับชิงโจวและเศรษฐีระดับต้นๆ จากไห่ตงเข้ามาช่วยเหลือ และยังตามด้วยบอสใหญ่ของเหล่าทหารที่พากันมาเป็นกองทัพด้วย
“ให้ตายเหอะ นี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ ประธานที่อยู่เบื้องหลังของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปเป็นคนลึกลับขนาดไหนกันเนี่ย”
“ไม่ เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ภูมิหลังของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปคือคุณชายตระกูลลู่จากเมืองหลวง แต่เขาไม่ได้มีอำนาจมากมายขนาดนี้ และเหล่าขุนพลคงไม่ลดตัวมาให้เกียรติคนชนชั้นสูงจากเมืองหลวงหรอก”
“ให้ตายสิ มันจะแปลกเกินไปแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ทันใดนั้นก็เกิดคอมเมนต์มากมายขึ้น
และในขณะนี้ ด้านหน้าประตูโรงงานผลิตของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป
ประตูรถออดี้ป้ายทะเบียนสีขาวถูกเปิดออก เหล่าชายชุดลายพรางก้าวลงมาจากรถทีละคน
ชายเหล่านี้รูปร่างสูงใหญ่และดูน่าเกรงขามมาก พวกเขาเดินไปข้างหน้าแล้วทำความเคารพซุนเซียงเซียง
ครั้งนี้ซุนเซียงเซียงถึงกับสับสน เธอก็ไม่เข้าใจรายละเอียดนี้เหมือนกัน
ลู่เสี้ยงหยางที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้แต่นึกถึงเรื่องในอดีตแล้วอมยิ้มจางๆ
ก่อนหน้าที่เขายังเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านตระกูลเย่ เขาได้ใช้ทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของเขาช่วยเหลือชายชราคนหนึ่งไว้ แต่เขาเพิ่งรู้ในภายหลังว่าชายชราผู้นั้นเป็นถึงระดับนายพล
ชายชรารู้สึกซาบซึ้งและชื่นชมในตัวของลู่เสี้ยงหยางมาก จากนั้นทั้งสองจึงกลายเป็นเพื่อนกัน
และครั้งนี้ ทันทีที่ชายชราได้ข่าวว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหยูเม่ยหยินกรุ๊ป เขาจึงส่งคนของเขามาทันที
หลังจากที่รู้สึกอึ้งไปสักพัก ซุนเซียงเซียงก็รีบยิ้มตอบ “ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเพื่อมาสนับสนุนหยูเม่ยหยินกรุ๊ปของเรานะคะ”
ชายในชุดลายพรางส่ายหัวและรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขารู้สึกน่าเสียดายที่ไม่ได้พบกับชายหนุ่มคนที่เคยช่วยชีวิตหัวหน้าของพวกเขา
หัวหน้าได้บอกกับพวกเขาว่า วัยรุ่นที่ช่วยชีวิตเขาคนนั้นเป็นประธานของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปที่นี่ แต่วันนี้ดูเหมือนว่าประธานจะไม่อยู่ เพราะคนที่มาต้อนรับพวกเขานั้นเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง
และในตลอดหลายปีที่ผ่านมา หัวหน้าได้คุยโวในค่ายอยู่เสมอว่า ชายหนุ่มคนที่ช่วยชีวิตเขาคนนั้นมีทักษะทางการแพทย์ที่เขย่าโลก
ในขณะนั้น ชายในชุดลายพรางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาทหารที่ยืนอยู่ด้านนอก หลังจากทหารได้รับคำสั่งแล้วพวกเขาก็ตะโกนโดยพร้อมเพรียงกันขึ้นมาทันที
“ขอแสดงความยินดีกับหยูเม่ยหยินกรุ๊ป และขอให้หยูเม่ยหยินกรุ๊ปเจริญรุ่งเรืองนับหมื่นปีครับ!”
“จุดปืนใหญ่”
ตูมๆ ๆ!
ปืนใหญ่ที่ชี้ขึ้นฟ้าแล้วยิงสลุตออกไปจนทำให้เสียงดังสนั่นไปหลายร้อยเมตร
ช่างเป็นฉากที่อลังการซึ่งหาดูได้ยากในเมืองปินเหอจริงๆ
และฉากที่งดงามนี้ทำให้หานปิงหานและลูกน้องคนอื่นๆ ถึงกับสั่นไปทั้งตัว พวกเขากลัวเหมือนถูกสัตว์ร้ายกำลังจ้องที่จะกลืนกินตัวเอง
ใบหน้าอันหยิ่งผยองของหานปิงหานกลับกลายเป็นหดหู่และทำอะไรไม่ถูก เธอคิดว่าเธอสามารถเอาชนะลู่เสี้ยงหยางและทำลายหยูเม่ยหยินกรุ๊ปได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่คิดเลยว่าตอนนี้ชะตาชีวิตของเธอกลับตกอยู่ในน้ำมือของลู่เสี้ยงหยางไปแล้ว
ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าลู่เสี้ยงหยางอยากให้เธอตายจริงๆ ก็คงไม่มีใครกล้าห้ามหรอก
สายตาของจางเทาจับจ้องไปที่ลู่เสี้ยงหยางราวกับว่าเห็นมัจจุราช ถ้าเขารู้แต่แรกว่าลู่เสี้ยงหยางมีอำนาจขนาดนี้ เขาคงทรยศหานปิงหานอย่างไม่ลังเลแล้วขอเข้าพวกกับลู่เสี้ยงหยางไปนานแล้ว
หลินเซี่ยวเทียนรู้สึกกังวลจนลำไส้ปั่นป่วนไปหมด ถ้ารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้เขาคงยอมให้ลู่เสี้ยงหยางส่งไอ้ลูกชายเหลือขอของเขาไปเข้าคุกตั้งนานแล้ว ทำไมเขาต้องมาเป็นศัตรูกับลู่เสี้ยงหยางด้วย
เหอเทียนหลินก็ชาไปทั้งหน้า เขาไม่รู้เหมือนกันว่าจะรอดไปจากภัยพิบัติของวันนี้ได้อย่างไร?
ส่วนผู้ติดตามคนอื่นๆ ก็เสียใจอย่างที่สุด พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ได้ผลประโยชน์จากหานปิงหาน แต่ยังต้องสร้างมรสุมให้กับชีวิตด้วย
จากนั้นลู่เสี้ยงหยางส่งข้อความไปให้ซุนเซียงเซียง เมื่อซุนเซียงเซียงอ่านข้อความนั้นเสร็จ เธอก็หันไปยิ้มพูดกับหานปิงหาน “วันนี้เกรงว่าทางเราจะทำให้พวกคุณต้องผิดหวังแล้วนะคะ แต่ท่านประธานของเราและทุกคนในหยูเม่ยหยินกรุ๊ปของเราต่างก็เป็นคนใจกว้าง ถ้าพวกคุณยอมคุกเข่าขอร้องและยอมรับผิด ทางเราอาจจะไม่ถือโทษพวกท่านก็ได้นะคะ”
หานปิงหานและคนอื่นๆ จนปัญญาแล้ว แต่พวกเขายังมีความหวังสุดท้ายในใจ นั่นก็คือสวีปิน
ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเทียนเหอหรือว่าชิงโจว หรือว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตในกองทัพก็ตาม พวกเขาต่างก็ไม่สามารถต่อต้านนโยบายของประเทศชาติได้
สถานที่แห่งนี้ได้ถูกอนุมัติให้รื้อถอนจากกรมโยธาธิการและผังเมืองแล้ว ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องถูกดำเนินการ
สวีปินที่กำลังจะถดถอย แต่เมื่อนึกถึงผลตอบแทนของความสำเร็จคือตัวของหานปิงหานแล้ว เขาก็เกิดความหื่นขึ้นสมองทันที เขาไม่คำนึงถึงผลที่ตามมาและยืนขึ้นแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ถ้าพวกคุณรำลึกกันเสร็จก็เชิญย้ายที่ได้แล้วนะครับ ทางเราจะได้ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างนี้สักที แล้วก็กรุณาอย่าเข้ามาขวางเรานะครับ เพราะเรามีระยะเวลาที่กำหนด ไม่สามารถล่าช้าได้”