บทที่ 217 ไอ้คนกระจอกที่หวังกินข้าวฟรี
ไอ้คนกระจอกที่หวังกินข้าวฟรี
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังเสว่ สายตาของลู่เสี้ยงหยางก็เกิดเลศนัยขึ้นมาทันที บ้าเอ้ย นางตัวแสบคนนี้คิดจะเล่นกลกับเรางั้นหรือ ฮ่าๆ ไม่มีทางหรอก
“ฮ่าๆ ศิษย์น้อง น้องสาวที่แสนดีของพี่ รีบบอกพี่มานะว่าตอนนี้พี่อยู่ในระดับไหนแล้ว” ลู่เสี้ยงหยางพูดด้วยอารมณ์ขัน
“.…..” หวังเสว่ถึงกับไปต่อไม่เป็น และใบหน้าของเธอค่อยๆ แดงขึ้นมาอีกครั้ง
พี่น้องที่แสนดีบ้าบออะไรกัน นายนั่นแหละที่ต้องเป็นน้องที่แสนดี
“แล้วพบกันใหม่ เปลี่ยนใจเมื่อไหร่ค่อยติดต่อมาก็แล้วกันนะไอ้น้องชายที่แสนดี” หวังเสว่กวักมือไล่เขา
ลู่เสี้ยงหยางก็หมดธุระจึงหันเดินจากไป
เมื่อเห็นลู่เสี้ยงหยางจากไปอย่างไร้เยื่อใยเธอก็ยิ่งรู้สึกหมั่นไส้
……
หลังจากลู่เสี้ยงหยางออกไป เขาก็ตรงเข้าไปที่กองถ่ายแล้วเริ่มทำการถ่ายทำต่อ
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมาเขาได้รับได้สายจากซุนเซียงเซียง
ในสายนั้น เสียงพูดของซุนเซียงเซียงฟังดูกังวลมาก
“ท่านประธานคะ ที่หยูเม่ยหยินกรุ๊ปของเราเกิดปัญหาขึ้นอีกแล้วค่ะ”
ลู่เสี้ยงหยางขมวดคิ้วถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
ซุนเซียงเซียงพูดต่อ “ตอนนี้ข่าวของโรงงานเราที่จะถูกสั่งให้รื้อถอนได้แพร่กระจายออกไปจนทำให้พันธมิตรและนักลงทุนที่นับไม่ถ้วนเริ่มมีปัญหา พวกเขาต่างก็จะยกเลิกสัญญากับเรา ดังนั้นจึงทำให้หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของเราได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งตอนนี้คาดว่าบริษัทของเราเสียหายไปนับพันล้านแล้วนะคะ”
ลู่เสี้ยงหยางพูดอย่างใจเย็น “ยังไม่ต้องห่วงเรื่องหุ้น คุณทำการตลาดไปก่อน ต้องเอาตลาดทั้งหมดที่ชิงเหอกรุ๊ปแย่งไปกลับคืนมาให้ได้”
“รับทราบค่ะท่านประธาน ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะ” ซุนเซียงเซียงพูดเสร็จก็วางสายทันที
ลู่เสี้ยงหยางกลับไปแสดงบทบาทของเขาต่อ
จนถึงฟ้ามืด ทีมงานถ่ายทำบทของวันนี้ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ทุกคนกำลังเก็บข้าวของเพื่อเตรียมเลิกงาน แต่ลู่เสี้ยงหยางกลับได้รับสายที่ไม่คาดคิด เป็นสายเรียกเข้าจากหลิ่วหรูยู่
ในสายนั้น เสียงของหลิ่วหรูยู่ค่อนข้างเบา “คืนนี้คุณมีเวลาไหม? ฉันอยากชวนคุณไปดื่ม”
ลู่เสี้ยงหยางคิดว่าจะปฏิเสธหลิ่วหรูยู่ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอ ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธไม่ลงและทำได้เพียงพยักหน้าตอบ “คุณบอกสถานที่กับเวลามาสิ”
“บลูไอส์แลนด์ KTV คุณมาตอนนี้เลยนะ” หลิ่วหรูยู่พูดจบก็วางสายลง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ลู่เสี้ยงหยางก็ได้พบกับหลิ่วหรูยู่ที่หน้าลานจอดรถของบลูไอส์แลนด์ KTV
หลังลงจากรถเขาก็เดินเข้าไปหาหลิ่วหรูยู่ เขาเห็นเพียงใบหน้าที่งดงามของเธอซีดเซียวเล็กน้อย และดวงตาที่ยังคงชุ่มชื้นไปด้วยน้ำตา
ลู่เสี้ยงหยางถามเธอด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้น? คุณโอเคไหม?”
หลิ่วหรูยู่ได้แต่ส่ายหัวตอบ “เราเข้าไปก่อนดีกว่า”
“อื้ม” ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในร้านKTVพร้อมกับหลิ่วหรูยู่
แต่เขาเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนขึ้นว่า “ลู่เสี้ยงหยาง”
เมื่อลู่เสี้ยงหยางหันไปมองก็เห็นจ้าวหรูเย็นจับมือโจวอานเดินเข้ามาด้วยความหวานแหวว
ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกประหลาดใจกับภาพที่เห็นเล็กน้อย จ้าวหรูเย็นตอบตกลงกับโจวอานแล้วคบกันแล้วหรือ?
ลู่เสี้ยงหยางยังคงสับสน จ้าวหรูเย็นเกลียดโจวอานมาตลอดเลยไม่ใช่หรือ? แล้วมันเกิดอะไรขึ้น
แต่หารู้ไม่ หนึ่งคือจ้าวหรูเย็นถูกจ้าวต้าไห่พ่อของเธอกดดัน สองคือเธอหลงใหลในกลอุบายของโจวอาน
หลายวันก่อนหน้านี้ จ้าวหรูเย็นเดินช็อปปิ้งอยู่คนเดียวในช่วงกลางคืน โจวอานจ้างอันธพาลหลายคนเพื่อจัดฉากก่อกวนจ้าวหรูเย็น และในช่วงเวลาสำคัญโจวอานก็กระโดดออกไปช่วยจ้าวหรูเย็นไว้
เพื่อจะให้สมจริง โจวอานจงใจปล่อยให้ตัวเองถูกพวกอันธพาลรุมทำร้ายจนเลือดท่วมตัว ในระหว่างนั้นเขาก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะพวกอันธพาลแล้วไล่พวกมันไปได้หมด
นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ความรู้สึกที่จ้าวหรูเย็นมีต่อโจวอานก็เปลี่ยนไป
ถึงแม้ในใจจะมีลู่เสี้ยงหยางอยู่ตลอด แต่ลู่เสี้ยงหยางมีผู้หญิงคนอื่นแล้ว เธอบอกตัวเองอยู่เสมอว่าเธอกับลู่เสี้ยงหยางนั้นเป็นไปไม่ได้
ตามด้วยความหวานชื่นที่โจวอานมอบให้เธอ ทำให้เธอหลงอย่างปฏิเสธไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองถึงได้สร้างความสัมพันธ์ให้เป็นคู่รักอย่างเป็นทางการ
แต่อย่างไรก็ตาม จ้าวหรูเย็นเป็นคนรักนวลสงวนตัว และไม่ว่าโจวอานจะล่อลวงยังไง เธอก็ยังรักษาบรรทัดฐานของไว้
“คุณเองเหรอ หรูเย็น” ลู่เสี้ยงหยางไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะได้พบกับจ้าวหรูเย็นที่นี่
สายตาของจ้าวหรูเย็นจับจ้องไปที่หลิ่วหรูยู่ สีหน้าของเธอค่อยๆ ดูแย่ลง
ก่อนหน้านี้ลู่เสี้ยงหยางเข้าร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่รุ่นสองของชิงเหอกรุ๊ป เขาได้สร้างศัตรูกับตระกูลหานและตระกูลเหอไปแล้ว ดังนั้นหลังเกิดเหตุเธอให้ลู่เสี้ยงหยางออกไปจากปินเหอโดยเร็วที่สุด แต่ไม่คิดเลยว่าผู้ชายคนนี้ยังอยู่
แถมไม่พอยังคลุกคลีกับหลิ่วหรูยู่ด้วย
“เหอะ ลู่เสี้ยงหยาง ดูเหมือนว่าคุณคงไม่คิดจะไปไหนแล้วสินะ คำพูดของฉันคงเป็นได้แค่ลมปากเท่านั้น ฉันคงคิดไปเองจริงๆ” จ้าวหรูเย็นพูดด้วยสีหน้าตึงเครียดและรู้สึกเจ็บแสบในใจ
ลู่เสี้ยงหยางคนนี้เกินไปแล้วจริงๆ เธออุตส่าห์เป็นห่วงเขา แต่เขากลับตอบสนองเธอแบบนี้ได้ยังไง?
“พวกคุณมีเรื่องเข้าใจผิดกันเหรอ?” เมื่อหลิ่วหรูยู่เห็นสีหน้าของจ้าวหรูเย็น เธอจึงถามลู่เสี้ยงหยาง
ลู่เสี้ยงหยางยิ้มพูด “มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อยน่ะ คุณเข้าไปก่อนสิ เดี๋ยวผมตามไป”
“อื้ม ได้ค่ะ” หลิ่วหรูยู่พยักหน้าแล้วเข้าไปในร้านKTVก่อน
สายตาของโจวอานมองไปที่หลิ่วหรูยู่อย่างมีนัย หลิ่วหรูยู่มีหุ่นที่เร่าร้อนเป็นพิเศษ ที่สำคัญกว่านั้นเธอมีความเย็นเยือกในตัว เป็นความเย็นเยือกที่เข้าถึงได้ยาก แต่กลับทำให้ผู้ชายอย่างเขารู้สึกปรารถนาที่จะพิชิตมัน
เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เพราะคนกระจอกอย่างลู่เสี้ยงหยางทำไมถึงมีสิทธิ์ได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงเพอร์เฟคแบบนี้?
“เหอะๆ หรูเย็น บางทีเราอาจจะเข้าใจผิดกันก็ได้นะ หรือว่าเขาอาจจะมีเรื่องลำบากใจก็เป็นไปได้” โจวอานดูเหมือนจะพูดเข้าข้างลู่เสี้ยงหยาง แต่ความจริงแล้วมันเป็นการใส่พริกใส่เกลือซะมากกว่า
แน่นอนว่าเมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าจ้าวหรูเย็นก็ยิ่งตึงเครียดกว่าเดิม เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ลำบากใจเหรอ? ใครไม่มีเรื่องลำบากใจล่ะ แต่ใช่ว่าผู้ชายทุกคนจะเกาะผู้หญิงกินสักหน่อย”
ลู่เสี้ยงหยางเกาะผู้หญิงกินก็ว่าไปอย่าง ปัญหาคือเขาเป็นลูกเขยตระกูลเย่ไปแล้ว แต่ทำไมถึงอยู่กับหลิ่วหรูยู่ได้ ช่างเป็นผู้ชายที่กะล่อนปลิ้นปล้อนจริงๆ
เมื่อพูดจบแล้วจ้าวหรูเย็นก็รู้สึกเจ็บใจไม่น้อย เธอหวังอยากให้ลู่เสี้ยงหยางยืนหยัดในตัวเองมากขึ้น เธอไม่อยากให้ความรู้สึกดีๆ ที่เธอมีต่อเขาถูกปนเปื้อนไป
แม้ว่าความจริงตรงหน้าจะชัดเจนแล้ว เธอกับลู่เสี้ยงหยางนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เธอก็ยังหวังดีต่อเขาอยู่เสมอ
อาจมีปาฏิหาริย์ที่ทำให้ลู่เสี้ยงหยางไม่ต้องพึ่งพาในผู้หญิงก็ได้
แต่ทุกวันนี้ที่เขาเกาะผู้หญิงกินก็ทำให้ความหวังดีของเธอสูญเปล่าไปมากเพียงพอแล้ว
โจวอานหัวเราะแล้วมองไปที่ลู่เสี้ยงหยางด้วยสายตายั่วยุและพูดต่อ “เขาอาจจะลำบากยากจนมากเกินไป จึงทำอะไรที่เหมือนคนธรรมดาไม่ได้……”
จ้าวหรูเย็นขัดจังหวะก่อนที่เขาจะพูดจบ
“ความยากจนกับใจเสาะมันต่างกันนะ” ในสายตาเธอ ลู่เสี้ยงหยางก็คือคนใจเสาะ เป็นแค่คนที่ต้องคอยพึ่งพาคนอื่น
เขามีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมแท้ๆ เขาสามารถหาเลี้ยงชีพด้วยวิชานี้ก็ได้ แต่ทำไมเขาถึงขี้เกียจขนาดนี้ ไม่แม้แต่ดิ้นรนหาโอกาสทำงานเลย
โจวอานถอนหายใจแล้วทำท่าเป็นห่วงลู่เสี้ยงหยาง “หรือไม่ก็ให้เขาไปทำงานที่บริษัทผมสิ ผมจะให้ค่าตอบแทนเดือนละ 6000 หยวน เพื่อจะแก้ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายของเขาได้ เฮ่อ อันที่จริงตามความสามารถของเขาแล้วควรได้รับ 2000 หยวนต่อเดือนเท่านั้น แต่ช่วยไม่ได้เพราะเราเป็นเพื่อนกัน อีกอย่างพนักงานในบริษัทอาจจะคิดว่าผมไม่ยุติธรรมก็ได้ แต่ผมจะยอมรับมัน” เป็นคำพูดที่หน้าไหว้หลังหลอกอย่างที่สุด