บทที่ 165 สืบหาความจริง
ทางด้านลู่เสี้ยงหยาง เขาสามารถมองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งขวางกั้นทางเดินของหลิวจิ้ง
ชายหนุ่มดูชั่วร้าย กวาดสายตาไปยังช่วงล่างของหลิวจิ้ง ด้วยความปรารถนา
มืออันหยาบกร้านของเขาจ้วงจับของสงวนที่ช่วงบนของหลิวจิ้งเป็นระลอก
หลิวจิ้งตกใจจนใบหน้าขาวซีด พร้อมเดินถอยหลังไม่หยุดหย่อน
“ไอ้สวะ” ลู่เสี้ยงหยางเผยสายตาเย็นเยียบ กล้าลวนลามแม่ยายเขา อยากตายสินะ
เขาสาวเท้าไปยังหลิวจิ้งอย่างรวดเร็ว อย่างไม่รอช้า
เพราะเป็นช่วงกลางดึก หลิวจิ้งเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยง เธอจึงอยู่ในชุดราตรี
กระโปรงสีแดงฉานยาวคุมเข่าที่ขาวเนียน เผยเรียวขายาวงาม ผิวเนียนนุ่มไร้ที่ติ เสมือนเพิ่งออกมาจากการแช่น้ำนม
พร้อมกับช่วงบน ที่เผยให้เห็นไหปลาร้าสุดเซ็กซี่
เท้าที่เล็กเรียวเหยียบอยู่บนรองเท้าส้นสูงที่เข้ากันได้ดีกับชุดที่เธอใส่
หลิวจิ้งที่แต่งตัวเช่นนี้ ทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ของสาวรุ่นใหญ่ น่าดึงดูดเสียยิ่ง
เมื่อเห็นการมาเยือนของลู่เสี้ยงหยาง หัวใจที่เต้นรัวด้วยความตระหนกของหลิวจิ้ง กลับผ่อนคลายลง พร้อมมุ่งไปอยู่ข้างลู่เสี้ยงหยาง
ชายหนุ่มกวาดสายตาไปตามการเคลื่อนไหวของหญิงสาว เขานิ่งไปเมื่อเห็นเงาร่างของลู่เสี้ยงหยาง ก่อนที่ชายหนุ่มจะเผยความสุกร้าวราวปีศาจ
ไอ้หมอนี่มาไม่ได้เวลาจริงๆ ทำลายเรื่องดีๆของเขาย่อยยับ
“ประธานหลี่ มีคนมารับฉันกลับบ้านแล้ว ท่านไม่ต้องไปส่งฉันแล้ว” หลิวจิ้งเอ่ยกับชายหนุ่ม
ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาด “หลิวจิ้ง เธอนี่มันใช้ได้เลย อายุปูนนี้แล้วยังชอบกินหนุ่มรุ่นลูกอีกหรือ ผมว่าร่างตัวผมแห้งแค่นี้คงไม่ทำให้คุณมีความสุขขึ้นมาได้หลอก แม้ภายนอกผมจะสู้เขาไม่ได้ แต่พละกำลังของผมใช้ได้เลยนะ ไม่ลองหน่อยเหรอ ผมรับรองว่าคุณจะไม่มีวันลืมเลย”
ได้ยินประโยคที่ไม่เข้าหู หลิวจิ้งโมโหจนสั่นเทาไปทั่วร่าง สีหน้าเขียวปั้ด
“เหอะ ปากปลาร้า” ลู่เสี้ยงหยางอุทานด้วยความเหยียดหยาม พร้อมความโกรธที่สามารถลงมือได้ทุกเมื่อ
แต่กลับถูกหลิวจิ้งห้ามปราม หลิวจิ้งส่ายหน้าให้กับเขา ไม่ให้เขาวู่วาม
“บ้าเอ้ย ไอ้ขยะ คิดว่าตัวเองเด็กกว่าแล้วสามารถอวดโอ้ต่อหน้าฉันได้งั้นเหรอ คราวหน้าเจอฉัน ช่วยระวังตัวไว้ด้วย ไม่อย่างนั้นฉันเอาแกตายแน่” ชายหนุ่มสบถใส่ลู่เสี้ยงหยาง ทิ้งท้ายประโยคด้วยความโอหัง ก่อนเปิดประตูรถเคลื่อนออกจากที่
สักครู่ หน้าต่างประตูรถถูกเลื่อนลง ชายหนุ่มยื่นใบหน้าออกมา ส่งยิ้มอันโสโครกให้กับหลิวจิ้ง “ประธานหลิว ต้องการการสนับสนุนจากผม ก็มาเจรจากับผมคืนพรุ่งนี้ ผมจะรอคุณ”
จบคำ ชายหนุ่มเคลื่อนรถออกไปทันที เครื่องยนต์ไม่มีทีท่าลดความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย เมื่อผ่านลู่เสี้ยงหยางและหลิวจิ้ง หยาดน้ำที่อยู่ข้างทางสาดใส่ทั้งคู่จนเปียกชุ่มไปทั่วร่าง ลู่เสี้ยงหยางจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา ก่อนหันไปทางหลิวจิ้ง “มันเป็นใคร? ทำไมถึงได้อวดเบ่งขนาดนี้?”
หลิวจิ้งถอนหายใจออกมา “เขาเป็นประธานของติ่งเย่กรุ๊ป หลี่ก้วนจง ตอนนี้บริษัทฉันต้องการการสนับสนุน เขามีความประสงค์นั้น”
“อืม” ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้ารับ
สายลมพัดผ่าน ชุดที่เปียกชุ่มของหลิวจิ้งแนบติดเนื้อกาย เผยให้เห็นผิวที่ขาวนวล ทำให้เธอสั่นเทาไปทั่วร่าง
ลู่เสี้ยงหยางไม่กล้าจับจ้องมากไปกว่านั้น เขาถอดเสื้อคลุมออก พร้อมสวมให้กับเธอ
หลิวจิ้งรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาจับใจ พวงแก้มทั้งสองข้างปรากฏเลือดฝาดแดงละเรื่อ ทีท่าเขินอายของเธอ เสมือนกับสาวแรกรุ่นที่ตกหลุมรักชายหนุ่ม
จากนั้น ลู่เสี้ยงหยางส่งหลิวจิ้งกลับมายังบ้าน
……
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สองวันผ่านไปในพริบตา
หลิ่วหรูยู่ตื่นแต่เช้าตรู่ หลังล้างหน้าล้างตา ในขณะที่เธอกำลังจะเดินทางไปทำงาน โทรศัพท์มือถือในมือดังขึ้น เมื่อเธอยกขึ้นดูเป็นสายจากเพื่อนสนิทของเธอหลัวเจินเจิน
หลิ่วหรูยู่แสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ เพื่อนสาวของเธอคงโทรมาบอกข่าวดีสิท่า
เมื่อวันเธอได้ยาตัวที่เธอพัฒนาขึ้นมาใหม่ หลังผ่านไปหนึ่งคืน คงทำให้หลัวเจินเจินตกตะลึงกับสรรพคุณเป็นแน่แท้
หลิ่วหรูยู่กดรับสาย
“หรูยู่ ฉันมีข่าวดี ฉันมีข่าวดีที่สุดจะมาบอกเธอ” หลัวเจินเจินกล่าวด้วยความตื่นเต้นดีใจ
หลิ่วหรูยู่เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ข่าวดีที่เธอจะบอกฉันเข้าใจแล้ว เธอไม่ต้องพูด ใบหน้าซีกขวาของเธอ รอยแดงบวมดีขึ้นแล้วใช่ไหม ?”
เมื่อวัน หลัวเจินเจินทายาของหลิ่วหรูยู่ที่แก้มด้านขวา ส่วนด้านซ้ายทาด้วยยาของถังปิงหยู่
“ใช่แล้ว หรูยู่ รอยช้ำด้านขวาของฉันดีขึ้นแล้ว เหลือแต่รอยเขียวนิดๆและยังเจ็บอยู่” หลัวเจินเจินเอ่ยตอบ
“อืม เห็นแล้วใช่ไหม นี่เป็นสรรพคุณของยาตัวใหม่ที่ฉันพัฒนาขึ้นมา ขยะที่ถังปิงหยู่ให้เธอ โยนทิ้งได้เลย ทีหลังใช้ยาที่ฉันให้เธอ ไม่ถึงสัปดาห์ หน้าเธอจะกลับมาสวยดั่งเดิม” หลิ่วหรูยู่เอ่ยด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
หากแต่ ประโยคหลังจากนั้นของหลัวเจินเจินทำให้เธอนิ่งค้างอยู่กับที่ ในสมองขาวโพลน
“ไม่ เธอผิดแล้วหรูยู่ ข่าวดีที่ฉันจะบอก ไม่ใช่เรื่องนี้ หน้าซีกซ้ายของฉันหายสนิทดีแล้ว เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนเลย”
อะไรนะ?
เป็นไปได้อย่างไร? !
เปรี้ยง!
เสียงสายฟ้าฟาดดังขึ้นในหัวของหลิ่วหรูยู่ โทรศัพท์ลื่นไหล ตกลงกับพื้น
หน้าซีกซ้ายของหลัวเจินเจิน เป็นของถังปิงหยู่ไม่ใช่หรือ?
ตอนนี้รอยช้ำบนใบหน้าซีกซ้ายหายสนิทดีแล้ว นั่นหมายความว่า ยาของถังปิงหยู่ดีกว่ายาตัวใหม่ที่เธอพัฒนาขึ้นมาใหม่หลายเท่า
ไม่ เป็นไปไม่ได้ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่
หลิ่วหรูยู่ดึงสติกลับคืนมา เธอโน้มตัวลงก้มเก็บโทรศัพท์ พร้อมตอบโต้หลัวเจินเจิน “เธอล้อเล่นอะไรกัน? คงไม่ใช่แยกซ้ายขวาไม่ออกหลอกนะ คิดว่าหน้าซีกขวาเป็นหน้าซีกซ้ายให้ตาย เงาสะท้อนในกระจกมันตรงข้ามกันนะ”
หลิ่วหรูยู่มีความเชื่อมั่นเต็มที่ คิดว่าข้างที่หายดี ต้องเป็นข้างขวาแน่ แต่เธอกลับเข้าใจผิดคิดว่าเป็นข้างซ้าย
หลัวเจินเจินทนไม่ไหว หลิ่วหรูยู่คิดว่าเธอไร้สมองหรือยังไง? ที่แยกไม่ออกแม้ซ้ายขวา
“นังบ้า หลิ่วหรูยู่ ฉันไม่ได้โง่ อย่ามาดูถูกไอคิวฉัน ฉันต้องพูดอีกกี่ครั้งเธอถึงจะเชื่อ ด้านซ้ายฉันทายาของถังปิงหยู่เมื่อวัน ฉันหายดีตั้งแต่เช้านี้แล้ว ด้านขวา หลังใช้ยาของเธอ วันนี้ยังคงเป็นรอยเขียวและยังเจ็บอยู่ ถ้าเธอไม่เชื่อ ก็มาดูเอาเอง”
ตืดตืด!
หลัวเจินเจินตัดสายทิ้งทันทีที่จบประโยค
โอ้ย! ! !
หลิ่วหรูยู่อยู่สักพัก ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่เชื่อ ที่หลัวเจินเจินพูดเมื่อครู่ เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ ขยะของถังปิงหยู่ จะเทียบกับยาตัวใหม่ที่เธอพัฒนาขึ้นได้อย่างไร?
นึกขึ้นได้ดังนั้น เธอหยิบกระเป๋าจากโซฟา พร้อมออกจากบ้าน
เธอต้องไปเดี๋ยวนี้ ไปดูให้เห็นกับตา ใบหน้าที่หายเป็นปลิดทิ้งของหลัวเจินเจิน ตกลงเป็นด้านขวาหรือด้านซ้ายกันแน่?!